บทที่12 ไม่ปล่อย!
“น้องปรางแม่ซื้อของมาฝาก”
หญิงสาวละสายตาจากลูกน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของแม่ที่เดินเข้ามาใหม่
“ให้หนูเหรอคะ?”
“อันนี้ให้หนู ส่วนอันนี้ให้น้องปริมนะ”
ปรางรับสิ่งของนั้นมาด้วยความเกรงใจ นอกจากแม่จะหยิบยื่นเงินให้แล้วยังชอบซื้อเสื้อผ้ามาฝากเธอกับลูกอยู่บ่อยๆ
“แม่เห็นว่าชุดที่ปรางใส่มันเก่าแล้วเลยซื้อให้ใหม่ เป็นยังไงบ้าง ชอบที่แม่ซื้อให้ไหม?”
“ชอบค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“แอ้~” เด็กน้อยส่งเสียงร้องคล้ายกับดีใจนักหนาเมื่อผู้เป็นย่ายื่นชุดสวยและของเล่นให้
“สงสัยตัวเล็กชอบของที่ย่าซื้อให้แน่เลย ยิ้มกว้างเชียวนะ”
คุณนายอมรามองหลานสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็คล้ายคลึงกับผู้เป็นพ่อไปซะหมด
“เลี้ยงลูกอยู่แต่ในบ้าน ไม่อยากพาลูกออกไปเที่ยวบ้างเหรอ?”
“ปรางไม่รู้ว่าจะพาลูกไปเที่ยวที่ไหนดีค่ะ” คนตัวเล็กพูดไปตามความคิด นานร่วมปีที่เธอเอาแต่เลี้ยงลูกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแทบไม่ได้ออกไปเจอสังคมภายนอก แล้วอีกอย่างเงินที่รามิลให้ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดในทุกๆ เดือน เลยทำให้เธอไม่กล้าที่จะพาลูกออกไปเที่ยวที่ไหน
“ไปทะเลกันดีไหม เห็นปรางเคยบอกกับแม่ว่ายังไม่เคยไปทะเลไม่ใช่เหรอ?”
“…..” พอได้ยินได้ดังนั้นถึงกลับหัวใจพองโต ตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นแต่ในทีวียังไม่เคยไปสัมผัสด้วยตัวเองเลยสักครั้ง
“ครอบครัวเรามีบ้านพักตากอากาศติดทะเลอยู่ที่หัวหิน ไปค้างสักสามคืนกันดีไหม บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับไปพักผ่อนที่สุด”
“…..”
“งั้นเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวให้พร้อมนะ พรุ่งนี้เช้าเราจะไปเที่ยวทะเลกัน”
“เราจะได้ไปเที่ยวทะเลกันแล้วนะน้องปริม หนูดีใจไหมคะ”
“แอ้~” เด็กน้อยปรบมือแปะๆ อย่างชอบใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนเป็นแม่
-เช้าวันต่อมา-
วันนี้ปรางตื่นนอนเช้ากว่าทุกวันเพราะต้องเดินทางไปเที่ยวทะเล เธอหยิบชุดใหม่ที่แม่ซื้อให้ขึ้นมาใส่ พลางจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง จากนั้นจึงจัดเตรียมเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็นหอบหิ้วขึ้นไปไว้ด้านหลังรถ โดยมีคนอื่นๆ ยืนรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“วันนี้คุณปรางกับน้องปริมแต่งตัวสวยจังเลยค่ะ อย่าลืมเที่ยวเพื่อป้าด้วยนะคะ”
“ได้เลยค่ะป้าบัว เดี๋ยวปรางซื้อของมาฝากนะคะ”
สองแม่ลูกดูเหมือนจะดีใจมากที่ได้ไปเที่ยว ปรางรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
เอี๊ยดดด~ เสียงของรถปอร์เช่คันหรูเรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมอง ปรางเม้มปากแน่นด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่คือรามิล
“แกมาทำอะไรที่นี่ตามิล” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นลูกชายโผล่หน้ามาที่บ้านแบบไม่คาดคิด
“ก็นี่มันบ้านผมเหมือนกัน ทำไมจะมาไม่ได้”
“…..”
“กำลังจะไปไหนกัน ดูท่าทางน่าสนุกเชียว” รามิลปรายสายตามองไปยังหญิงสาวที่อุ้มลูกอยู่ บาดแผลที่ฝ่ามือก็ดูเหมือนว่าจะหายดีแล้ว หลายวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันท่าทางของเธอดูมีความสุขดี เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยให้เธอมีความสุขได้นาน!
“แม่จะพาหลานกับหนูปรางไปเที่ยวหัวหิน”
“น่าสนใจดี แม่คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ถ้าผมจะไปด้วยคน”
“ไปถามหนูปรางเอาเอง”
“แล้วทำไมต้องถามยัยนี่ด้วย สำคัญอะไรนักหนา?”
หญิงสาวยืนกำมือแน่นด้วยความอึดอัด เมื่อเห็นสายตาของรามิลที่มองมา
“แม่กับมิลไปกันเลยก็ได้ค่ะ พอดีปรางรู้สึกปะ…ปวดหัว ไม่อยากไปแล้ว”
“ได้ไงล่ะหนูปราง แม่เตรียมทุกอย่างไว้ให้หนูกับหลานหมดแล้วนะ ถ้าไม่ไปนี่เสียดายแย่เลย”
“…..”
“ถ้าหนูไม่ไป แม่ก็ไม่ไปเหมือนกัน” คุณนายอมราพูดอย่างเสียดาย เธอตั้งใจอยากจะพาลูกสะใภ้กับหลานตัวน้อยไปเที่ยว
“…..” พอได้ยินแบบนั้นยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีก สายตาของคนอื่นๆ ที่นั่งคอยอยู่บนรถมองมาทางเธอราวกับต้องการคำตอบ
“ปล่อยให้คนอื่นรอนานๆ มันเสียมารยาทไม่รู้หรือไง” รามิลพูดแทรกขึ้นทำเอาคนตัวเล็กยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก
“ไปก็ได้ค่ะ”
“ก็แค่นั้นแหละ ทำเป็นเล่นตัว”
“…..”
“แกจะนั่งรถไปกับแม่หรือจะขับรถไปเอง”
“เดี๋ยวผมขับรถไปเอง”
“งั้นก็ไปกันเลยตอนนี้สายมากแล้ว เดี๋ยวจะไปถึงบ้านมืดค่ำไปซะก่อน”
“ส่วนเธอพาลูกไปกับฉัน”
“แต่น้องปริมเป็นเด็กต้องนั่งคาร์ซิทนะ รถมิลไม่มีคาร์ซิทมันผิดกฏหมาย” ปรางพยายามหาข้อโต้แย้งเพื่อที่จะไม่ต้องไปกับเขา
“เดี๋ยวค่อยแวะซื้อเอาข้างหน้า คราวนี้เธอจะมีปัญหาอะไรอีกไหม”
“…..”
-หัวหิน-
ใช้เวลาราวๆ เกือบห้าชั่วโมงจากกรุงเทพก็มาถึงจุดหมาย ดวงตากลมโตชะเง้อคอมองผ่านกระจกด้วยความตื่นตาตื่นใจเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่สีขาวติดริมทะเล
“น้องปริมเห็นทะเลไหม ดูตรงนั้นสิมีหาดทรายไว้ให้เรานั่งเล่นด้วยนะ” ปรางพูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไม่ต่างจากเด็กน้อยที่พอเห็นทะเลก็ดีใจยกใหญ่
“พาลูกเข้าบ้าน เดี๋ยวของพวกนี้ ฉันถือไปให้เอง”
ปรางพยักหน้ารับแล้วอุ้มลูกเดินเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งผู้เป็นแม่ได้มาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว ที่พวกเธอมาถึงช้าเพราะน้องปริมงอแงและต้องจอดแวะข้างทางลงจากรถเพื่อพาเดินอยู่บ่อยๆ
“ห้องปรางอยู่ติดกับแม่นะ ส่วนห้องตามิลอยู่ข้างในสุด”
“ค่ะ”
“วันนี้แม่จะพาน้องปริมไปนอนด้วย หนูปรางจะได้มีเวลาพักผ่อนเยอะๆ”
“…..”
“วันนี้ตอนเย็นเราค่อยมาทำบาร์บีคิวริมทะเลกันนะ แม่โทรสั่งอาหารทะเลไว้แล้วด้วย หนูปรางอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม?”
“ไม่แล้วค่ะ”
“ถ้างั้นแม่ฝากปรางเอาของว่างไปให้รามิลทีนะ เห็นบอกว่าจะไปว่ายน้ำที่สระน่ะ”
“ได้ค่ะ”
คนตัวเล็กทำตามคำสั่งแบบไม่อิดออด เธอเดินตรงมายังหลังบ้านที่มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ก่อนจะเห็นชายหนุ่มที่กำลังว่ายน้ำอย่างจริงจัง
“แม่ให้เอาของว่างมาให้ค่ะ” ปรางเดินถือถาดอาหารว่างเข้าไปหาเขาอย่างไม่คิดอะไร
เธอหยุดมองเขาไปชั่วครู่เมื่อเห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยสักก่อนจะได้สติเมื่อได้ยินเสียงของรามิลที่ตอบกลับมา
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ร่างบางพยักหน้าเข้าใจแล้ววางถาดอาหารว่างลงข้างๆ สระน้ำด้วยความระมัดระวัง
พรึ่บ~
“กรี๊ดดด” หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงเมื่อถูกรามิลกระชากชายเสื้อจากทางด้านหลังในขณะที่กำลังจะเดินออกมา จนเซถลาตกลงไปในสระน้ำลึกแบบไม่ทันตั้งตัว
ตู้ม! คนตัวเล็กดำผุดดำว่ายสำลักน้ำจนหน้าแดง โดยมีรามิลยืนมองอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ สำหรับเขาระดับน้ำมีความสูงแค่แผงอกแต่สำหรับเธอแล้วมันลึกจนมิดหัว
“ฮึก~ อึก~ มะ…มิลช่วยด้วย”
พรึ่บ! ร่างของเธอถูกดึงขึ้นจากน้ำด้วยการกระชากคอเสื้อ ร่างบางรีบสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนคนที่กำลังจะขาดอากาศหายใจ
ดวงตาคู่คมจ้องมองเรือนร่างของคนตัวเล็กแบบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเสื้อขาวผ้าบางที่เธอสวมใส่เปียกปอนจนแนบเนื้อเผยให้เห็นสัดส่วนอวบอั๋น
ริมฝีปากบางสั่นระริกพร้อมเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวก่อนจะกอดชายหนุ่มไว้แน่นตามสัญชาตญาณเมื่อความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ปรางว่ายน้ำไม่เป็น!”
“งั้นปล่อยให้จมน้ำตายเลยดีไหม”
“ยะ…อย่านะมิล! ปรางกลัวแล้ว”
คำร้องขอไม่เป็นผล เมื่อรามิลตั้งใจแกล้งปล่อยให้เธอจมน้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอเลยที่จะนิ่งเฉยไม่ดิ้นทุรนทุรายแล้วหลับตาปล่อยให้ตัวเองค่อยๆ จมลงไปยังก้นสระอย่างช้าๆ
“ทำบ้าอะไรวะ!” รามิลสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมรีบดึงคนตัวเล็กมากอดไว้แน่นเพื่อให้โผล่พ้นน้ำ
“อยากให้ปรางตายไม่ใช่เหรอ แล้วจะช่วยทำไม” หญิงสาวพูดเสียงสั่นทั้งน้ำตา ถ้าการตายของเธอมันทำให้ทุกอย่างจบเธอก็ยินดี
“ถ้าปรางตายมิลคงจะพอใจมากใช่ไหม งั้นก็ปล่อยให้ตายไปเลยสิ”
“อย่ามาท้าคนอย่างฉัน!”
“ปรางไม่ได้ท้า ปรางพูดจริง ถ้ามิลจะฆ่าก็ฆ่าตั้งแต่ตอนนี้เลย”
มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำหูน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ ชายหนุ่มอุ้มเธอให้ขึ้นไปนั่งบนขอบสระก่อนจะสังเกตได้ถึงสายตาเฉี่ยวคมที่มองมาแล้วไม่สามารถคาดเดาอะไรจากเขาได้เลย
“ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่ายๆ หรอก”
