บทที่3
5 เดือนต่อมา
ธาริณี ธรเกียรติ วัย 24 ปี เธอมีชื่อเล่นว่าณี เป็นสาวสวยใบหน้าของเธอรูปเป็นไข่ดวงตากลมโตกอร์ปกับขนตาเป็นแพหนาและช้อนขึ้นทำให้เธอมีดวงตาที่สวยซึ้ง รูปร่างและผิวพรรณของเธอทำให้คนที่เห็นมักมองซ้ำทุกครั้งไป ปกติการแต่งตัวสวยๆเพื่อไปงานนั้นเธอไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่วันนี้จำเป็นต้องใส่ เพราะเป็นงานแต่งของเพื่อนรัก เธอจึงอยู่ในชุดเกาะอกสีครีมยาวกรอมเท้า แล้วรีบเร่งฝีเท้าเข้าโรงแรมเพื่อให้ทันเวลางาน ซึ่งโรงแรมนี้เธอเคยมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน
ธาริณีจ้องมองหาป้ายบอกทาง แล้วก็เจอป้ายชื่อเจ้าภาพงานแต่ง จึงเดินตรงไปยังห้องที่ถูกประดับไว้ด้วยดอกไม้สีสันสดใสตลอดทางเดินเข้าไปในห้องที่ใช้สำหรับจัดงานเลี้ยง
“มาช้ายังดีกว่าไม่มา ณี” เสียงพึมพำเอ่ยปลอบใจตัวเอง พร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดเรียกความกล้า ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปภายในงาน ที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างใหญ่โตสมฐานะของเจ้าบ่าวนักธุรกิจใหญ่
เมื่อเข้ามาในงาน สายตาตื่นเต้น จับตามองไปยังด้านหน้าเวที เพราะเจ้าสาวได้โทรนัดแนะเวลาที่แน่ชัดของการโยนดอกไม้ จึงไม่อยากพลาดในเมื่อเพื่อนขอมา ก็จัดไป โดยด้านหน้าเวทียังมีสาว ๆ หลายคน กำลังยืนเกาะกลุ่ม คนมาทีหลังรีบสาวเท้าเข้าไป จังหวะที่สายตาจับจ้องจุดหมายข้างหน้า มีสายตาคมวาววับ จับตามองเรือนร่างบอบบางทุกย่างก้าวของหล่อนอยู่...
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าเวทีแล้วโปรยยิ้มหวาน “ณี” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกชื่อคนที่รอคอย แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ทั้งสองก็สื่อความหมายด้วย สายตาสบกันอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันหลังให้กลุ่มสาว ๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมกับร่างงามย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงอึดเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันที
กุหลาบลอยละลิ่วกลางอากาศพร้อมเสียงหวีดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวร่างบางในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกัน รอรับอย่างรู้จังหวะ
“ว้าย!”
สาวสวยในชุดงามกรีดร้อง ในมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่ทำไมหล่อนถึงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น?...
สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อนๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่...ลงไปนอนหมดท่าอยู่บนพื้น
ทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ คือธาริณีเพื่อนรักของเจ้าสาว แต่ล้มลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นพรม
ตากลมโตที่ยังมึนงงว่าตัวเองล้มได้ยังไง หากไม่มีใครผลัก จึงหันมองไปทางด้านหลัง สายตาปะทะกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมหล่อผิวขาวจัด ทันทีที่เห็นหล่อนก็จำได้ขึ้นใจชาตินี้ไม่มีวันลืมเลย
“อิตาบ้า! คุณผลักฉันใช่ไหม...”
สาวสวยกัดฟันกรอดใส่หน้าชายหนุ่มที่เป็นตัวการทำให้หล่อนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น อีกมือก็ยังกอดช่อกุหลาบไว้แน่น เหมือนกลัวจะหล่นหาย
“เปล่าผมไม่ได้ทำ” คนโดนกล่าวหา ปฏิเสธ พร้อมยกมือสองข้างเสมอไหล่ ยิ้มอย่างไม่สนใจ
“แต่หลักฐานมันฟ้อง” หญิงสาวมองไปบนพื้น “ดูสิ ยังเหยียบชายกระโปรงฉันอยู่เลย!”
ชายหนุ่มก้มมองแล้วก็ต้องกระเด้งตัวกระโดดหนี
“เฮ้ย!...”
ใบหน้าหล่อเปลี่ยนสีหน้าทันตาเห็น เกิดเรื่องอีกแล้วเจ้าเล็ก…เขาก่นด่าตัวเองในใจ
แวบแรกคิดจะเข้ามาทักทาย เพราะหัวใจของเขาแค่ได้เห็นหล่อนเดินเฉิดฉายเข้ามา หัวใจของเขาก็เต้นแรงเหมือนเจ้าเข้า อยากจะเดินมาขอโทษกับเรื่องครั้งก่อน แต่นี่ก็มาทำเรื่องอีกจนได้
อาชาเกาหัวตัวเองแกรก ๆ หันมองไปรอบ ๆ สายตาหลายสิบคู่มองมาเป็นตาเดียวกัน พอหันมองไปบนเวทีกับได้สายตาตำหนิของพี่ชายกับพี่สะใภ้เต็ม ๆ
ธาริณีผุดลุกขึ้นปัดบั้นท้ายและตามเนื้อตัวแรง ๆ ขยับเสื้อเกาะอกที่เลื่อนต่ำให้เข้าที่ หล่อนไม่สนใจสายตาใคร ๆ นอกจากจะจัดการกับผู้ชายตรงหน้าให้หายแค้น
“เจอกับคุณทีไรฉันซวยทุกทีเลย”
เสียงแหลมเล็กตวาดเสียงดัง จนเป็นจุดสนใจของแขกในงานบริเวณนั้น
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวมองหน้ากัน สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็หล่อนบ่นไปปัดกระโปรงไปอย่างคนหัวเสีย
“คุณเองหรอกหรือ” เขาแสร้งทำเป็นเพิ่งจำหล่อนได้ โดยสายตาจับจ้องใบหน้าของหญิงสาวภายใต้ชุดราตรีที่สวยงาม ช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอมากมาย หล่อนเหมาะกับชุดราตรีในค่ำคืนนี้จริง ๆ ผิวเนียนลาดไหล่ หน้าอกดูตั้งเด่นชัดสวยไปหมด ใบหน้ารับกับทรงผมใหม่ที่หล่อนเกล้าขึ้น …ใครจะไปรู้ว่ามันบังเอิญได้ขนาดนี้ เขาอยากเจอหล่อนแต่ไม่มีโอกาศ วันนี้โอกาศดีมาถึงกับมาเกิดเรื่องซ้ำอีก!
“คุณคิดว่าผมโชคดีเหรอที่เจอคุณ” เขาว่าเสียงต่ำลึกทั้งที่ใจโหยหา
“ดูสิแต่งตัวยังกับตุ๊กตาเสียกบาล....กระโปรงยาวเฟื้อยเป็นหางว่าว...ใครไม่เหยียบให้ปาดคอ”
“นะ นา...”
ธาริณีหยุดพูด เมื่อเขายกนิ้วจุ๊ที่ริมฝีปากก็ทำให้หล่อนจำได้ในครั้งแรกเขาว่าหล่อนปากจัด หยาบคาย
“ห้ามพ่นคำอะไรต่อมิอะไรที่คุณเคยพูดกับใครมาแล้วก็ตาม แต่กับผม... คุณจะได้รู้ว่าจะถูกทำโทษอะไรบ้างถ้าพูดหยาบคาย”
เขาว่าหน้าตาย ทำเอาคนปากเก่งถึงกับอ้าปากหวอ กับคำกล่าวหานั้น วันนั้นแค่เขาทำเพียงเท้าแขนทั้งสองรอบตัวเอาไว้ หล่อนก็จะเป็นลมแล้วขนาดอยู่กันแค่เพียงสองคน ถ้าเขาเกิดบ้าดีเดือดทำสิ่งบ้า ๆ ต่อหน้าแขกเรื่อตอนนี้หล่อนก็แย่ละซี
“นายตายแน่วันนี้” หล่อนซิบเสียงลอดไรฟันแบบเครียด ๆ
“เอาเลยกำลังรออยู่”
เขาก้มลงมาแทบจะจมูกชิดแก้มหล่อนเพื่อกระซิบที่หูท่ามกลางสายตาของทุกคนเพราะหล่อนกับเขายังยืนอยู่หน้าเวทีอยู่เลย จะทำอะไรก็ไม่สะดวกหล่อนรีบก้มลงจับชายกระโปรงที่ยาวนั้นให้สูงขึ้นเพื่อจะได้เดินสะดวก
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
หล่อนไม่วายหันไปตะคอกพอได้ยินแต่เขากับหล่อนเท่านั้น และทำท่าจะเดินออกจากหน้าเวที อาชารีบช่วยยกกระโปรงด้านหลังของหล่อนเดินตามต้อย ๆ ออกไป ท่ามกลางสายตาเจ้าบ่าวเจ้าสาวและแขกเรื่อในงาน เสียงซุบซิบนินทาจึงอื้ออึงขึ้นด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ พอพ้นออกมาได้ธาริณีก็โล่งอกสูดเอาอากาศเข้าเต็มปอด แต่ไม่ลืมที่จะกอดดอกไม้นั้นไว้เช่นเดิม แต่พอหันกลับมาก็แทบหมดความสดชื่น ทำให้หล่อนชะงักไปที่เห็นคนยืนเกือบชิดหล่อนไม่ชนเอาก็บุญแล้ว
“คุณ!ตามฉันออกมาทำไม่ หา!”
“ทำคุณได้โทษ” เชาบ่นหน้านิ่ง ๆ
“ทำคุณบ้าบออะไรคุณด่าฉันอยู่ฉอด ๆ “
“อันนั้นผมว่าน่าจะเป็นคุณนะ...” เขาว่าหน้าตาเฉย... “อุตส่าห์ยกหาง เอ๊ย ยกชายกระโปรงออกมาให้”
“ใครใช้คุณละ”
“ไม่มี แต่เห็นแล้วสังเวทเลยทำให้”
“นี่! คุณ.....ไปตายที่ไหนก็ไปได้แล้ว”
“อื้อฮือ... นั่นปากนะ ปาก... โตจนมาเลียตูดไม่ถึงแล้วหัดพูดอะไรดี ๆ บ้างสิ เป็นผู้หญิงด้วย”
เหลือที่จะทนแล้ว หล่อนง้างมือ ทำท่าจะตวัดไปที่แก้มเขาสักครั้งด้วยความแค้นใจสุด ๆ แต่ก็ช้าไปกว่ามือเรียวได้รูปของเขาจับหมับเข้าได้ เขาก้มลงมาตะคอกเบา ๆ
“เอะอะ อะไรก็จะด่า จะใช้กำลัง อยากรู้นักมีปมด้อยอะไรมา”
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อยเดี๋ยวนี้....อ่ะ ไอ้ อุ๊บ“
คราวนี้ริมฝีปากร้อนของเขาก้มเข้าประกบริมฝีปากหล่อนดูดเฟ้นอย่างร้อนแรงดุดัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเขาจึงหันมาจูบแบบอ้อยอิ่งโหยหา ไม่เหมือนกับการจูบครั้งแรกที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นดุดัน ข้อมือทั้งสองถูกเขาจับเอาไว้ ตอนนี้หล่อนไม่สนแล้วว่ากุหลาบจะซ้ำหรือไม่ซ้ำหล่อนปล่อยให้ช่อกุหลาบนั้นหล่นลงสู่พื้นเพราะตอนนี้คิดอย่างเดียวต้องออกจากการพันธนาการของเขาให้ได้ เผื่อมีใครเดินออกมาเห็นเข้าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ๆ ขณะที่เขายังจูบเคล้าคลึงอ้อยอิ่งอย่างใจเย็น และชั่วอึดใจใหญ่ ๆ เขาก็ปล่อยริมฝีปากของหล่อนให้เป็นอิสระ
