บท
ตั้งค่า

บทที่ 4: เป็นหญิงหม้ายหาใช่ชีวิตจะจบสิ้น [2/1]

นอกจากจะเป็นพระรองข้างถนนก็เกือบจะได้เป็นพระรองติดคุกหัวโตข้อหาทำร้ายร่างกายชาวบ้านอยู่แล้วถ้าหากมีนาไม่เข้าไปช่วยเหลือเสียก่อน และการที่คังยูพูดจาไม่ปกติ ใช้แต่ภาษาสำนวนโบราณ ท่าทางดูล้นๆ เกินๆ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปักใจเชื่อว่าเขาเป็นพวกสติไม่เต็มเต็ง

ก็น่าเชื่ออยู่หรอก คนสติดีๆ ที่ไหนใส่ชุดโบราณอย่างนี้ออกมาเดินเพ่นพ่านกัน ถึงตอนแรกจะเข้าใจว่าเป็นชุดของพระราชวังคยองบกที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่าเพื่อใส่ถ่ายรูปก็เถอะ แต่เมื่อตรวจสอบดูแล้ว ชุดอย่างนี้ไม่มีในนั้น คังยูจึงรอดพ้นข้อกล่าวหามาได้อย่างหวุดหวิด ทว่าเขาก็ยังไม่สะทกสะท้านใดๆ นอกจากดึงดันจะเข้าไปตำหนักด้านในซึ่งเป็นตำหนักว่าราชการของกษัตริย์ในอดีตให้จงได้ มีนาจึงต้องรีบลากออกมาจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว ดีที่เขาพอจะเข้าใจได้ว่าตนสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวจึงได้หยุดดื้อดึง ทำให้มีนาโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่งว่าเขาจะไม่ก่อเรื่องอะไรให้เธอในวันนี้แล้ว

ในเมื่อวันนี้ไม่ได้เรื่องอะไร ไว้วันหลังค่อยว่ากันก็ได้ ใช่ว่าพระราชวังคยองบกจะหนีไปไหนสักหน่อย ไว้เตรียมคังยูให้พร้อมก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่

เป็นความตั้งใจของหญิงสาว ขืนทู่ซี้พาเขาเข้าไปข้างในเพื่อหาประตูมิติอะไรนั่นโดยไม่ทำให้เขาคุ้นชินกับยุคสมัยปัจจุบันเสียก่อน มันก็จะเป็นเรื่องอีกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เริ่มอันดับแรกเลยที่การเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เธอจะไม่ยอมให้เขาใส่ชุดรองเจ้ากรมเดินเฉิดฉายไปมาในกรุงโซลอีกต่อไปแล้ว

ดังนั้นตลอดการเดินทางโดยสารรถไฟใต้ดินมายังตลาดทงแดมุนซึ่งเป็นตลาดค้าเสื้อผ้าเครื่องประดับแฟชั่นทั้งปลีกและส่งแห่งใหญ่ของกรุงโซล มีนาจึงอธิบายไม่หยุดว่าเขาควรปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างการอยู่ที่นี่ เหมือนตอนนี้คังยูพอจะปรับตัวได้บ้างแล้ว และก็ทำความเข้าใจได้แล้วเช่นกันว่าเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในยุคสมัยของตนเองด้วยการไปเยือนพระราชวังหลวงในวันนี้ เขาสังเกตว่าพระราชวังและตำหนักหลายส่วนมีการเปลี่ยนแปลงและเสียหายไปมาก

หรือจะถูกอริราชศัตรูเผาทำลายอย่างที่หญิงสาวเล่าให้ฟังจริงๆ?

ไม่อาจจะทำใจให้เชื่อได้เลย ทว่าภาพที่เห็นก็ทำให้เขาอดเชื่ออย่างเสียมิได้ และเพราะเชื่ออย่างนั้น ใจของเขาจึงพะวักพะวนอยู่ไม่สุขขึ้นมา

นางจะเป็นเช่นไรบ้างนะ

นึกถึงดวงหน้าผุดผาดของหญิงคนรักกะทันหัน ก่อนจะถูกเบนความสนใจเมื่อได้ยินเสียงใสเจื้อยแจ้วของผู้หญิงตัวเล็กข้างหน้าเขา

“ถึงแล้ว ลงสถานีนี้เลยค่ะ เดินตามฉันติดๆ เลยนะ ที่นี่คนเยอะ เดี๋ยวจะหลงเอา”

คังยูพยักหน้ารับ ระหว่างทางที่ก้าวเดินตามแผ่นหลังบางของหญิงสาว เขาก็ต้องประสบกับความยุ่งยากเมื่อบรรดานักท่องเที่ยวพากันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขาเป็นการใหญ่ ทำเอามีนาต้องสวมบทบาทเป็นผู้จัดการดาราในการกันเขาออกจากฝูงชนอีกครั้ง ในวินาทีนี้เธอตระหนักได้แล้วว่าถ้าต้องการให้เรื่องมันวุ่นวายน้อยลงกว่าเดิม เธอจะต้องให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยุคปัจจุบันให้เร็วที่สุด

ยิ่งโบราณ ยิ่งดูเด่น

ยิ่งแต่งชุดโบราณ ยิ่งดูหล่อ

ดังนั้นสิ่งที่มีนาต้องทำคือลดความหล่อของเขา

จัดการลากคังยูเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายร้านแรกที่เดินมาเจออย่างรวดเร็ว คว้าเอาเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนมาทาบทับบนร่างกายของเขาทีสองทีก็ดึงไปยังห้องลองเสื้อผ้าแล้ว การกระทำถึงเนื้อถึงตัวนั้นทำให้คังยูไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะต้องดุออกมาเมื่อมีนาถลาเข้ามาในห้องลองเสื้อผ้าด้วย พลันจัดการถอดเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้น

“ประเดี๋ยวก่อนแม่นาง แม้ข้าจะเป็นชายแต่ข้าหาได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อเจ้า การที่เจ้าจะพลีเรือนร่างให้ข้าในสถานที่เช่นนี้เห็นว่าจะเป็นการไม่สมควร”

“พลีร่างกายอะไรล่ะ แค่จะช่วยคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเฉยๆ รู้หรือไงว่าเสื้อผ้าสมัยนี้เขาใส่กันยังไง” มีนาสวนคืน

คังยูไม่เข้าใจคำที่หญิงสาวพูดนัก ทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมาแล้วอธิบายช้าๆ

“คืออย่างนี้นะคะ การที่คุณใส่ชุดรองเจ้ากรมเนี่ยมันทำให้คุณดูเด่น แล้วมันก็ไม่เป็นผลดีเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าคุณต้องการอยู่ที่นี่ก็ต้องแต่งตัวให้กลมกลืนกับสภาพสังคม เคยได้ยินคำว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามหรือเปล่า”

คังยูนิ่ง ไม่ตอบโต้ใดๆ แต่เข้าใจความหมายที่มีนาพูดดี

“ได้ ข้าจะเปลี่ยนอาภรณ์เช่นเจ้าว่า แต่เจ้าหาได้จำเป็นต้องช่วยข้าไม่”

“ก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอกค่ะ แต่ติดกระดุมเป็นใช่ไหม” ว่าพลางชี้นิ้วเรียวไปยังกระดุมเสื้อเชิ้ตที่แขวนอยู่

คังยูพินิจอยู่ครู่หนึ่ง มีนาเดาเอาว่าคงจะใส่ไม่เป็นจึงว่าเร็วๆ

“เอาเม็ดกระดุมใส่เข้าไปในรูนี้น่ะค่ะ มันก็จะกลัดกันเอง กระดุมกางเกงก็เหมือนกัน ส่วนซิปนี่ก็รูดขึ้นนะคะ เท่านี้ก็เสร็จแล้ว”

รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่เคยใส่เสื้อผ้าพวกนี้มาก่อน แต่คังยูก็หาได้หัวช้า ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดไม่ ก็แน่ล่ะ เขาได้คะแนนสอบควากอเป็นอันดับหนึ่งของปี ไยถึงจะไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ อย่างนี้กัน

“ได้ เจ้าออกไปเถิด หากข้าต้องการอะไรจะเรียกหาเจ้า”

ออกปากไล่ขนาดนี้ มีนาก็ไม่อยู่แล้ว ยอมออกจากห้องลองเสื้ออย่างว่าง่าย ผ่านไปไม่นานนักก็ต้องชะโงกหน้าเข้าไปในห้องลองเสื้ออีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำร้องเรียก

“แม่นาง ข้ามีเรื่องใคร่ถาม”

“ว่าไงคะ”

“กระดุมนี่...กลัดไม่ได้”

จ้องมองดูดีๆ ก็เห็นคังยูในชุดกึ่งโบราณ กึ่งสมัยใหม่

จะว่าอย่างไรดีล่ะ คือเขายังคงเกล้ามวยเช่นเดิม เพียงแต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ในตอนนี้กลับเป็นเสื้อผ้าแฟชันในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด มันดูดีเลยทีเดียวล่ะ เสียแต่ว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่นั้นไม่สามารถติดได้

“เล็กไปสินะคะ”

มีนาพึมพำ สายตาจับจ้องไปยังแผ่นอกและหน้าท้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามและร่องรอยแผลเป็นจากการถูกอาวุธฟาดฟันตามท้องเรื่องนิยาย พลันก็แอบสูดน้ำลาย

หูย...เด็ด เผ็ด และแซ่บมาก

จะแสดงอาการชื่นชมออกมากก็ไม่ได้ ใบหน้าร้อนผะผ่าวที่ได้เห็นกล้ามหน้าท้องประดุจนายแบบในนิตยสารใกล้ชิดก็จริง แต่ความอยากดูมีมากกว่า เธอจึงต้องรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวฉันจะไปหาไซส์ที่ใหญ่กว่านี้มาให้ รอที่นี่ก่อนนะคะ อย่าไปไหนล่ะ”

สิ้นเสียงก็รีบก้าวออกจากที่ตรงนั้น ทิ้งให้คังยูมองตามพลางครุ่นคิด

แม่นางผู้นั้นหน้าแดงเถือกเชียว หรือจะไม่สบาย?

ไม่ใช่ไม่สบายอะไรหรอก ท่านรองเจ้ากรมจะรู้หรือไม่นะว่าที่ใบหน้าของมีนาแดงเรื่อจากโลหิตที่สูบฉีดอย่างนั้นเป็นเพราะความมาดแมนแฮนด์ซัมของเขานั่นแหละ

มีนายกมือขึ้นลูบใบหน้าไปทีหนึ่งเพื่อเรียกสติออกมาจากความฟุ้งซ่าน ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตรุ่นเดียวกันที่ไซส์ใหญ่กว่าเดิมมาถือไว้ในมือ เดินไปเลือกเสื้อแบบอื่นมาด้วย เผื่อคังยูจะได้ลอง ทว่าเลือกได้ไม่เท่าไรก็ต้องชะงักเมื่อสายตาปราดไปเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตา

นั่นมัน...

หญิงสาวนิ่งค้างทันควัน วินาทีเดียวกัน อีกฝ่ายก็รู้สึกตัวว่าถูกใครบางคนจ้องมองอยู่จึงหันมาทางสายตาคู่นั้น มีนารีบหลบตาทันทีแต่ไม่ทันแล้วเมื่อชายหนุ่มส่งเสียงทัก

“อ้าวมีนา เธอก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอ มากับใครล่ะ”

พัคซองอึน...อดีตคนรักที่เพิ่งเลิกราไปเมื่อวันก่อน

ทำไมต้องมาเจอตานี่วันนี้ด้วยนะ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ เลยมีนาเอ๊ย

มีนาถึงกับกล่าวโทษโชคชะตาตนเอง เลวร้ายกว่านั้นเมื่อเห็นว่าซองอึนพาคนรักใหม่มาด้วย

ควงกันออกนอกหน้านอกตาเลยทีเดียว เห็นแล้วก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของมีนาก็บีบรัดแน่นจนปวดแปลบไปหมด ร้าวรานยิ่งกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายทักทายราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ

“แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”

ยังจะมีหน้ามาถามอีก ถูกแฟนนอกใจ แถมถูกทิ้งอย่างนั้น ใครมันจะมาสบายดี!

อยากจะตะโกนใส่หน้าผู้ชายทุเรศๆ คนนี้อย่างนั้นจริงๆ หากแต่สิ่งที่มีนาทำคือการฝืนยิ้มแล้วตอบกลับเสียงเบา

“สบายดีค่ะพี่”

ซองอึนยิ้มรับ “สบายดีก็ดีแล้ว เอ้านี่ อึนบี แฟนพี่เอง ทำงานอยู่ที่เดียวกัน จะแนะนำให้รู้จักนะ”

มาถามเธอว่าสบายดีไหมด้วยสีหน้าชื่นมื่นไม่พอ ยังจะมาแนะนำคนรักใหม่ซึ่งมีสถานะเป็นกิ๊กระหว่างที่คบหากับเธอก่อนหน้านั้นให้รู้จักอีก

ผู้หญิงคนนั้นก็รู้ดีว่ามีนาเป็นใคร แต่พอถูกซองอึนเรียกก็เดินนวยนาดเข้ามาแนะนำตัวกับเธอหน้าตาเฉย

“พัคอึนบีค่ะ คุณน่ะเหรอมีนา เพิ่งจะเคยเจอตัวจริง ผิดจากที่เห็นในรูปมากเลยนะคะเนี่ย” จากนั้นก็ยิ้มหวาน ปรายตามองคนตัวเล็กกว่าอย่างเย้ยหยัน

มีนาถึงกับกัดฟันกรอด

อย่านึกว่าได้ไอ้เฮงซวยไปแล้วเธอจะอยู่เหนือกว่าฉันนะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel