บท
ตั้งค่า

3.ความเหมือนที่แตกต่าง

******* ทักทายคร้า กำลังสนุกเลยนะคะ เวลาผ่านไปเร็วมากๆ พระเอกเริ่มรุกคืบมาเมืองไทย แล้วจะเจอนางเอกยังไงยังไงน้า....ไปติดตามกันคร้า...*******

ยี่สิบหกปีต่อมา ณ ประเทศไทย

ร่างสูงสง่าสวมสูทสากลสีน้ำเงินเข้มของ ลาห์มานอฟ โจนาธานมัลเตโอ นักธุรกิจที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของโลกชาวเยอรมัน เดินออกจากห้องประชุมใหญ่ของกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางเหล่าบอดี้การ์ดนับสิบทำให้เขาดูน่ากลัวและน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก ร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับของผู้ชายแถบตะวันตก ใบหน้าคมเข้มขึ้นสันเล็กน้อย บริเวณแก้มและปลายคางมีเคราขึ้นเขียวครึ้ม ปลายจมูกโด่งขึ้นสันรับกับริมฝีปากได้รูปได้อย่างน่ามอง ดวงตาคมกริบดุจอินทรีมองบรรดานักข่าวที่มารอทำข่าวอยู่หน้ากระทรวง

เหล่าบอดี้การ์ดในสูทสีดำสวมแว่นตาดำใบหน้าเรียบเฉยกันนักข่าวที่กรูเข้ามาขอสัมภาษณ์ถึงผลการประชุมการร่วมลงทุนในประเทศไทย ร่างสูงหยุดเดินและเอียงหน้าไปพูดบางอย่างกับรัฐมนตรีกลาโหมของไทย แล้วหันไปยิ้มให้กับนักข่าวก่อนจะเดินไปที่รถ ชานติ เดโฟ หัวหน้าบอดี้การ์ดและพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาส่วนตัวของลาห์มานอฟยืนเปิดประตูรออยู่ จากนั้นขบวนรถก็ขับออกไปจากหน้ากระทรวงตรงไปยังโรงแรมหรูที่เตรียมไว้ต้อนรับแขกคนสำคัญของรัฐบาล

“กลับที่พักเลยนะชานติ” เสียงทรงอำนาจสั่งสั้นๆ สายตาคมยังคงมองทิวทัศน์นอกตัวรถด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใบหน้าคมเข้มนั้น คนสนิทอย่างชานติรู้ดีว่าในหัวของเจ้านายหนุ่มเต็มไปด้วยเรื่องของธุรกิจที่กำลังจะลงทุนในเอเชียและเรื่องราวการลอบสังหารพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน

“มอนโตโทรมารายงานว่าคุณแอชลีย์หนีออกจากคฤหาสน์ตามบอสมาเมืองไทยแล้วนะครับ”

ลาห์มานอฟขยับตัวหันไปมองเมื่อได้ยินชื่อของหลานชายวัยยี่สิบห้าย่างยี่สิบหก

“ให้คนไปรับที่สนามบินแล้วพาตัวไปที่โรงแรม” ลาห์มานอฟสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกเบาๆ อย่างหนักใจกับพฤติกรรมขวางโลกของเจ้าหลานชายตัวแสบ

หลังจากที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาเสียชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ได้รับลูกชายคนเดียวของพี่ชายมาอยู่ในความดูแล และปลูกฝังให้แอชลีย์ทำธุรกิจมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่แอชลีย์กลับเลือกเรียนด้านการเกษตรจนจบปริญญา ควบคู่ไปกับเรียนด้านการบริหารและการตลาด โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รู้ จนกระทั่งทนายประจำตระกูลส่งรายงานค่าใช้จ่ายประจำเดือนของเจ้าหลานชายตัวแสบมาให้เพราะยอดเงินสูงผิดปกติ และคำตอบที่ได้ก็คือ แอชลีย์เอาเงินไปซื้อที่ดินหลายพันไร่ที่เชียงใหม่ทิ้งเอาไว้ เพื่อที่ว่าวันหนึ่งอาหนุ่มขยายธุรกิจมาทางเอเชียจะได้มีเวลาแวะไปทำสิ่งที่รักบ้าง

“กลับไปเที่ยวนี้คงต้องคุยกันยาว”

ชานติเหลือบกระจกมองหลังพลางผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างหนักใจ เพราะความคิดของสองอาหลานต่างกันสุดขั้ว เผชิญหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกทีไป แต่ชานติก็ยังเห็นความรักและความผูกพันของคนทั้งคู่มีให้กันไม่เสื่อมคลาย และคนที่ห้ามทัพทุกครั้งก็คงหนีไม่พ้น เดฟเดวิท วาซอมบี้ เพื่อนรักและเป็นญาติห่างๆ ที่สำคัญคือผูกพันกับตระกูลโจนาธานมัลเตโอมาหลายชั่วอายุคน

“บางทีคุณแอชลีย์อาจจะอยากตามหาความฝันของตัวเองก็ได้นะครับบอส”

“ฉันไม่เคยห้ามให้มันฝัน แต่ฉันสอนให้มันอยู่กับความจริง ความจริงที่มันต้องนั่งบริหารงานแทนพ่อของมัน ไม่ใช่ทำตัวเพ้อฝันอยากเป็นชาวไร่เหมือนญาติฝ่ายแม่ของมันแบบนั้น” ลาห์มานอฟตอบกลับไปอย่างโมโหเหมือนทุกครั้งที่คุยเรื่องนี้ ใบหน้าคมเข้มมองออกไปนอกตัวรถอย่างหงุดหงิด เป็นจังหวะเดียวกับเสียงโทรศัพท์ของชานติดังขึ้น บอดี้การ์ดหนุ่มคุยโทรศัพท์ไม่นานก็ตัดสายและหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“คนของเราได้ตัวคุณแอชลีย์แล้วครับ ตอนนี้กำลังเดินทางไปที่โรงแรม” ลาห์มานอฟพยักหน้ารับรู้แทนคำตอบ จากนั้นภายในรถก็เงียบเมื่อเจ้านายหนุ่มต้องการความเป็นส่วนตัว

******** ขอบคุณที่ติดตามจ้า**********

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel