ตอนที่ 3 ตีตราจอง
ตอนที่ 3 ตีตราจอง
คำถามที่ชายหนุ่มเอ่ยออกมา มันทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นไหวมากขึ้นกว่าเดิม เธอรักเขาใช่ว่าไม่รักเสียหน่อย แต่แล้วยังไงในเมื่อเธอมีสิ่งสำคัญที่ต้องเลือกมากกว่าเขา เธอกลับไปรักเขาไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ มินธิดากัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้ก่อนจะยอมเป็นคนใจร้ายเอ่ยคำพูดนั้นออกไป
“ไม่ค่ะ มันก็แค่รู้สึกดี แต่เอาจริง ๆ มิ้นท์ไม่ได้รักพี่ถึงได้บอกเลิกพี่ไง ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามายุ่งกับมิ้นท์อีกเลยนะคะ” คนฟังถึงกลับชะงักไป หัวใจของเขาถูกผู้หญิงคนนี้เหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจริง ๆ ในเมื่อเธอไม่เคยเห็นค่าความรักของเขา ต่อจากนี้ไปเขาก็จะไม่รักเธออีก
“จะยุ่ง เธอจะทำไม!”
“พี่โซ่”
“จำเอาไว้นะเธอจะไม่มีวันไปจากฉันได้ มินธิดา!” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มเขาก็บดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง หญิงสาวพยายามหันหน้าหนีไม่ยอม แต่ก็แทบไม่เป็นผลใด ๆ ก่อนที่การกระทำอันเจ็บปวดของชายหนุ่มจะก่อเกิดขึ้น บางครั้งก็ทำเหมือนรักเธอ บางครั้งก็ทำเหมือนต้องการให้เธอเจ็บปวด สายตาที่โซ่มองคนใต้ร่างมันมีหลายอารมณ์มากจริง ๆ
ผ่านไปพักใหญ่
หลังจากที่ทุกอย่างจบลงเขาจึงยอมออกห่างจากร่างกายของคนตัวเล็กที่ในตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ก่อนหน้าเธอยังคงร้องไห้แต่ทว่าตอนนี้กลับเงียบจนทำให้คนตัวสูงรู้สึกทำตัวไม่ถูก เขายอมรับว่าหน้ามืดไปหน่อย เพราะโมโหกับคำพูดที่เธอบอกมา แต่พอได้ครอบครองเธอ ได้รู้ว่าตัวเองได้เป็นคนแรกของเธอ เขาก็ยิ่งรู้สึกหวงแหน บอกตามตรงโซ่ดีใจไม่น้อยเลย
เขาขยับกายไปหาคนตัวเล็กพร้อมยกแขนขึ้นมาโอบกอดเธอจะดึงเข้ามาใกล้ แต่มินธิดาก็ขืนตัวหนี เธอรู้สึกแย่กับตัวเองที่ไม่สามารถต่อต้านเขาได้ ในตอนแรกเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดร่างกายของเธอก็ยินยอมเป็นของเขา ไหนจะหัวใจเธอนั่นอีก ที่มันพ่ายแพ้ให้แก่ชายหนุ่ม
“อย่าดื้อ กอดนิดกอดหน่อยไม่ได้เลยรึไง”
“ในเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ปล่อยสักที”
“ไม่ นอนนี่อย่าดื้อ”
“ไม่ ฉันจะกลับ!” น้ำเสียงแข็งของคนตัวเล็กดังขึ้นมา เธอขยับกายจะลุกขึ้นแต่ทว่าเขากลับไม่ยอมปล่อยเธอง่าย ๆ มิหนำซ้ำยังกอดเธอให้แน่นกว่าเดิมอีก
“แทนตัวเองเหมือนเดิม อย่าท้าทายให้มาก” เขาไม่ชอบที่เธอแทนตัวเองว่าฉันแบบนี้ อารมณ์ไม่พอใจของคนตัวเล็กเผยออกมาอย่างชัดเจน เธอหันหน้าหนีไม่อยากจะมองอีกฝ่ายเลย เขามาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไงกัน ไม่คิดว่าการที่กลับมาเจอในรอบ 3 ปีมันจะเป็นแบบนี้
“ทำไมถึงมาอยู่กรุงเทพฯ?” เพราะเมื่อก่อนเธออยู่ต่างจังหวัด หลังจากที่หญิงสาวบอกเลิกเขาเธอก็หายเงียบไป เขาไม่ได้ข่าวคราวของเธออีก ไม่รู้ด้วยว่าเธอไปอยู่ไหนทั้งเธอและมารดาของเธอย้ายไปอยู่ที่อื่น มาเจอเธอที่นี่ก็นับว่าตกใจเหมือนกัน
“อยากรู้ไปทำไมคะ”
“ก็แค่ตอบ” โซ่พูดนิ่ง ๆ แต่น้ำเสียงมันดุดันพอสมควร
“ไม่เกี่ยวกับพี่ เลิกกอดสักทีมันอึดอัด” เธอสะบัดตัวหนีแต่เขาก็ไม่ยอม ทำเอาหญิงสาวชักสีหน้าออกมา
“สรุปไปรู้จักไอ้เพลิงมันได้ยังไง” เขายังติดใจ ยังอยากรู้มากจริง ๆ ว่าเธอไปรู้จักกับเพื่อนของเขาได้ยังไง
หญิงสาวไม่ตอบ เธอเลือกที่จะนอนหันหลังหนีอีกฝ่าย ท่าทีของเธอทำให้คนตัวสูงถอนหายใจออกมา อยากจะโทรไปหาเพื่อน ถามตอนนี้เลยมันก็ไม่ใช่เวลา เพราะในตอนนี้มันตี 3 กว่าแล้ว เพราะความเหนื่อยล้าทำให้หญิงสาวหลับไปในที่สุด ชายหนุ่มที่ยังนอนอยู่ข้าง ๆ เขาลอบยิ้มมุมปากออกมา เธอสวยขึ้นเป็นสาวมากขึ้น แตกต่างจากในตอนนั้นอยู่เล็กน้อย ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขาเสียอาการอยู่เหมือนเดิม
“ทำไมเธอต้องใจร้ายกับพี่ด้วย ไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่อย่าคิดว่าจะไปจากพี่ได้อีก” เขาพึมพำออกมา ก่อนที่มือจะยกขึ้นมาโอบกอดเธออยู่เหมือนเดิม เขาเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ แต่เพราะความเจ็บใจและก็รักมากเขาจึงทำไม่ดีกับเธอ รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อครู่นี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีมาก ๆ เขาหักหาญน้ำใจเธอ ทำให้เธอตกเป็นของเขา มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยจริง ๆ
เสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้หญิงสาวที่เพียงแค่หลับตาลงไปเฉย ๆ ลืมตาขึ้นมา เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง คำพูดของเขาใช่ว่าเธอจะไม่ได้ยิน มันได้ยินทุกอย่างและก็รู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ เหมือนกัน แต่เธอมีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น และเรื่องของเธอกับเขามันคงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
มินธิดาค่อย ๆ ขยับกายออกห่างจากชายหนุ่ม เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะรีบสวมใส่เสื้อผ้าที่เขาเป็นคนถอดออกจากร่างกายเธอไป ใบหน้าหวานเผยความรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา เธอรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลย แต่ก็ต้องข่มความรู้สึกนี้เอาไว้ เอาตัวเองออกไปจากที่นี่
หญิงสาวโทรหาเพื่อนสนิทที่วันนี้ไปฉลองวันเกิดด้วยกัน ไม่นานน้ำชาก็ขับรถมารับเธอด้วยใบหน้าตกใจเพราะคิดว่าเพื่อนควรจะกลับไปถึงคอนโดนานแล้ว แต่พอเห็นสีหน้าเศร้า ๆ น้ำชาจึงไม่ได้ถามอะไรออกมา ก่อนจะพาเพื่อนไปส่งที่คอนโด เธอเองก็มานอนต่อที่ห้องเพื่อนด้วยเพราะมีเรื่องอยากจะคุย
“สรุปจะให้คำถามหรือแกจะเล่าเอง”
“พอดีรถเสียน่ะก็เลยมีเรื่องนิดหน่อย”
“นี่แกไม่ได้ไปเจอเรื่องไม่ดีมาใช่ปะ”
“เจอ แต่มีคนมาช่วยไว้ทัน แกยังจำพี่เพลิงที่ฉันเล่าให้ฟังได้ปะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าแกไปนอนกับพี่เพลิงมา” น้ำชารู้เรื่องของเพลิงเพราะเธอเป็นคนบอกเอง เพื่อนคนนี้มินธิดาค่อนข้างที่จะสนิท นับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะหญิงสาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วย พ่อของน้ำชาเป็นพี่ชายของบิดาเธอนั่นเอง
“ไม่ใช่”
“อ้าว สรุปยังไงกันแน่”
“ฉันเจอเขา”
“เขาไหน”
“พี่โซ่”
“แฟนคนแรกที่แกเคยเล่าให้ฉันฟังน่ะหรอที่คบกันตั้งแต่อยู่ราชบุรี” น้ำชามีสีหน้าตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินเพื่อนพูดมาอย่างนั้น พอเห็นเพื่อนพยักหน้ามันก็ยิ่งทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
“บ้าน่า กรุงเทพฯ แคบขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นั่นดิ ฉันรู้แค่ว่าบ้านพ่อแม่เขาอยู่กรุงเทพฯ แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่อีกครั้ง” เพราะบ้านที่โซ่ไปคือบ้านย่าของเขา เมื่อก่อนเธอก็อยู่ที่ราชบุรีบ้านของมารดาเธอก่อนที่เธอจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับบิดา
“แล้วยังไง เขาทำร้ายแกหรือเปล่า”
“ไม่ แค่มีปากเสียงกันนิดหน่อย” หญิงสาวไม่ได้พูดความจริงไปทั้งหมดเพราะเธอไม่อยากบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกับผู้ชายคนนั้น
“แล้วไป ว่าแต่โซ่ไหนแกไม่เคยให้ดูรูปสักที” รู้ว่าชื่อโซ่แต่ไม่รู้ว่าคือโซ่ไหน น้ำชาทำหน้าคิดก่อนจะเลิกคิ้วสูง เพลิง โซ่ นี่คงไม่ใช่รุ่นพี่ต่างมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงกลุ่มนั้นหรอกใช่ไหม
“เดี๋ยวนะเพลิง โซ่ คงไม่ใช่กลุ่มวิศวะมหาลัยXXXหรอกใช่ไหม”
“ฉันไม่รู้อะ” เธอไม่ได้สนใจหรอกว่าเพลิงเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนเธอเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวตอนที่บิดาแนะนำให้รู้จัก เจอกันอีกครั้งก็ก่อนหน้านี้นั่นแหละ นึกถึงเรื่องที่บิดาของเธออยากให้เธอหมั้นหมายกับเพลิงมันก็ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่ เธอไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลย แต่ก็ไม่มีทางเลือกใด
“เดี๋ยวฉันไปสืบเอง เธอก็นอนเถอะอย่าคิดมาก”
“อืม ขอบใจนะที่ไปรับฉัน”
“เออ ๆ ญาติกันปะ” ถึงแม้ว่าครอบครัวของน้ำชาจะแยกตัวออกไป แต่เธอกับน้ำชาก็ยังสนิทกันอยู่เพราะเรียนอยู่ที่เดียวกัน
อีกด้านของโซ่
เขางัวเงียตื่นขึ้นมา ใช้มือควานหาคนตัวเล็กที่นอนกอดแต่ก็ต้องเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามันมีแต่ความว่างเปล่า เขารีบลุกขึ้นไม่สนใจด้วยซ้ำว่าในตอนนี้ตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไรเลย ก่อนจะเดินไปดูในห้องน้ำ มองดูข้างนอก ก็ไม่พบวี่แววของหญิงสาว แสดงว่าเธอหนีเขาไปอีกแล้วใช่ไหม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูกล้องวงจรปิดเห็นช่วงเวลาที่เธอเดินออกไปก็ได้แต่กัดฟันแน่น เธอหนีเขาไปตั้งแต่ตี 4
“โธ่เว้ย!” มันหงุดหงิดจริง ๆ คิดว่าจะไปจากเขาง่าย ๆ งั้นเหรอไม่มีวันนั้นหรอก
