
แล้วฉันมาอยู่บนเตียงของตัวร้ายได้ยังไงเนี่ย
บทย่อ
เตียงมีเป็นหมื่นเตียง ผู้ชายมีเป็นแสนคนแล้วทำไม..ผู้ชายของใหญ่เอวดีคนนั้นถึงเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย!!
1.ผิดพลาดหรือโชคชะตา
“...ให้ตายสิเจ้าคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของข้าเลย”
ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่แมวส้มเบื้องหน้ากำลังพูดเท่าไหร่นัก..อันที่จริงมันไม่น่าเข้าใจตั้งแต่ที่ฉันพบเจอเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนี่พูดได้แล้วไหม..
ถึงแม้ว่าไม่อยากยอมรับแต่ว่า..ดูเหมือนฉันจะตายแล้วละสิ ตอนเด็กๆ ฝันเอาไว้ซะไกลแต่พอโตขึ้นมากลับเป็นได้เพียงแต่พนักงานบริษัทเท่านั้น ฉันทำงานมากกว่าสิบสองชั่วโมงต่อวันเพื่อให้รายได้ที่หามามันเพียงพอต่อรายจ่าย..และแน่นอนว่ามันเหนื่อยมากๆ
ไหนใครมันบอกว่าทำงานจนตายไม่มีอยู่จริงไงวะ!!
“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะ คือว่าฉันแน่ใจว่าตัวเองเสียชีวิตเพราะทำงานหนัก แล้ว..นี่มันคืออะไรกันคะ”
แมวอ้วนตัวนั้นยกเท้าหน้าขึ้นมากอดอกเอาไว้
“นี่แม่หนูเคยได้ได้ยินเรื่องของการพาดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเดินทางไปยังอีกมิติหนึ่งรึเปล่า?”
ฉันชะงักเล็กน้อยก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจในคำกล่าวของแมวส้มที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า..
พุงน้อยๆ นั่นขอจกสักทีได้ไหมนะ
“อย่าได้มองข้าด้วยสายตาแบบนั้น..อีกทั้งห้ามเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องตัวข้าด้วย!!”
ราวกับว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนั้นอ่านใจได้เลย
“ฉันเคยอ่านนิยายค่ะ..มีการสวมร่างเยอะแยะจะตายไปทั้งในเกมและในนิยาย หรือว่าฉันจะได้ไปสวมร่างเป็นนางร้ายในนิยายกันคะ ว้าว!! น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ!”
เจ้าแมวส้มส่ายหน้าเบาๆ
“เรื่องการสวมร่างในนิยายน่ะอาจจะใช่แต่ทว่าเจ้าไม่ใช่นางร้ายหรือว่านางเอกเนี่ยนะสิ ข้าขอสารภาพตามตรงว่าข้า..เอาดวงวิญญาณของเจ้ามาเกินน่ะ ปกติจะต้องพามาแค่ผู้เดียวเท่านั้น..แต่เล็บของข้าดันเกี่ยวดวงวิญญาณของเจ้ามาด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ”
“.....”
แล้วฉันควรรู้สึกอย่างไรดีที่เล็บแหลมๆของเจ้านี่ดันเผลอเกี่ยวดวงวิญญาณของฉันมาน่ะ
“คือว่า..ไหนๆ ก็พาดวงวิญญาณของฉันมาแล้ว ก็ส่งฉันไปเป็นตัวประกอบไม่ได้เหรอคะ”
เมื่อมันคือนิยาย เช่นนั้นการไปมองดูความรักที่สุดแสนจะหวานแหววของพระเอกนางเองมันก็น่าสนุกมากๆ เลยไม่ใช่รึไง อีกทั้งฉันเองก็ตายไปแล้ว..ฉันไม่อยากกลับไปทำงานหลังขดหลังแข็งแบบเดิมอีก
หากเลือกได้ฉันก็อยากจะใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง..ชีวิตที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเงินและรายจ่ายต่างๆ
“ในเมื่อข้าไม่สามารถส่งเจ้ากลับไปได้ก็มีแต่ต้องส่งเจ้าข้ามมิติไปเท่านั้น..แน่นอนว่าจากนี้ไปเจ้าจะเป็นคนของที่มิตินั้นโดยสมบูรณ์ เพียงแต่มีข้อห้ามเพียงข้อเดียวเท่านั้น..นั่นคือเจ้าไม่ควรไปแตะต้องหรือว่ายุ่งเกี่ยวกับตัวละครหลัก เพราะหากว่าเนื้อเรื่องเปลี่ยนมันจะยุ่งยากและข้าไม่อยากมานั่งแก้ไขอีก”
ฉันพยักหน้าเร็วๆพร้อมกับมองเจ้าแมวส้มตัวนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย
“ฉันรับปากค่ะ..ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวละครหลักอย่างแน่นอน ช่วยส่งฉันไปเป็นลูกสาวขุนนางได้ไหมคะ ฉันไม่อยากกังวลเรื่องเงินทอง แล้วก็ขอหน้าตาสวยๆ หน่อยนะคะ เพราะฉันอยากจะใช้ชีวิตรักที่แสนหวาน”
ขอมากจังนะแม่หนูคนนี้..แต่ทว่าเขาเองก็มีบางอย่างที่อดสงสัยไม่ได้เลย เขาทำหน้าที่ส่งดวงวิญญาณเช่นนี้มาหลายร้อยปีแต่ไม่เคยทำพลาดถึงขนาดหยิบดวงวิญญาณมาเกินเช่นนี้ได้
หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตากันนะ..สิ่งเดียวที่เขาไม่อาจฝืนได้นั่นก็คือกงล้อแห่งโชคชะตาที่กำลังหมุนเวียน..
“เรื่องนั้นเจ้าจะได้ตามที่เจ้าต้องการเลย..ขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตใหม่ก็แล้วกัน”
ฉันระบายยิ้มหวานด้วยความดีใจ ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนั้นขึ้นมากอด ฉันทั้งหอมทั้งกอดด้วยความมันเขี้ยว
“ขอบคุณนะคะ”
“....บอกว่าอย่ามาแตะต้องข้าไง เอามือที่สกปรกของเจ้าออกไปเลย!!”
.
.
ปกติที่คนอื่นสวมร่างทำอะไรเป็นอย่างแรกเหรอคะ..ส่วนฉันไปร่วมงานปาร์ตี้ก่อนเลย!
“เจ้ามาช้านะเอโลอีส”
นี่คือปาร์ตี้หน้ากากของชนชั้นสูงและจากการอ่านนิยายมามากกว่าหนึ่งร้อยเรื่อง นั่นทำให้ฉันรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าในงานนี้จะต้องมีหนุ่มหล่อมากมายที่รอฉันอยู่แน่ๆ
และสตรีที่กำลังส่งหน้ากากขนนกมาให้ฉันคือเลดี้เฟมแห่งเบนัว เพื่อนรักของเอโลอีส
การเข้ามาสวมร่างของเอโลอีส เลดี้ในตระกูลเคาน์นั้นทำให้ฉันพอใจมากทีเดียว อาจจะเพราะฐานะของตระกูลอแลงอยู่ในระดับที่ดีมาก แถมใบหน้าของเอโลอีสก็น่ารักในแบบที่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกเอ็นดูอย่างแน่นอน
“..กว่าข้าจะผ่านด่านท่านพ่อออกมาก็ยากเย็นมากพอสมควรเลยเฟม.."
เลดี้แห่งเบนัวหัวเราะเบาๆ
“เป็นเรื่องธรรมดา..ผู้อื่นอาจจะมองว่างานเลี้ยงหน้ากากมันคืองานที่โสมมและอันตรายแต่วางใจได้เลยเอโลอีส เพราะผู้ที่กำลังจะพาเจ้าเข้าไปในงานคือข้าคนนี้ ที่มีประสบการณ์การเข้าร่วมงานเลี้ยงหน้ากากไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง สิ่งแรกที่เจ้าต้องรู้นั่นคือเจ้าจะต้องละทิ้งความเป็นเลดี้ของเจ้าออกให้หมด แล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับแสงสีอันร้อนแรงของงานเลี้ยง”
ทำไมฟังดู..น่าตื่นเต้นชะมัดเลย และเมื่อเฟมจับมือของฉันเข้าไปในงานเลี้ยงบรรยากาศของที่นี่ก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง..เสียงเพลงกำลังถูกบรรเลงขึ้นมาเพื่อทำให้บรรยากาศภายในงานครึกครื้น
และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือด้านในงานมีหนุ่มสาวที่กำลังจับคู่พูดคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม บางคู่ถึงกับจูบกันตรงนั้นเลย
ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่การกระทำนั้นกลับทำให้เฟมส่งสายตาดุๆ มาหาฉัน
“อย่ามองผู้อื่นเช่นนั้นเอโลอีส เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากทีเดียว..ทุกคนสามารถกระทำทุกสิ่งอย่างได้ตามต้องการ และสิ่งที่เราควรกระทำคือการสนใจเพียงแค่คู่ของตนเองเท่านั้น”
เอโลอีสพยักหน้า
“แล้วคนที่ไม่มีคู่ต้องทำยังไงล่ะ?”
เฟสแสยะยิ้มร้ายๆ ออกมา
“ก็ต้องไปอีกห้องหนึ่ง..ที่นี่มีกฎว่าตราบใดที่สตรียังไม่เลือกคู่ เหล่าบุรุษก็ห้ามแสดงตัวเป็นเจ้าของ..หรือหากตกลงกันได้ จะสองบุรุษหนึ่งสตรีหรือว่าจะสองสตรีหนึ่งบุรุษก็ทำได้ทั้งนั้น..”
พระเจ้าช่วยนี่มันเหมือนไม่ใช่งานเลี้ยงเลยแฮะ เพราะว่ามันอยู่นอกเหนือจากการจินตนาการนิดหน่อย ที่นี่คงไม่ใช่แค่งานเลี้ยงใสๆ สินะ แต่เป็นงานเลี้ยงที่หากตกลงกันได้ก็จะพากันจับจูงมือเข้าไปในห้องชั้นบน
“ข้ายังแปลกใจเลยที่เจ้าอยากมางานเลี้ยงหน้ากาก เพราะปกติเจ้าห่วงชื่อเสียงของตัวเองจะตายไป แต่เอโลอีสชีวิตน่ะมันไม่ได้ยืนยาวหรอกนะ เพราะอย่างนั้นอะไรที่มีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้ามัวลังเลบางทีตัวเจ้าในอนาคตอาจจะเสียใจก็ได้”
เธอก็ไม่ได้รู้สึกลังเลอะไรแต่เธออยากจะเจอหนุ่มที่ถูกใจก่อน
“ข้าก็ไม่ได้ห่วงชื่อเสียงตัวเองขนาดนั้น อีกทั้ง..จะมีใครอยากมาทำความรู้จักกันข้างั้นเหรอ”
เฟมหัวเราะเสียงดังกับคำถามนั้น
“เรื่องนั้นเข้าไปในห้องนั้นเจ้าก็จะรู้เอง..แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยว่า อย่ายุ่งกับชายหน้ากากสีดำเด็ดขาด!”
