ตอนที่ 4 ตามสืบ
ตอนที่ 4 ตามสืบ
โซ่กดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทถามไถ่เรื่องที่สงสัยอยู่ เขาอยากรู้ว่าเพลิงไปรู้จักมินธิดาได้ยังไง ยิ่งพอได้รู้ก็ยิ่งหงุดหงิดและก็ตกใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าบ้านของเธอจะร่ำรวย เพราะตอนที่รู้จักเธอ เธอก็ฐานะธรรมดาบ้านอยู่ข้าง ๆ บ้านของย่าเขา แต่พอได้รู้ว่าพ่อของเธอเป็นใครก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม
“มึงอย่ายุ่งนะเมียกู”
“(ไอ้เวรกูเองก็มีเมียแล้วไหม)” เพลิงตอบกลับมาอย่างนึกหมั่นไส้เพื่อน ตื่นมาเมียหายโวยวายไม่หยุดแถมยังมาหึงหวงอีก ไหนวะคนที่บอกว่าจะไม่มีใครในชีวิต อยากจะมองบนจริง ๆ เพลิงเองก็ตกใจ คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคนทั้งสองต้องมีอะไรแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงที่เพื่อนเขาฝังใจจะเป็นมินธิดา
หลังจากที่วางสายเพื่อนพอได้รู้ว่าคนตัวเล็กเป็นใครมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรแล้วกับการตามสืบเรื่องของเธอ โดยเฉพาะที่อยู่ของหญิงสาว โซ่ให้คนของลุงจัดการให้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว ไหนรถของคนตัวเล็กนั้นอีกยังไงก็ต้องมาเอา มีหรือที่จะหนีเขาได้พ้น จากที่อารมณ์หงุดหงิดในยามนี้คนตัวสูงเผยความดีใจออกมา
“ยิ่งอยากหนีมากเท่าไร ฉันจะทำให้เธอไม่มีสิทธิ์ไปจากชีวิตฉันได้อีกเลยคอยดู”
อีกด้าน
มินธิดาตื่นขึ้นมาก่อนจะเอ่ยลาเพื่อนที่กลับไปแล้ว เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอเห็นสภาพร่างกายของตัวเองก็ยิ่งหนักอึ้งมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าเขาจะหื่นมากขนาดนี้ ทำรอยทั่วร่างกายของเธอไปหมด หญิงสาวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเธอเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เมื่อคืนโซ่ไม่ได้ป้องกัน นั่นจึงทำให้คนตัวเล็กรีบอาบน้ำเพื่อที่จะออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน พอปรึกษาเภสัชกรอะไรเรียบร้อยหญิงสาวก็โล่งใจขึ้นมาที่ยังกินยาทันอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะนึกค้อนอีกคนในใจ
หญิงสาวแวะซื้อของเข้าคอนโด เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านกับพ่อตั้งแต่ที่ขึ้นมหาวิทยาลัย นับว่าดีเหมือนกันที่จะได้ไม่ต้องอยู่อย่างอึดอัดอย่างนั้น แต่ถึงขนาดย้ายออกมาอยู่ส่วนตัวแล้ว แต่ทุกครั้งที่บิดาเธอสั่งให้กลับบ้านเธอก็ต้องทำตาม ที่เธอต้องทนยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างก็เพราะว่าเธอมีเหตุผลนั่นเอง คนตัวเล็กถอนหายใจออกมา เธอรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ กับชีวิตที่เป็นอยู่ แต่ที่ทำให้เธอมีกำลังใจในทุก ๆ วันก็คือมารดานั่นเอง
แม่ของเธอป่วยหนักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งนี่ก็คือข้อตกลงของเธอกับบิดา ก่อนหน้านั้นพ่อแม่ของเธอแยกทางกัน หลังจากหย่าร้างเธอก็ไปอยู่กับแม่ที่ราชบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดา ส่วนบิดาก็แทบไม่เคยเจอหน้ากันเลย เรียกได้ว่าตลอดหลายสิบปีเธอแทบไม่เจอหน้าพ่อ อาจจะมีบางครั้งที่ท่านโทรมาหาเช่นวันเกิดของเธออะไรทำนองนี้ ซึ่งทุกวันเกิดของเธอพ่อเธอจะโอนเงินมาให้จำนวนหนึ่ง มันมีแค่นั้นจริง ๆ ไม่เคยมีความรักให้ เพราะบิดาเธอเขาแต่งงานใหม่มีลูกใหม่แล้ว น้องชายที่อายุห่างจากเธอห้าปี ถึงแม้ภรรยาใหม่ของพ่อจะไม่ได้รังเกียจอะไรเธอ แต่การที่ไปอยู่ด้วยมันก็ทำให้เธออึดอัดพอสมควร จนกระทั่งเธอเข้ามหาวิทยาลัย เธอจึงขอร้องบิดาว่าอยากย้ายมาข้างนอก พ่อของเธอก็ยอม ท่านเช่าคอนโดให้เธออยู่ ให้เงินรายเดือนใช้ทุกเดือน พูดถึงตรงนี้มันเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย ดูอย่างในตอนนี้ เพราะคำว่าผลประโยชน์ท่านจึงอยากให้เธอแต่งงานกับลูกชายเพื่อนของท่าน โดยไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิดว่าเต็มใจหรือเปล่า
อีกวันผ่านไป
โซ่มองเอกสารที่ในมือด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง หลังจากที่ลูกน้องของลุงส่งประวัติของผู้หญิงที่เขาให้ไปตามสืบมาให้เขา เขารู้ที่อยู่เธอ รู้ว่าเธอเรียนที่ไหน รู้หลายเรื่องของเธอที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้อะไรเลย เขารู้แค่ว่าตอนนี้แม่ของเธอป่วยอยู่ในโรงพยาบาล แต่ถึงจะรู้อย่างนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องบอกเลิกเขาไปด้วย
“เป็นไร ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก” หลุยส์เอ่ยถามหลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานที่อยู่ในสนามแข่งของเขากับเพื่อนที่ร่วมลงทุนกันทำ
“กวนตีน!”
“ทำมาเป็นหงุดหงิดใส่นะมึง นี่อะไร” คนมาใหม่ดึงกระดาษในมือของเพื่อนมาดูอย่างถือวิสาสะพร้อมกับเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย
“มึงให้คนไปสืบประวัติผู้หญิงคนนี้ทำไม สนใจเหรอ?”
“ไม่ต้องอยากรู้ เอาเวลาไปยุ่งกับเมียมึงโน่น” เมียที่เขาหมายถึงก็คือลูกปัดนั่นเอง นับวันยิ่งเห็นความหวานของเพื่อนที่มีต่อรุ่นน้องสาวเขาก็ยิ่งรู้สึกหมั่นไส้ ตอนแรกบอกไม่ได้รักไม่ได้ชอบไม่คิดสนใจเอามาทำเมีย ก็แค่เด็กเลี้ยงก็แค่นางบำเรอเบื่อเมื่อไหร่จะทิ้ง ท้ายที่สุดนั่นแหละก็อย่างที่เห็น พอลูกปัดอยากเลิกก็ตามติดไม่ยอมปล่อย จนเป็นหมาอยู่ช่วงนึงนั่นแหละ
“เมียกูกูยุ่งอยู่แล้ว มึงอะสรุปยังไง ปกติไม่เห็นถึงขั้นนี้เลยนี่หว่า”
“ไม่ไง กูกลับก่อน เคลียร์งานส่วนของกูเรียบร้อยแล้ว” เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ไม่คิดสนใจเพื่อนที่มองตามอย่างสงสัยเลยสักนิด
โซ่ขับรถมายังคอนโดของมินธิดา เขาสอดส่องอยู่นาน อยากรู้ว่าจะได้เจอเธอรึเปล่า ในมือก็ยังหยิบโทรศัพท์เอาไว้ กดเบอร์เธอแต่ไม่กดโทรสักที จนกระทั่งทนไม่ไหวเขาจึงกดโทรไปหาคนตัวเล็ก ไม่นานหญิงสาวก็รับสาย พอได้ยินเสียงหวาน ๆ ก็ทำให้หัวใจแกร่งอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
“(สวัสดีค่ะ ใครคะ?)” เพราะเธอถามคนในสายไปหลายครั้งแต่ก็ไม่ตอบสักที จนคนตัวเล็กเริ่มเผยน้ำเสียงหงุดหงิดออกมา
“(ถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะคะ)”
“เดี๋ยวดิ รีบเหรอ” โซ่ตอบกลับไป คนในสายพอได้ยินเสียงของเขาก็ตกใจไม่น้อยเลย
“(พี่โซ่!)”
“หึ ดีใจที่จำผัวได้” แค่ได้ยินเสียงเธอก็รู้แล้วว่าเป็นเขา นั่นจึงทำให้คนตัวสูงยกมุมปากขึ้นมา
“(เอาเบอร์มิ้นท์มาได้ไง?)”
“ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนิ ไม่ต้องบล็อกอีกละ และก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนเบอร์หนีด้วย เธอคิดว่าจะหนีฉันได้จริง ๆ เหรอ?” ก่อนหน้านี้เธอต้องเปลี่ยนเบอร์หนีเขาไปแล้วรอบนึง ตอนที่เธอบอกเลิกเขา คิดว่าครั้งนี้เขาจะยอมให้มันเกิดขึ้นงั้นเหรอ เปลี่ยนแล้วยังไง เขารู้ที่อยู่เธอ รู้บ้านเธอ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปอยู่แล้ว
“(อย่าโทรมาอีกนะ?)”
“สั่งผัว?” ชายหนุ่มได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมา เธอคงหงุดหงิดมากกับการที่เขาพูดแบบนั้นออกไป
“อยู่ไหน”
“(อยากรู้ไปทำไม)”
“อย่าทำให้หงุดหงิด อยู่ไหน แล้วรถซ่อมเสร็จแล้วไม่ไปเอาแล้วไง”
“(ไม่เกี่ยวกับพี่)” เธอรู้ว่ารถซ่อมเสร็จแล้วตอนที่อู่โทรมา แต่เธอยังไม่ได้ไปรับรถเพราะกลัวว่าจะเจอเขานั่นแหละ
“แน่ใจว่าไม่เกี่ยว อย่าลืมดิว่าเธอเป็นเมียฉัน เรื่องของเมียก็คงเป็นเรื่องของผัวเหมือนกัน”
“(พี่เลิกพูดแบบนี้สักทีจะได้ไหม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะ!)” หญิงสาวตัดสายด้วยท่าทีไม่พอใจ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเผยสีหน้าหงุดหงิดออกมาที่เธอทำแบบนี้กับเขา แต่พอโทรกลับไปอีกฝ่ายก็ไม่รับ โทรไปอีกครั้งก็ถูกบล็อกเบอร์หนีอีกจนได้
“มินธิดา ได้ จะเอาแบบนี้ใช่ไหม!” น้ำเสียงคาดโทษดังขึ้น ชายหนุ่มยังคงจอดรถอยู่หน้าคอนโด อยากจะบุกเข้าไปหาแต่ว่าคอนโดแห่งนี้ค่อนข้างที่จะมีการรักษาความปลอดภัยอยู่พอสมควร เหมือนกับว่าคนที่ไม่มีบัตรไม่สามารถเข้าไปข้างในได้
