บท
ตั้งค่า

บทที่13คืนให้ทุกอย่าง

“ปล่อยได้แล้ว” มือเล็กดันอกแกร่งให้ถอยห่างเมื่อรู้สึกว่ารามิลเริ่มเข้าใกล้เธอมากเกินความจำเป็น

“อยู่ใกล้ฉันแล้วมันทำไม ทีอยู่กับผู้ชายคนอื่นระริกระรี้จนตัวสั่น” ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มอย่างประชดประชันหลังจากได้เห็นท่าทางผลักไสไล่ส่ง

“เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ใจร้ายเหมือนมิลไง”

“…..”

สิ้นประโยคนั้นคนตัวเล็กจึงรีบวิ่งหนีออกมาโดยไม่ยอมหันหลังกลับไปมองเขาอีก

“เป็นอะไรไปหนูปราง ทำไมตัวเปียกมาแบบนั้น” คุณนายอมราเอ่ยถามลูกสะใภ้ที่วิ่งกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพเปียกปอน

“ปรางขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

หลังจากที่ปรางเดินผ่านไปไม่นาน ลูกชายตัวดีก็เดินตามหลังมาติดๆ

“รามิล!” ผู้เป็นแม่เดินเข้าไปขวางหน้าพร้อมจ้องหน้าตัวต้นเหตุอย่างเอาเรื่อง เธอมั่นใจว่าที่หญิงสาวเปียกปอนไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ๆ

“แกแกล้งอะไรหนูปรางอีก”

“เปล่าสักหน่อย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือยัยนั่นมาฟ้องอะไรแม่อีก”

“หนูปรางเขาไม่ได้ฟ้อง แต่เป็นเพราะแม่รู้จักนิสัยแกไง เมื่อไหร่จะเลิกเจ้าคิดเจ้าแค้นกับหนูปรางสักที”

“ให้ตายก็ไม่มีวัน”

“ห้องแกอยู่ทางนู้น รีบไปสิ” ผู้เป็นแม่พูดทักท้วงเมื่อเห็นว่าลูกชายเอาแต่มองจ้องไปทางห้องของหญิงสาว

“ที่แม่เตือนเพราะกลัวว่าแกจะเผลอเข้าห้องผิด”

“…..”

-หลายชั่วโมงต่อมา-

“ฮะ…ฮัดชิ่ว~” ปรางรีบยกมือขึ้นปิดปากหลังจากที่เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังจะโดนพิษไข้เล่นงาน อาจจะเป็นเพราะสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกเลยทำให้ปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่แบบนี้

“ไหวไหมหนูปราง สีหน้าหนูดูไม่ค่อยดีเลย”

“ปวดหัวเหมือนจะไม่สบายน่ะค่ะ”

“แย่จริง! ระวังน้องปริมติดไข้ด้วยนะ”

“ค่ะแม่ ปรางพยายามระวังอยู่” คนตัวเล็กพูดเสียงอ่อน ถ้าอยู่ใกล้หรือคลุกคลีกันมาก เด็กน้อยที่ไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกันอย่างน้องปริมก็อาจจะติดไข้จากเธอได้ง่าย

“มาเที่ยวทั้งทีแต่ดันมาป่วย แบบนี้ก็หมดสนุกแย่เลยสิ”

“ปรางได้กินยาแล้วนอนพักอีกสักหน่อยก็คงหายแล้วค่ะ”

“ถ้างั้นหนูไปนอนพักเถอะ ส่วนน้องปริมแม่จะดูแลให้เอง”

“ปรางขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้อยู่ช่วยทำอาหารเลย” เธอพูดเสียงอ่อนอย่างรู้สึกผิด ถ้าฝืนดันทุรังทำอะไรไปมากกว่านี้อาจจะได้ป่วยหนักกว่าเดิม

“ไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้เอง หนูปรางรีบไปพักเถอะจ้ะ จะได้หายป่วยไวๆ”

“…..”

“ยัยนั่นหายไปไหนทำไมไม่มาดูลูก?” รามิลถามผู้เป็นแม่หลังจากสอดส่องสายตามองหาแล้วไม่เห็นหญิงสาว จะเหลือก็แค่แม่กับแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันตรงนี้

“หนูปรางไม่สบายแม่เลยให้ไปพัก”

“…..” เพียงแค่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอต้องป่วย

“ส่งน้องปริมมาสิ เดี๋ยวผมดูแลเอง”

“ผีอะไรเข้าสิง ถึงนึกอยากจะดูแลลูกขึ้นมา”

“…..” ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มลูกสาวไว้เอง

“ดูแลน้องปริมดีๆ นะ”

“ผมไม่ทำอะไรเด็กนี่หรอก แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

คุณนายอมรามองสองคนพ่อลูกที่เดินออกไปอย่างอดห่วงไม่ได้ เพราะคนอย่างรามิลไม่ค่อยชอบดูแลหรือเอาใจใส่ใคร แล้วยิ่งเป็นเด็กเล็กแบบน้องปริมคงอยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวอีกไม่นานก็ต้องรีบอุ้มลูกกลับมาคืนให้เธอเป็นแน่

-เช้าวันต่อมา-

“เป็นยังไงบ้างปราง อาการดีขึ้นหรือยัง?” ผู้เป็นแม่เอ่ยทักทายเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องในช่วงสายของอีกวัน สีหน้าของเธอดูสดใสขึ้นเยอะเลย

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดูแลน้องปริมให้”

“ไม่ต้องขอบคุณแม่หรอก แม่ไม่ได้ดูแลอะไรเลย เมื่อคืนน้องปริมอยู่กับพ่อเขาทั้งคืนเลยนะ ไม่ตื่นกลางดึกมางอแงด้วย”

“…..” ปรางมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดว่าสิ่งที่แม่พูดมันคือความจริง

“รามิลรักน้องปริมมากนะ มันแค่ไม่ยอมรับตัวเอง” คนเป็นแม่หันไปกระซิบกระซาบข้างหูใกล้ๆ

“…..”

“แล้วบ้านที่หนูจะย้ายไปอยู่ ทำเรื่องไปถึงไหนแล้ว?”

“…..” บรรยากาศรอบตัวเริ่มตึงเครียดขึ้นมา รามิลละสายตาจากจอทีวีขนาดใหญ่เมื่อได้ยินในสิ่งที่แม่กำลังพูด

“ตอนนี้กำลังให้คนมาทาสีใหม่ ซ่อมประตูกับหน้าต่างอีกหน่อยก็โอเคแล้วค่ะ” ปรางตอบอย่างไม่คิดอะไร แต่พอได้เห็นรามิลกำลังมองมาถึงกลับต้องรีบหลบสายตาในทันที

“ไม่เห็นจะต้องพาลูกไปอยู่ไกลขนาดนั้น”

“อยู่ต่างจังหวัดค่าใช้จ่ายมันถูกกว่าค่ะ แล้วบริษัทที่จะไปทำก็อยู่ใกล้บ้านด้วย น่าจะสะดวกดี”

“แม่คงห้ามไม่ได้แล้วใช่ไหม” ผู้เป็นแม่พูดด้วยใบหน้าเศร้าลง แต่ก็เข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของปราง

ในเมื่อคนทั้งสองไม่ได้รักกัน ก็ไม่มีความจำเป็นหรือเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ด้วยกันอีก ที่ผ่านมาเธอก็เพิ่งรู้ว่าลูกชายจะทำร้ายจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้มากขนาดนี้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าลูกชายของเธอเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย ด้วยความรู้สึกผิดจึงไม่อยากบังคับคนทั้งสองอีกต่อไป

“ปรางคิดดีแล้วค่ะ”

“จะไปไหน?” เมื่อทนต่อความสงสัยต่อไปไม่ไหวเขาจึงถามแทรกขึ้นด้วยความอยากรู้

“หนูปรางจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด”

“สูบเลือดสูบเนื้อครอบครัวฉันจนอิ่ม เลยคิดจะพาเด็กนั่นหนีไปง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ” น้ำเสียงกระแทกแดกดันทำเอาร่างบางถึงกลับค่อยๆ หุบยิ้มลงไป

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะตามิล!”

“…..”

“เงินที่มิลกับแม่โอนให้ ปรางเจียดเก็บไว้ทุกเดือน อาจจะไม่มากแต่ตอนนี้พอมีให้เราสองคนแม่ลูกตั้งตัวได้” เธอพยายามอธิบายเพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

“มิลไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น อะไรที่เป็นของมิลปรางไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยสักอย่าง”

“แล้วถ้าน้องปริมป่วยขึ้นมาจะทำยังไง เธอมีปัญญาพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลดีๆ งั้นเหรอ?”

ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล แต่เขายังหมายถึงโรงเรียนในอนาคตด้วยเช่นกัน เขาคิดวางแผนให้ลูกเอาไว้หมดแล้วว่าจะส่งให้น้องปริมเข้าโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้าน แถมยังจ่ายค่าเทอมล่วงหน้าเป็นจำนวนหลักล้านไปแล้วด้วย แต่แค่ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร

“แม่คุยกันไว้แล้วเรื่องอาการป่วยของน้องปริม ถ้าเข้าโรงพยาบาลเมื่อไหร่แม่กับพ่อจะเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง แกไม่ต้องเป็นห่วง” คุณนายอมรารีบแก้ต่างหลังจากที่ได้เห็นท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนของลูกชาย

“…..”

“ส่วนเรื่องค่าดูแลลูกแต่ละเดือนถ้าแกไม่อยากจ่ายก็ไม่เป็นไร แม่ยินดีจ่ายให้เอง”

“แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมเรื่องนี้”

“ปรางไม่คิดว่ามิลจะสนใจเลยไม่ได้บอก”

“…..”

“ถ้าไม่มีเราสองคนแม่ลูกแล้ว มิลจะได้ไปใช้ชีวิตอย่างที่มิลต้องการไง”

“เออ! อยากทำอะไรก็ทำ” รามิลขบกรามแน่นกำมือแน่นอย่างหงุดหงิดจนเส้นเลือดขึ้นปูดโปนไปตามลำคอ

“อวดเก่งให้มันตลอด อย่าให้เห็นว่าคลานซมซานเหมือนหมากลับมาหาฉันอีกก็แล้วกัน!”

“แล้วเรื่องเซ็นใบหย่า…”

“ทำไม!?”

“จะให้ปรางไปเซ็นใบหย่าวันไหนบอกมาได้เลยนะ”

“คงอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่นเลยสินะ ร่านจริง!”

“ไม่ใช่แบบนั้น ปรางแค่คิดว่าถ้าเราหย่ากันแล้ว มิลกับคุณแพนจะได้คบกันแบบสบายใจ”

“ไม่ต้องมาคิดแทนฉัน!”

“…..”

ปึง! หญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อรามิลจงใจกระแทกแก้วน้ำลงบนโตอย่างแรงใส่เธอแล้วเดินออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel