บทที่4
ธาริณีมีความรู้สึกเหมือนปากหล่อนจะเจ่อขึ้นมากะทันหัน แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาทำอะไรแล้ว หัวสมองหมุนติ้วแต่ไม่ลืมคำว่า “อาชา รัตน์รังสรร” นายคนนี้ที่ได้ยินเสียงร่ำลือเรื่องเสือผู้หญิงเพราะเขาเป็นคนแบบนี้นะเองคลำใครไม่มีหางก็จะจัดการหมด โดยไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่นเลยแบบนี้เหรอ หรือว่าหญิงสาวทั้งหลายของเขาอาจชื่นชอบกับคนรวยหน้าตาดีอย่างนายคนนี้ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่หล่อน ลองเป็นแบบนี้เกลียดจนตาย
ทันทีที่ปากเป็นอิสระ ธาริณีก็ตะโกนร้องทันที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ค่ะ ช่วย.....อุ๊บ!”
คราวนี้เขาอุดการตะโกนร้องของหล่อนด้วยริมฝีปากที่อุ่นจนเกือบร้อนนั้นสอดแทรกลิ้นควานหาความหวานของอีกฝ่ายทำให้ธาริณีหมดเรี่ยวแรงที่จะทนยืนอยู่ได้ กลายเป็นเขาต้องประคองร่างของหล่อนเอาไว้ มีเสียงคนเดินและคุยกันเบา ๆ อยู่ข้างหลังสักครู่ก็ผ่านไป อาชาไม่สนหรอกว่าจะเป็นแขกเหรื่อคนไหนมาเห็นเข้า จะเก็บไปนินทาอย่างไรเขาสนเสียที่ไหนล่ะ เพราะที่ผ่านมาเขาก็เห็นหัวข้อสนทนาของสายชาวเม้าส์อยู่แล้ว เขามีอะไรที่จะต้องเสีย
เขาจึงอ้อยอิ่งอยู่กับการจูบเฟ้นหาความหอมหวานจากปากหล่อนอยู่นานกว่าจะปล่อยเป็นอิสระ และทันทีที่เขาปล่อยนั้นเองมือทั้งสองข้างของหญิงสาวก็ผลักอกเขาเต็มแรง ทำให้เขาผงะไปข้างหลังนิดหนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว และก่อนที่จะตั้งหลักได้ ก็โดนฟาดด้วยอะไรอะไรสักอย่างที่หล่อนก้มลงไปหยิบ!
“โอ้ย....เจ็บนะคุณ”
เสียงเขาร้องพลางให้มือปัดป้อง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะมันยังฟาดลงมาที่เขาอีก
“พอแล้ว หนามทั้งนั้นเลยนะ โอ้ย!นี่กุหลาบน่ะ”
“ไปตายซะคนบ้า จะไปตายไหนก็ไป!”
“ปากอีกแล้ว ติดจนเป็นนิสัยอย่างนี้จะต้องสอนบ่อย ๆ ซะแล้ว”
เขาพูดปนขัน ๆ ขณะหลบกำกุหลาบที่กำลังฟาดซ้ำลงมาอีก แต่คราวนี้ผิดคาดเขากำมือหล่อนยั้งเอาไว้ได้ ก่อนจะใช้มือที่ว่างแตะไปที่ปลายคาง
“ได้เลือดเลย....เธอต้องชดใช้”
“อย่านะ ไม่งั้นฉันร้องอีก”
“ร้องอีกก็...โดนจูบอีก “
“ก็ลองดูสิ ฉันไม่ยอมฝ่ายเดียวหรอกนะ”
เขามองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าก็นึกขัน ๆ กับชุดที่รุ่มร่ามนั้น หน้าตาของเจ้าของชุดไปคนละทางกันเลยตอนนี้ แต่ก็ยอมรับว่าภายใต้การตกแต่งหน้านั้นหล่อนมีผิวพรรณตามธรรมชาติแบบไหนเหมือนที่เขาเห็นมาแล้วเมื่อครั้งก่อน
“ทิ้งช่อกุหลาบนั้นลง ไม่งั้นผมไม่ปล่อย”
“ไม่ คุณนั่นแหละปล่อยฉัน” นัยน์ตาหล่อนเอาเรื่อง
ที่จริงมันเหลือเพียงก้านกุหลาบเท่านั้นเพราะดอกของกุหลาบนั้นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น หนามของมันเกี่ยวเอาปลายคางของอาชาได้เลือดซิบเลยทีเดียว
“ดอกกุหลาบกระจุยกระจายหมดแล้ว...ทำไงจะได้คู่กับเขาล่ะทีนี้” เขาเย้าขัน ๆ “ปล่อย....บอกให้ปล่อยยังไม่อยากปล่อยอีกใช่ไหม”
“โฮ้ย...ฉันเจ็บนะ”
เจ้าของเสียงหน้าเหยเกเมื่อเขาบิดข้อมือเพื่อบังคับให้ทิ้งช่อก้านกุหลาบนั้น ในที่สุดธาริณีก็ทนไม่ไหวจำเป็นต้องปล่อยมือให้ช่อก้านดอกกุหลาบนั้นหล่นลงพื้นไปอีกครั้ง
“ปล่อยมือฉันนะ”
“ปล่อยแน่นอน....แต่บอกเอาไว้ก่อนอย่าทำเก่งอีก ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น”
ก่อนที่หญิงสาวจะตอบโต้เขาออกไปอีก ร่างก็ถูกกระชากเข้ามาแนบกับอกกว้างของเขา ริมฝีปากอุ่น ๆ พร้อมจมูกโด่ง ๆ นั้นก็ฝังมาที่ริมฝีปากและพวงแก้มของหล่อนอีกครั้ง โดยไม่ให้ตั้งตัวได้เลย จากนั้นเขาก็ผละร่างออกไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้าจะกลับเข้าไปในงานแนะนำว่าไปที่ห้องน้ำก่อนนะ ค่อยกลับไป”
ธาริณีหันซ้ายขวาเพื่อหาอาวุธก็เห็นเฉพาะช่อก้านกุหลาบเท่านั้นไวเท่าความคิดหล่อนก้มหยิบมันขึ้นมา แล้วตั้งท่าจะรี่เข้าไปฟาดเข้าทางด้านหลังของเขา
“อ๊ะ อย่าเชียวนะ” เขาหันมาเผชิญหน้าอย่างฉับไว
“ฟาดมาคราวนี้จะจูบไม่ปล่อยเลย...ลองดูสิ”
เท้าที่กำลังจะรี่เข้าไปหาหยุดกึกยังกับตุ๊กตาหมดลานมือที่ถือก้านกุหลาบค้างอยู่อย่างนั้นแม้แววตาจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่ายแต่บางครั้งแววตาของหล่อนก็อับอายอ่อนไหวเข้ามาแทรกเช่นกันจนทำให้พวงแก้มแดงซ่านไปหมด
“ไปห้องน้ำดูแลความเรียบร้อยตัวเองโน่น อย่าเที่ยวตามมาระรานคนอื่นเขา”
“ไอ้คน......”
“อย่าเชียวนะ” เขายกนิ้วพร้อมหรี่ดวงตาลงแคบเล็กข้างหนึ่งอย่างเอาเรื่อง
“ฝึกนิสัยเสียใหม่คราหน้าเจอกันอย่าให้ได้ยินเชียว... ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนผมจะสั่งสอนคุณตรงนั้นเลยคอยดูกันไป”
แขนที่ถือช่อก้านกุหลาบที่ค้างอยู่ตกลงข้างกายพร้อมปล่อยช่อก้านกุหลาบลงกับพื้นปากเม้มเข้าหากันแน่น น้ำตาเอ่อคลอเบ้า ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้เขาแล้วผละเดินออกมา ทำให้ชายหนุ่มต้องถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้งก่อนจะกลับเข้าไปในบริเวณงาน
