6.เข้าใจ
จากหัวใจที่เหี่ยวแห้งละไร้ความหวัง แต่ทว่าในยามที่เธอมองเห็นใบหน้าของเขามันกลับทำให้เอโลอีสรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อครู่หากเธอได้ยินไม่ผิดเขากล่าวว่าที่มาช้าเพราะเขาต้องทำงานล่วงเวลาอย่างนั้นหรือ
“มะ..ไม่เป็นไรค่ะข้ารอได้ ว่าแต่ท่านทานอะไรมารึยังคะ”
ลูตินขบเม้มริมฝีปากไปมาก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบาๆ
“ข้ารีบร้อนมาที่นี่ก็เลยยังไม่ได้ทานอะไรมาเลยครับ เช่นนั้นเราขึ้นไปยังชั้นสองด้วยกันดีหรือไม่ วันนี้ข้ารับปากเลดี้แล้วว่าข้าจะเลี้ยงเลดี้เอง ข้าพึ่งได้เงินจากการทำงานมา วันนี้เลดี้อยากทานอะไรก็สั่งมาให้หมดเลยนะครับ ข้าจะจ่ายเอง”
แสนดีเกินไปรึเปล่านะ..แสดงว่าที่เขาทำงานล่วงเวลาก็เพราะคำกล่าวของเธอเมื่อวานอย่างนั้นหรือ..ที่ว่าให้เขาจ่ายในครั้งหน้า..เธอพูดไปเพราะว่าอยากจะจ่ายค่าอาหารมื้อเมื่อวานก็เท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าคำกล่าวนั้นจะทำให้เขาต้องลำบากเช่นนี้
“คือว่า..ข้าขอโทษนะคะ อันที่จริงค่าอาหารเหล่านี้ข้าจ่ายได้สบายๆ อยู่แล้ว ท่านลูเซียนไม่ต้องจ่ายให้ข้าก็ได้นะคะ”
ลูตินไม่ได้กล่าวคำใด เขาเพียงส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับเอโลอีสเท่านั้น
น่ารักดีนะ ในตอนที่เรียวคิ้วทั้งสองข้างของเธอมันกำลังลู่ลงเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด สองชั่วโมงที่เขาปล่อยให้เธอรอ แน่นอนว่าเอโลอีสคงนั่งรอด้วยความรู้สึกที่สั่นไหวมากทีเดียว เธอคงกำลังนั่งรอด้วยความสับสนและไม่แน่ใจว่าเขาจะมาที่นี่หรือไม่..ในช่วงเวลาที่เขามองเห็นความอดทนในการรอคอยของเธอกำลังจะหมดลง ลูตินก็เลือกที่จะเดินลงมาหาเธอพร้อมกับเหตุผลที่เขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องทำให้เธอใจอ่อน..
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรครับ ข้าจะให้เลดี้เป็นฝ่ายจ่ายค่าอาหารเพียงอย่างเดียวได้ยังไงกัน ข้าตั้งใจทำงานก็เพื่อให้เลดี้ได้ทานของ อร่อยๆ และเพื่อให้เราได้นั่งคุยกันด้วย..วันนี้กลับช้าได้ไหมครับ ข้าอยากจะอยู่กับเลดี้นานๆ สักหน่อย”
เขามองเธอด้วยสายตาที่ชัดเจนว่าต้องการเธออย่างสุดหัวใจ ราวกับว่าทุกส่วนบนร่างกายของเธอมันเป็นของเขา..
ท่าทีออดอ้อนเช่นนั้นใครมันจะไปทนไหวกัน..
“ค่ะ วันนี้หากกลับช้าสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร”
ในใจของลูตินกำลังท่องคำว่าไม่ต้องรีบร้อนเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เขาอยากรู้ว่าหากเขาขอร้องให้เธอค้างที่นี่กับเขา มันจะเร็วเกินไปรึเปล่านะ ไม่ใช่ว่าเธอจะถอยห่างเขาไปอีกหนอย่างนั้นหรือ..ฉะนั้นแล้วจนกว่าจะแน่ใจว่าแม่หงส์ขาวจะยินยอมนอนร่วมเตียงกับเขาแต่โดยดี เขาไม่ควร..เข้าหาเธอเร็วมากเกินไป
เอโลอีสยกมือขึ้นมาก่อนจะถอดหน้ากากสีม่วงของตัวเองออก เธอส่งยิ้มให้ท่านลูเซียนก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“แล้ววันนี้ท่านลูเซียนยังไม่ถอดหน้ากากอย่างนั้นหรือคะ?”
หน้าตามันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้นเพราะขนาดเขาสวมหน้ากากเช่นนี้ เขายังหล่อเหลามากเสียจนทำเอาเธอแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เพราะความประหม่าเลยด้วยซ้ำ
ลูเซียนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ วันนี้เอโลอีสคงไม่ได้สังเกตสินะว่าเขาพาเธอมายังห้องอาหารที่เป็นห้องส่วนตัว อันที่จริงต่อให้เรานั่งทานอยู่ด้านนอกเหมือนเมื่อวานก็ไม่มีใครมารบกวนเราหรอกเพราะห้องอาหารที่ชั้นสองมีเอาไว้สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น นั่นคือพวกที่สวมหน้ากากสีดำ..ซึ่งผู้สวมหน้ากากสีดำมีแค่สี่คนเท่านั้น ซึ่งมีเขา..และเจ้าพวกสามคนที่เหลือก็ไม่มีทางมาทานอาหารที่นี่ในตอนนี้แน่ๆ เพราะนี่ไม่ใช่เวลาลิ้มรสอาหาร..แต่เป็นเวลาลิ้มรสอย่างอื่นต่างหาก
“ช่วยถอดให้หน่อยได้ไหมครับ..”
เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่แผ่วเบาตรงข้างแก้ม ซึ่งมันสร้างความรู้สึกสั่นไหวให้เธออย่างไม่น่าเชื่อ
เอโลอีสเอื้อมมือไปถอดหน้ากากสีม่วงของเขาออกมา..และในวินาทีที่เธอเห็นหน้าเขาในระยะประชิด หัวใจก็เต้นแรงมากยิ่งกว่าเก่า
“..ผิดหวังรึเปล่าครับ ใบหน้าของข้านั้นไม่เหมือนอย่างที่เลดี้คิดรึเปล่า”
เอาอะไรมาผิดหวังก่อน ความหล่อเหลาที่แทบทำให้เธอหยุดหายใจ เขาไม่ได้เป็นพวกหนุ่มหล่อหน้าใสไทป์หมาโกลเด้น แต่ทว่าเขากลับให้อารมณ์คล้ายๆ กับตัวร้ายเลย..แบบว่าเหมือนหนุ่มแบดบอย..แค่เหมือนเท่านั้นนะเพราะเท่าที่เธอรู้จักกับเขามาสองวันถ้วน เขายังไม่ทำอะไรที่มันไม่ดีกับเธอเลย
“อา..ข้าไม่ได้มองคนที่ใบหน้าหรอกนะคะ แค่มองแล้วรู้สึกใจเต้นแรงก็พอแล้วค่ะ...”
ลูตินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วสัมผัสลงไปบนต้นแขนของเธอ
เอโลอีสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาลูบไล้ไปตามต้นแขนก่อนที่เขาจะซบใบหน้าลงมา
“ข้าเหนื่อยมากๆ เลยครับ เพราะไม่ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวยนั่งจึงทำให้ข้าต้องพยายามมากกว่าคนอื่น.."
เขาแค่ต้องการความสนใจและลูตินมองว่าช่วงเวลาที่เขาบอกถึงฐานะที่ยากลำบากของตัวเอง แววตาของเธอจะเริ่มสั่นไหวและแสดงความสงสารออกมา..
ความสัมพันธ์ของเรานั้นมันเริ่มต้นขึ้นมาจากความโกหก..และเขาไม่คาดหวังว่าระหว่างเขาและเอโลอีสจะทำความรู้จักกันยืนยาวเกินหนึ่งสัปดาห์
ลูตินตั้งใจเอาไว้แล้วว่าภายในระยะเวลาเจ็ดวันเขาจะต้องครอบครองเธอให้ได้...หลังจากนั้นเขาจะละทิ้งตัวตนของลูเซียนแล้ว กลับไปเป็นแกรนด์ดยุคอย่างที่ควรจะเป็น
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดีเลยล่ะค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีที่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยสักหน่อย ในช่วงเวลาที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อฝ่าฟันไปให้ถึงวันพรุ่งนี้มันช่าง..เหนื่อยล้าและทรมานมากเลยใช่ไหมคะ”
เธอเข้าใจมันดีถึงเรื่องนั้น เพราะตัวเธอเองก็เคยทำงานอย่างหนักเพื่อนำพาชีวิตให้มันผ่านพ้นไปเหมือนกัน
เขา..น่าสงสารจังเลย
เอโลอีสขยับยุกยิกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหยิบถุงเงินของตัวเองออกมา เมื่อวานเธอให้เขาสามเหรียญทอง ซึ่งเงินในจำนวนสามเหรียญทองนั้นมันมากขนาดที่สามารถใช้จ่ายในชีวิตของชาวบ้านธรรมดาได้เป็นเดือนเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ถึงเงินที่เธอส่งให้เขามันหนักมากกว่าเดิม และแน่นอนว่าด้านในมันเต็มไปด้วยเหรียญทองมากมายในจำนวนที่นับไม่ถ้วน
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะมองข้าแบบไหนเพราะการกระทำเช่นนี้มันมองได้หลายแบบมากจริงๆ แต่ข้าไม่ได้ดูถูกท่านนะคะ ข้าให้เพราะข้าเข้าใจความลำบากของท่านดีและหากท่านจะมองว่าข้าคือสตรีโง่งมก็ย่อมได้ แต่ข้าไม่อยากให้ท่านเอาเรื่องเงินมาตัดสินความสัมพันธ์ของเรา ข้าไม่ได้ให้เงินท่านเพื่อให้ท่านมารักข้านะคะ แต่ข้าให้เพราะข้าเข้าใจความลำบากของท่าน..”
