บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

“งั้นก็แสดงว่า เขาคนนี้คือเจ้านายใหญ่ของพ่อศิตา”

“ก็ไม่เชิง เพราะริทเป็นลูกชายของเจ้านายใหญ่พ่อศิตาน่ะจ้ะ”

“อ้อ…แต่โตขนาดนี้แล้ว ยังต้องสอนเรื่องนั้นให้อีกเหรอคะ” เรื่องนั้นที่มาศิตาเอ่ยมา ณิอรรู้ว่าเรื่องอะไร ส่วนเชโรม แม้จะไม่มีใครบอก เขาก็พอจะเดาออกเช่นกัน

มาศิตาถูกส่งมาที่นี่เพราะเขา เลือดในกายเธอทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนแปลกๆ และรู้ได้ทันทีว่าเธอคือคนที่แม่บอกว่าจะมาอยู่ที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เขาให้เธออยู่ด้วยไม่ได้

นั่นเพราะเขารู้ตัวเองดีว่า เกิดมาไม่เหมือนใคร

นั่นเพราะเขารู้ว่า มาศิตามาที่นี่เพราะอะไร

นั่นเพราะเขารู้ว่า หลังจากนี้หากมาศิตายังไม่กลับออกไป ทุกอย่างในชีวิตเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันจะไม่เหมือนเดิม อย่างเช่นที่เขาเป็นอยู่ขณะนี้

“เธอกลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้องการครูสอนพิเศษอะไรทั้งนั้น”

“ริท พูดจากับน้องดีๆ” ณิอรเอ่ยปรามบุตรชายที่เสียมารยาทกับแขกคนสำคัญ คนที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์และปลุกเลือดแห่งแวมไพร์ในตัวเชโรมให้ลุกโชน

“ผมขอตัวเข้าไปในไร่ก่อนนะครับแม่ หวังว่ากลับมาบ้าน จะไม่เห็นเธอคนนี้อีก” เอ่ยจบเชโรมก็ลุกแล้วก้าวออกไปอย่างเร็วราวกับพายุ ทำเอามาศิตานั่งทำตาปริบๆ อย่างงุนงง

“อย่าโกรธพี่เขาเลยนะศิตา พักนี้คงเครียดๆ หลายๆ เรื่อง อารมณ์เลยขึ้นๆ ลงๆ” ณิอรเอ่ยแทนลูกชายคนเดียว

“ค่ะ”

“ไม่ต้องห่วง ที่นี่มันบ้านป้า ใครก็ไม่มีสิทธิ์ไล่หนูศิตาไปไหนได้ทั้งนั้น” มืออุ่นๆ ของณิอรสัมผัสลงไปบนหลังมือเล็กๆ ของมาศิตาอย่างอ่อนโยน นั่นพลอยทำให้คนขาดแม่ หวนคิดถึงแม่ขึ้นมา

“ขอบคุณค่ะ”

“ริทเขาก็เป็นเสียอย่างนี้ ปากร้ายแต่ใจดี ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าไปช่วยเด็ดมะยมให้หนูหรอก”

“อ้อ...ค่ะ” มาศิตาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ ก่อนที่ณิอรจะเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไปจ้ะ เดี๋ยวป้าจะพาไปห้องพัก”

“ค่ะ” เอ่ยรับจบ มาศิตาก็เดินตามณิอรขึ้นไปดูห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ห้องคล้ายๆ กับห้องใต้หลังคา การตกแต่งภายในห้องก็น่าอยู่มาก ยิ่งตรงระเบียงสามารถเปิดออกรับอากาศบริสุทธิ์และยืนมองวิวได้ด้วยแล้ว มาศิตาก็ยิ่งชอบ

“ชอบห้องนี้ไหมจ๊ะ”

“ชอบค่ะ ศิตาฝันมาตลอดว่าอยากมีห้องใต้หลังคาแบบนี้มานานแล้ว ในที่สุดฝันก็เป็นจริง”

“ป้าดีใจที่หนูชอบ” แม้จะเอ่ยอย่างนั้น แต่แววตาของณิอรก็แฝงความกังวล ที่มาศิตาเองพอจะสัมผัสได้

“เอ่อ…ศิตาขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“ถามอะไรจ๊ะ”

“คุณป้าเป็น...เอ่อ…” คนถามอ้ำๆ อึ้งๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ณิอรอึดอัด

“แวมไพร์นะเหรอ” ณิอรชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน เพราะเท่าที่ได้คุยกับอาทิตย์ มาศิตานั้นรับรู้เรื่องการมีตัวตนของแวมไพร์มาตั้งแต่เด็กๆ สมแล้วที่เธอเกิดในตระกูลผู้พิทักษ์

“ค่ะ”

“ป้าไม่ได้เป็นแวมไพร์หรอกจ้ะ ที่นี่มีแค่ริทคนเดียวเท่านั้นที่มีเลือดของแวมไพร์”

“แล้วทำไมเขาถึงไม่กลัวแสงแดดเลยล่ะคะ เพราะเท่าที่ศิตาอ่านประวัติแวมไพร์ทุกตนต้องกลัวแสงแดดนี่นา แล้วตัวเขาก็ไม่ได้ซีดเป็นไก่ต้ม แถมยังจะคล้ำแดดด้วยซ้ำไป” คำถามของมาศิตาทำให้ณิอรยิ้มในความช่างสังเกต

“นั่นเพราะริทมีเลือดแวมไพร์แค่ครึ่งเดียว ป้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แต่พ่อของริทไม่ใช่ แต่ถึงอย่างนั้นริทกลับปฏิเสธที่จะเป็นแวมไพร์ ปฏิเสธเลือดของพ่อมาโดยตลอด”

“อ้อ…แบบนี้นี่เอง ถึงทำให้เขาไม่ดื่มเลือด”

“ใช้จ้ะ ริทไม่ดื่มเลือดและนั่นทำให้เขาเป็นแวมไพร์ที่ไม่สมบูรณ์ และถ้าเป็นอยู่แบบนี้เขาก็จะไม่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์ราชาแห่งรัตติกาลต่อจากพ่อได้ ดีไม่ดี อาจถูกเหล่าแวมไพร์ที่คิดไม่ซื่อฆ่าเอาได้ง่ายๆ”

“งานใหญ่เลยนะคะเนี่ย” มาศิตาลอบถอนหายใจออกมาหนักๆ นั่นเพราะรู้สึกเหมือนแบกรับหน้าที่อันสำคัญไว้บนบ่าเสียแล้ว

“และป้าก็หมดหนทาง ถึงต้องให้หนูศิตามาที่นี่ เพื่อทำยังไงก็ได้ให้ริทดื่มเลือด” ณิอรมองมาศิตาอย่างมีความหวัง แต่ลึกๆ ก็รู้สึกผิดไม่น้อย ที่ต้องโยนภาระนี้ให้มาศิตาไปรับผิดชอบ

“หนูศิตามาจากตระกูลที่เป็นผู้พิทักษ์ หนูคนเดียวเท่านั้น ที่จะปลุกเลือดแวมไพร์ในตัวของริทให้ตื่น หนูคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยครอบครัวของป้าได้”

“คือ…หนูก็อยากช่วยนะคะ แต่ยังคิดวิธีไม่ออกเลยว่าจะช่วยยังไง” มาศิตาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ณิอร เพราะตั้งแต่รู้เรื่อง ก็พยายามคิดวิธีอยู่นาน แต่ก็ยังไม่ได้วิธีเด็ดๆ

“ป้าขอโทษนะ ที่โยนภาระเรื่องนี้ไปให้หนูศิตารับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่ป้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ป้าต้องแข่งกับเวลา หนูศิตาเข้าใจป้าใช่ไหมลูก” ณิอรกุมมืออุ่นๆ ของมาศิตาไว้ สีหน้า แววตาที่ณิอรแสดงออกว่ากลัว กังวลใจ พลอยทำให้มาศิตาปฏิเสธไม่ออก

“ค่ะ…ถึงแม้ศิตาจะยังงงๆ แต่ศิตาจะพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ”

“ขอบใจมากจ้ะ งั้นพักผ่อนตามสบายนะ ป้าขอตัวก่อน”

“ค่ะ” น้ำเสียงสดใสของมาศิตาเอ่ยรับ ณิอรมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับออกไปและทันทีที่เดินลงมาชั้นล่าง ก็หยิบโทรศัพท์กดโทร.ไปหาอาทิตย์ทันที

“ฉันยิ่งรู้สึกผิด ที่ต้องทำแบบนี้กับหนูศิตา” ทันทีที่อาทิตย์รับสาย ณิอรก็เอ่ยออกไป พร้อมๆ กับถอนหายใจออกมาหนักๆ แต่หากไม่ใช่เลือดในตระกูลนี้ ก็ไม่อาจทำให้เชโรมมีพลังได้

เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เธอตกหลุมรักกับราชาแวมไพร์และมีทายาทด้วยกัน ตอนนั้นเธอไม่เคยล่วงรู้ว่าชายคนรักเป็นใคร กระทั่ง เชโรมอายุได้สองขวบ เขาก็ตกอยู่ในอันตราย ถูกไล่ล่าจากผู้หวังทำลายทายาทของราชาแวมไพร์ แม้เด็กคนนั้นจะเป็นครึ่งแวมไพร์ครึ่งมนุษย์ก็ตามที

การไล่ล่ารุนแรงมากขึ้น กระทั่งแฟรงค์ออกอุบายว่าเธอและลูกถูกฆ่าและกลายเป็นศพในกองเพลิง พร้อมกับสร้างหลักฐานเพื่อให้ใครต่อใครเข้าใจผิดและส่งเธอกับลูกมาอยู่เมืองไทยอย่างเงียบๆ และแฟรงค์ก็เลือกที่จะหยุดการติดต่อไปด้วยความจำเป็น

กระทั่งเธอได้รับจดหมายลับโดยเป็นลายมือของสามี ว่าต้องการให้เชโรมกลับไปเพื่อสืบทอดบัลลังก์ต่อ และกำหนดวันมาแล้ว คือวันเกิดอายุครบสามสิบปีของเชโรมที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ณิอรไม่อาจขัดเรื่องนี้ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงให้เชโรมยอมรับ นั่นเพราะลูกชายปฏิเสธเลือดแวมไพร์ที่อยู่ในตัวมาโดยตลอด

ทางเลือกเดียวที่มี คือการส่งตัวมาศิตามาอยู่ที่นี่ นั่นเพราะเลือดของผู้พิทักษ์อย่างเธอ มันหอมหวานกว่าเลือดของใครๆ

“อย่าคิดแบบนั้นครับ ตระกูลของผมคือผู้พิทักษ์ เลือดในกายก็มีไว้เพื่อเจ้านายใหญ่ ก่อนวันสืบทอดบัลลังก์ หากฝ่ายนั้นสืบจนรู้ว่าทายาทของท่านแฟรงค์อยู่ที่ใด คุณสองคนจะยิ่งไม่ปลอดภัย ยิ่งเวลานี้คุณเชโรมไม่มีอำนาจหรือพลังใดๆ ก็ยิ่งง่ายต่อการกำจัด” อาทิตย์เอ่ยด้วยความกังวล

“แต่ศิตาไม่รู้ว่าเธอต้องเสียสละอะไรบ้าง”

“หากเธอรู้ เธอจะภาคภูมิใจครับ” อาทิตย์เอ่ยอย่างมั่นใจ นั่นเพราะมาศิตามีเลือดของผู้พิทักษ์อยู่เต็มตัว และเลือดของมาศิตาแม้เพียงหยดเดียว ก็อาจปลุกเลือดแวมไพร์ในตัวเชโรมให้ลุกโชนได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel