บทย่อ
“รามิล!” หญิงสาวร้องเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญคงไม่กล้าแบกหน้ามาหาเขาถึงที่นี่ “มีอะไร?” “ขอคุยด้วยได้ไหม?” “ถ้าจะคุยก็คุยตรงนี้ มีอะไรก็พูดมา” เขาพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปพูดคุยสังสรรค์กับพวกเพื่อนๆ โดยไม่ได้สนใจท่าทางกระวนกระวายใจของเธอเลยสักนิด “ปรางทะ…ท้อง” เสียงบริเวณโดยรอบสงบลงเมื่อสิ้นสุดประโยคนั้น สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้าสะอื้นร้องไห้ “แล้วยังไง มาบอกฉันทำไม?” “ปรางท้องกับมิล!”
บทที่1 วุ่นวาย
แง้งงงง! เสียงของน้องปริมร้องดังลั่น ในขณะที่ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ ทำให้ต้องหยุดการกระทำแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำกระเตงผ้าขนหนูออกมาดูลูกในทันที
ฉันชื่อปรางอายุ23 มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อน้องปริม อายุเจ็ดเดือนกว่าๆ กำลังซนเลยค่ะ
“หนวกหู! บอกให้ลูกเธอหยุดร้องเดี๋ยวนี้ ฉันจะนอน!” รามิลพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นจากที่โซฟาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
รามิลคือพ่อของลูกฉันเอง ที่เราได้มาอยู่ด้วยกันเป็นเพราะความผิดพลาด
เราเป็นเพื่อนกันตอนสมัยมัธยม พอเรียนจบก็แยกย้ายกันไป จนได้มาเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟที่คลับส่วนรามิลเป็นแขกวีไอพีที่ไปเที่ยว
ในวันเกิดเหตุได้ทิปจากลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องแลกกับดื่ม ด้วยความที่ฉันมีชีวิตที่ลำบากและเห็นเงินจำนวนไม่น้อยวางอยู่ต่อหน้า เลยตัดสินใจดื่มเป็นเพื่อนลูกค้าจนเมามาย
และด้วยความเมาของเราทั้งคู่ที่ไปเจอกันโดยบังเอิญเลยพลาดให้มีอะไรกันในชั่วข้ามคืน แล้วคืนนั้นก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันไปตลอดกาล
สามเดือนถัดมาฉันตรวจเจอว่าตั้งครรภ์ ซึ่งมันก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่าพ่อของลูกคือรามิล เพราะเขาคือผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ฉันมีอะไรด้วย
ฉันรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปบอกเขาว่าท้อง แต่สิ่งที่เขาพูดกลับมามันทำให้ฉันยิ่งช็อคมากกว่า คือเขาไม่ยอมรับและให้เงินฉันก้อนใหญ่เพื่อให้ไปเอาเด็กออก
แต่ฉันยืนยันเสียงแข็งว่าจะขอเก็บลูกไว้ เพราะทำแบบที่เขาบอกไม่ลง มันโหดร้ายเกินไป
พอครอบครัวของเขารู้ก็บังคับให้รามิลแต่งงานกับฉัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ ทำให้เราสองคนต้องแต่งงานจดทะเบียนกันแบบลับๆ เพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ และฉันก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่คอนโดกับเขา
ระหว่างที่ตั้งท้อง ฉันไปหาหมอเองคนเดียวมาโดยตลอด จนวันที่ไปคลอดก็ไปคนเดียว รามิลจะโผล่มาโรงพยาบาลก็วันสุดท้าย แล้วที่เขาไปเยี่ยมก็เพราะถูกพ่อแม่บังคับไม่ได้เต็มใจแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาเขายังไปมาหาสู่กับแฟนสาวมาโดยตลอด แต่นั่นมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะฉันรู้ดีว่าที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันนี้เพราะเหตุผลจำเป็น
ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รักออกไปทางเกลียดฉันกับลูกเสียด้วยซ้ำ เขาเกลียดที่ฉันกับลูกเข้ามาทำลายอนาคต ทำให้ต้องห่างกับแฟนที่เคยคบกันมาหลายปีเพื่อมาแต่งงานกับฉัน
งานบ้านทุกอย่าง การดูแลลูกเป็นหน้าที่ของฉันทั้งหมด ส่วนรามิลเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย และมีธุรกิจที่ทำร่วมกับเพื่อน คอยเลี้ยงดูหาเงินมาดูแลฉันกับลูก
แต่ไม่ว่าเขาจะทำร้ายจิตใจฉันยังไง ฉันก็เลือกที่จะกัดฟันก้มหน้าทนเพราะเห็นแก่ลูก ด้วยฐานะทางบ้านฉันที่ไม่ได้ดี พ่อแม่เสียไปตั้งแต่เด็กและบวกกับน้องปริมที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเป็นโรคเฉพาะทาง เลยทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ หมดเงินไปก็หลายแสน ทำให้ฉันต้องอยู่เพื่อลูกเพราะต้องการพึ่งพาเขา
ลำพังแค่ออกไปหางานทำได้เงินเดือนหมื่นกว่า คงไม่พอค่ายาค่าอาหารเสริมลูกแน่ๆ ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน มันเลยทำให้ฉันต้องอดทน เขาจะทำร้ายฉันยังไงก็ได้แต่อย่าทำร้ายลูกก็พอ
โชคดีที่ครอบครัวของรามิลเอ็นดูฉันกับลูกมาก พวกเขาคอยถามไถ่และหยิบยื่นเงินให้อยู่บ่อยครั้ง มันเลยทำให้ฉันซึ้งใจและพอมีกำลังใจอยู่บ้าง
ฉันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ถ้าน้องปริมเริ่มโตพอที่จะเข้าโรงเรียนได้ ฉันคงต้องออกไปหางานทำจะได้ไม่ต้องคอยแบมือขอเงินเขาอยู่แบบนี้ แล้วถ้าพอมีเงินเก็บและตั้งตัวได้เมื่อไหร่ เราสองคนแม่ลูกก็จะไปทันที
“อย่าร้องนะน้องปริม ชู่ววว” ฉันรีบอุ้มลูกเข้าอกพร้อมโยกตัวเบาๆ เพื่อเป็นการกล่อม
“แง้งงงงง” แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล น้องปริมยิ่งร้องไห้
“พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้หยุดร้อง!” รามิลพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมหลังจากที่เห็นว่าน้องปริมเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
“ใจเย็นก่อนนะมิล ที่ลูกงอแงเพราะไม่สบายน่ะ” ฉันพยายามอธิบายเพราะกลัวว่ารามิลจะโมโหและโกรธลูกไปมากกว่านี้
“เธอเป็นแม่ก็ช่วยทำให้ยัยเด็กนั่นหยุดร้องสักที!”
“ปรางจะพาลูกออกไปเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปเอง น่ารำคาญทั้งแม่ทั้งลูก!” สิ้นประโยคเขาก็ลุกเดินออกไป ท่าทางของเขามันบ่งบอกทุกอย่างว่ารำคาญเราสองคนมากขนาดไหน
ปึ้ง! รามิลปิดประตูห้องนอนใส่ฉันอย่างแรง โดยไม่สนใจว่าลูกจะตกใจหรือสะดุ้งหรือเปล่า
“ไม่ร้องนะคะเด็กดี” ฉันเลือกที่จะไม่สนใจและหันมากล่อนลูกนอนต่อ
“…..”
แกร้ก! เสียงเปิดประตูพร้อมกับฉันที่อุ้มลูกหอบของพะรุงพะรังออกมา ก่อนจะเจอรามิลกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียง
“จะพาลูกไปไหน?”
“น้องปริมไม่สบาย ปรางเลยจะพาไปหาหมอ”
“…..” เขาเงียบไม่พูดอะไรต่อ จะมีก็แต่สายตาที่หันมามองน้องปริมที่หลับอยู่ในอ้อมกอดฉันแค่แวบเดียว
“มิลช่วยขับรถไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหม เดี๋ยวขากลับปรางจะพาลูกนั่งแท็กซี่กลับเอง”
“ไม่ว่าง” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ซึ่งฉันก็เข้าใจและไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนปฏิเสธแบบนี้ แต่ฉันโดนเขาปฏิเสธมาจนชินแล้ว
“ถ้างั้นปรางขอเงินติดตัวสักหน่อยได้ไหม”
“เงินที่เพิ่งให้ไป ใช้หมดแล้วหรือไง!” เขาถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
เงินที่เขาให้ใช้แต่ละเดือนก็แล้วแต่อารมณ์ รามิลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายลูกทุกอย่าง ส่วนฉันถ้าอยากได้อะไรก็ค่อยไปขอเอาทีหลัง
“ปรางเอาไปจ่ายค่าอาหารเสริมลูก กับซื้อของใช้เข้าบ้านก็เกือบจะหมดแล้ว เดือนหน้าปรางจะใช้เงินให้น้อยลงนะ”
“เธอกับลูกนี่มันตัวภาระฉันซะจริง เมื่อไหร่จะไปให้พ้นๆ สักที!” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังควักแบงก์พันปึกหนาวางกระทบโต๊ะอย่างแรงแบบไม่เต็มใจมากนัก แล้วเดินออกไป โดยไม่หันกลับมามองฉันกับลูกอีก
“…..” ฉันก้มมองหน้าลูกด้วยความสงสาร ทำไมเขาถึงไม่รักและเป็นห่วงลูกบ้าง แค่เป็นห่วงสักนิดก็ยังดี