แล้วฉันมาอยู่บนเตียงของตัวร้ายได้ยังไงเนี่ย

88.0K · จบแล้ว
ฝากรักไว้ที่ปลายฟ้า
50
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เตียงมีเป็นหมื่นเตียง ผู้ชายมีเป็นแสนคนแล้วทำไม..ผู้ชายของใหญ่เอวดีคนนั้นถึงเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ได้ล่ะเนี่ย!!

นางเอกเก่งข้ามมิติแฟนตาซี เกิดใหม่ในนิยาย18+หนุ่มเจ้าสำราญไขความลับ

1.ผิดพลาดหรือโชคชะตา

“...ให้ตายสิเจ้าคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของข้าเลย”

ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่แมวส้มเบื้องหน้ากำลังพูดเท่าไหร่นัก..อันที่จริงมันไม่น่าเข้าใจตั้งแต่ที่ฉันพบเจอเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนี่พูดได้แล้วไหม..

ถึงแม้ว่าไม่อยากยอมรับแต่ว่า..ดูเหมือนฉันจะตายแล้วละสิ ตอนเด็กๆ ฝันเอาไว้ซะไกลแต่พอโตขึ้นมากลับเป็นได้เพียงแต่พนักงานบริษัทเท่านั้น ฉันทำงานมากกว่าสิบสองชั่วโมงต่อวันเพื่อให้รายได้ที่หามามันเพียงพอต่อรายจ่าย..และแน่นอนว่ามันเหนื่อยมากๆ

ไหนใครมันบอกว่าทำงานจนตายไม่มีอยู่จริงไงวะ!!

“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะ คือว่าฉันแน่ใจว่าตัวเองเสียชีวิตเพราะทำงานหนัก แล้ว..นี่มันคืออะไรกันคะ”

แมวอ้วนตัวนั้นยกเท้าหน้าขึ้นมากอดอกเอาไว้

“นี่แม่หนูเคยได้ได้ยินเรื่องของการพาดวงวิญญาณผู้ล่วงลับเดินทางไปยังอีกมิติหนึ่งรึเปล่า?”

ฉันชะงักเล็กน้อยก่อนจะเริ่มทำความเข้าใจในคำกล่าวของแมวส้มที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า..

พุงน้อยๆ นั่นขอจกสักทีได้ไหมนะ

“อย่าได้มองข้าด้วยสายตาแบบนั้น..อีกทั้งห้ามเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องตัวข้าด้วย!!”

ราวกับว่าเจ้าแมวอ้วนตัวนั้นอ่านใจได้เลย

“ฉันเคยอ่านนิยายค่ะ..มีการสวมร่างเยอะแยะจะตายไปทั้งในเกมและในนิยาย หรือว่าฉันจะได้ไปสวมร่างเป็นนางร้ายในนิยายกันคะ ว้าว!! น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะ!”

เจ้าแมวส้มส่ายหน้าเบาๆ

“เรื่องการสวมร่างในนิยายน่ะอาจจะใช่แต่ทว่าเจ้าไม่ใช่นางร้ายหรือว่านางเอกเนี่ยนะสิ ข้าขอสารภาพตามตรงว่าข้า..เอาดวงวิญญาณของเจ้ามาเกินน่ะ ปกติจะต้องพามาแค่ผู้เดียวเท่านั้น..แต่เล็บของข้าดันเกี่ยวดวงวิญญาณของเจ้ามาด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ”

“.....”

แล้วฉันควรรู้สึกอย่างไรดีที่เล็บแหลมๆของเจ้านี่ดันเผลอเกี่ยวดวงวิญญาณของฉันมาน่ะ

“คือว่า..ไหนๆ ก็พาดวงวิญญาณของฉันมาแล้ว ก็ส่งฉันไปเป็นตัวประกอบไม่ได้เหรอคะ”

เมื่อมันคือนิยาย เช่นนั้นการไปมองดูความรักที่สุดแสนจะหวานแหววของพระเอกนางเองมันก็น่าสนุกมากๆ เลยไม่ใช่รึไง อีกทั้งฉันเองก็ตายไปแล้ว..ฉันไม่อยากกลับไปทำงานหลังขดหลังแข็งแบบเดิมอีก

หากเลือกได้ฉันก็อยากจะใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง..ชีวิตที่ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเงินและรายจ่ายต่างๆ

“ในเมื่อข้าไม่สามารถส่งเจ้ากลับไปได้ก็มีแต่ต้องส่งเจ้าข้ามมิติไปเท่านั้น..แน่นอนว่าจากนี้ไปเจ้าจะเป็นคนของที่มิตินั้นโดยสมบูรณ์ เพียงแต่มีข้อห้ามเพียงข้อเดียวเท่านั้น..นั่นคือเจ้าไม่ควรไปแตะต้องหรือว่ายุ่งเกี่ยวกับตัวละครหลัก เพราะหากว่าเนื้อเรื่องเปลี่ยนมันจะยุ่งยากและข้าไม่อยากมานั่งแก้ไขอีก”

ฉันพยักหน้าเร็วๆพร้อมกับมองเจ้าแมวส้มตัวนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย

“ฉันรับปากค่ะ..ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตัวละครหลักอย่างแน่นอน ช่วยส่งฉันไปเป็นลูกสาวขุนนางได้ไหมคะ ฉันไม่อยากกังวลเรื่องเงินทอง แล้วก็ขอหน้าตาสวยๆ หน่อยนะคะ เพราะฉันอยากจะใช้ชีวิตรักที่แสนหวาน”

ขอมากจังนะแม่หนูคนนี้..แต่ทว่าเขาเองก็มีบางอย่างที่อดสงสัยไม่ได้เลย เขาทำหน้าที่ส่งดวงวิญญาณเช่นนี้มาหลายร้อยปีแต่ไม่เคยทำพลาดถึงขนาดหยิบดวงวิญญาณมาเกินเช่นนี้ได้

หรือว่านี่จะเป็นโชคชะตากันนะ..สิ่งเดียวที่เขาไม่อาจฝืนได้นั่นก็คือกงล้อแห่งโชคชะตาที่กำลังหมุนเวียน..

“เรื่องนั้นเจ้าจะได้ตามที่เจ้าต้องการเลย..ขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตใหม่ก็แล้วกัน”

ฉันระบายยิ้มหวานด้วยความดีใจ ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนั้นขึ้นมากอด ฉันทั้งหอมทั้งกอดด้วยความมันเขี้ยว

“ขอบคุณนะคะ”

“....บอกว่าอย่ามาแตะต้องข้าไง เอามือที่สกปรกของเจ้าออกไปเลย!!”

.

.

ปกติที่คนอื่นสวมร่างทำอะไรเป็นอย่างแรกเหรอคะ..ส่วนฉันไปร่วมงานปาร์ตี้ก่อนเลย!

“เจ้ามาช้านะเอโลอีส”

นี่คือปาร์ตี้หน้ากากของชนชั้นสูงและจากการอ่านนิยายมามากกว่าหนึ่งร้อยเรื่อง นั่นทำให้ฉันรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าในงานนี้จะต้องมีหนุ่มหล่อมากมายที่รอฉันอยู่แน่ๆ

และสตรีที่กำลังส่งหน้ากากขนนกมาให้ฉันคือเลดี้เฟมแห่งเบนัว เพื่อนรักของเอโลอีส

การเข้ามาสวมร่างของเอโลอีส เลดี้ในตระกูลเคาน์นั้นทำให้ฉันพอใจมากทีเดียว อาจจะเพราะฐานะของตระกูลอแลงอยู่ในระดับที่ดีมาก แถมใบหน้าของเอโลอีสก็น่ารักในแบบที่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกเอ็นดูอย่างแน่นอน

“..กว่าข้าจะผ่านด่านท่านพ่อออกมาก็ยากเย็นมากพอสมควรเลยเฟม.."

เลดี้แห่งเบนัวหัวเราะเบาๆ

“เป็นเรื่องธรรมดา..ผู้อื่นอาจจะมองว่างานเลี้ยงหน้ากากมันคืองานที่โสมมและอันตรายแต่วางใจได้เลยเอโลอีส เพราะผู้ที่กำลังจะพาเจ้าเข้าไปในงานคือข้าคนนี้ ที่มีประสบการณ์การเข้าร่วมงานเลี้ยงหน้ากากไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง สิ่งแรกที่เจ้าต้องรู้นั่นคือเจ้าจะต้องละทิ้งความเป็นเลดี้ของเจ้าออกให้หมด แล้วปล่อยตัวปล่อยใจไปกับแสงสีอันร้อนแรงของงานเลี้ยง”

ทำไมฟังดู..น่าตื่นเต้นชะมัดเลย และเมื่อเฟมจับมือของฉันเข้าไปในงานเลี้ยงบรรยากาศของที่นี่ก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง..เสียงเพลงกำลังถูกบรรเลงขึ้นมาเพื่อทำให้บรรยากาศภายในงานครึกครื้น

และที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือด้านในงานมีหนุ่มสาวที่กำลังจับคู่พูดคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม บางคู่ถึงกับจูบกันตรงนั้นเลย

ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่การกระทำนั้นกลับทำให้เฟมส่งสายตาดุๆ มาหาฉัน

“อย่ามองผู้อื่นเช่นนั้นเอโลอีส เพราะที่นี่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากทีเดียว..ทุกคนสามารถกระทำทุกสิ่งอย่างได้ตามต้องการ และสิ่งที่เราควรกระทำคือการสนใจเพียงแค่คู่ของตนเองเท่านั้น”

เอโลอีสพยักหน้า

“แล้วคนที่ไม่มีคู่ต้องทำยังไงล่ะ?”

เฟสแสยะยิ้มร้ายๆ ออกมา

“ก็ต้องไปอีกห้องหนึ่ง..ที่นี่มีกฎว่าตราบใดที่สตรียังไม่เลือกคู่ เหล่าบุรุษก็ห้ามแสดงตัวเป็นเจ้าของ..หรือหากตกลงกันได้ จะสองบุรุษหนึ่งสตรีหรือว่าจะสองสตรีหนึ่งบุรุษก็ทำได้ทั้งนั้น..”

พระเจ้าช่วยนี่มันเหมือนไม่ใช่งานเลี้ยงเลยแฮะ เพราะว่ามันอยู่นอกเหนือจากการจินตนาการนิดหน่อย ที่นี่คงไม่ใช่แค่งานเลี้ยงใสๆ สินะ แต่เป็นงานเลี้ยงที่หากตกลงกันได้ก็จะพากันจับจูงมือเข้าไปในห้องชั้นบน

“ข้ายังแปลกใจเลยที่เจ้าอยากมางานเลี้ยงหน้ากาก เพราะปกติเจ้าห่วงชื่อเสียงของตัวเองจะตายไป แต่เอโลอีสชีวิตน่ะมันไม่ได้ยืนยาวหรอกนะ เพราะอย่างนั้นอะไรที่มีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้ามัวลังเลบางทีตัวเจ้าในอนาคตอาจจะเสียใจก็ได้”

เธอก็ไม่ได้รู้สึกลังเลอะไรแต่เธออยากจะเจอหนุ่มที่ถูกใจก่อน

“ข้าก็ไม่ได้ห่วงชื่อเสียงตัวเองขนาดนั้น อีกทั้ง..จะมีใครอยากมาทำความรู้จักกันข้างั้นเหรอ”

เฟมหัวเราะเสียงดังกับคำถามนั้น

“เรื่องนั้นเข้าไปในห้องนั้นเจ้าก็จะรู้เอง..แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนเลยว่า อย่ายุ่งกับชายหน้ากากสีดำเด็ดขาด!”