3.รีบร้อน
บุรุษเบื้องหน้ากำลังจ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เรียบเฉย เขาดูเย็นชาและเข้าถึงยากมากพอสมควร..แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถหันมองไปทางอื่นได้..คือเสียงหัวใจของตัวเองที่มันกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
“เช่นนั้นข้าขอยืนตากลมตรงนี้สักครู่จะเป็นการรบกวนเลดี้ไหมครับ”
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอนั้นจะอยู่ภายใต้หน้ากากขนนก แต่ทว่าลูตินยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงเรือนแก้มที่กำลังขึ้นเป็นสีกุหลาบ..
นี่คือสถานการณ์ที่เขาชินชาซะแล้วละสิ สตรีมากมายต่างมีท่าทีที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักเมื่อพวกนางกำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา
เขินอายและประหม่า..อีกเดี๋ยวดวงตาคู่นั้นคงจะต้องมองเขาด้วยความหลงใหลอย่างแน่นอน
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เอโลอีสก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับขยับไปยืนอยู่ข้างๆ ระเบียง
“พึ่งมาที่นี่ครั้งแรกอย่างนั้นสินะครับ เลดี้ดูประหม่ามากๆ เลย”
เธอส่งยิ้มจางๆ ให้เขา
“ค่ะ ข้ามาที่นี่เพราะมีเพื่อนแนะนำมา อีกทั้งข้าได้ยินถึงชื่อของงานเลี้ยงหน้ากากที่แสนจะน่าตื่นเต้นมาตั้งนานแล้ว”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอสบายใจได้เลย คือเหล่าตัวเอกของเรื่องนี้ไม่มีวันมาที่นี่อย่างแน่นอน ทั้งนางเอก นางร้ายและพระเอกของเรื่อง จะมีก็แต่ท่านแกรนด์ดยุคอองครีเท่านั้นที่อาจจะมาที่นี่ ก่อนจะเข้ามาสวมร่างเจ้าแมวอ้วนตัวนั้น..ให้เธออ่านนิยายเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะอย่างนั้นเอโลอีสจึงค่อนข้างรู้จักตัวละครพวกนั้นมากพอสมควร
“แล้ว..พอมาที่นี่งานเลี้ยงที่เลดี้เคยได้ยินมันทำให้เลดี้ตื่นเต้นจริงๆ รึเปล่าล่ะครับ”
นี่คือการจู่โจมในแบบที่ไม่ให้โอกาสเธอได้ตั้งตัวเลย สำหรับเอโลอีสแล้วแค่ใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากนั่นก็ทำให้เธอเขินอายจนไม่เป็นตัวของตัวเองจะแย่อยู่แล้ว แต่ทว่าท่าทีของเขากลับทำให้เธอเขินอายเป็นสองเท่า..
“ในคราแรกมันน่าเบื่อมากกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะอย่างนั้นข้าจึงหลบเข้ามาอยู่ที่ระเบียงแห่งนี้แต่ทว่าในยามนี้ดูเหมือนว่าข้าจะเริ่มตื่นเต้นแล้วสิคะ”
ลูตินแสยะยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจในคำตอบ เขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะจ้องมองไปที่สตรีเบื้องหน้าอีกหน
เอโลอีสรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดในสายตา มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่พร้อมจะกลืนกินเธอ..ชายผู้นี้ใช่พวกหน้ากากขาวจริงๆนะเหรอ ทำไมชั้นเชิงและเสน่ห์ของเขามันช่างแพรวพราวมากเหลือเกินเล่า
“อย่างนั้นเองสินะครับ ตอนที่เข้ามาในงานเลี้ยงข้าเองก็เบื่อๆ เหมือนกัน แต่พอได้พบเจอกับเลดี้..ดูเหมือนว่าความเบื่อหน่ายเหล่านั้นจะจางหายไป ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างก็มีความรู้สึกที่ตรงกัน เช่นนั้นไปหาที่เงียบๆ เพื่อพูดคุยเรื่องของเรากันดีกว่าครับ”
เธอหลบสายตาของเขาไปไม่ได้เลย ความร้อนแรงที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้นทำให้เธอสั่นไหวไปหมด
“นี่ท่านกำลังจะชวนข้า..ขึ้นไปชั้นบนอย่างนั้นหรือคะ?”
เป็นที่ทราบกันดีว่าหากสตรีและบุรุษที่เข้าร่วมงานเลี้ยงหน้ากากนี้เกิดตกลงปลงใจกันขึ้นมา พวกเขาจะจับจูงกันเดินขึ้นไปยังชั้นสองของโถงจัดงานเลี้ยงแห่งนี้เพื่อทำความรู้สึกกันมากขึ้น
แน่นอนว่าถึงจะเรียกว่ามันคือการทำความรู้จัก แต่มันไม่ใช่การไปนั่งพูดคุยกันเพื่อทำความรู้จักอย่างแน่นอน..และนั่นคือการกระทำที่หากเริ่มต้นมันขึ้นมาแล้ว ไม่อาจถอยหลังกลับไปได้อีกอย่างเด็ดขาด
วันไนท์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร..แต่ว่าการเริ่มต้นมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน
หากว่าเธอยินยอมและเดินตามเขาขึ้นไปยังชั้นสองของที่นี่ มันอาจจะทำให้คืนนี้เธอพบเจอกับความสุขแสนหวานที่ไม่อาจลืมเลือนได้ แต่เพราะไม่อาจลืมได้นั่นแหละ..หากครั้งหน้าเธอมาที่นี่อีกแล้วมาเจอเขากำลังพูดคุยกับสตรีอื่น..เราจะสามารถยิ้มให้กันแล้วทำเป็นเหมือนกับว่าเรื่องไม่วันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาได้รึเปล่าล่ะ
หัวใจเธอยังไม่แข็งแรงพอ เพราะอย่างนั้นหากไม่มั่นใจว่าเธอจะทนได้หากพบเจอเขาในสถานการณ์อื่น..เอโลอีสก็ไม่อยากเอาหัวใจของตัวเองลงไปเล่นในเกมนี้
“ข้าพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเพราะอย่างนั้น..ชั้นสองอาจจะเป็นสถานที่ที่ยังไม่เหมาะสมกับข้า”
นั่นคือคำตอบที่ลูตินไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินมาก่อนเลย ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ทั้งหมดเลยนี่ ทั้งเรื่องการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ แล้วทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้ปฏิเสธเขากันนะ หรือว่าเขาจะรีบร้อนมากไปหน่อย
“ขออภัยด้วยนะครับที่ข้า..กระทำการอันเสียมารยาทไป คงเพราะว่าหัวใจของข้าเต้นแรงและข้าไม่อาจจะให้เรื่องของเรามันจบลงที่ตรงนี้..”
เขาดูเข้าใจง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ อีกทั้งเขาไม่ได้บังคับเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่ฉายแววรู้สึกผิดของเขากำลังทำให้เธอสงสาร
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ข้าเองก็..ไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบลงตรงนี้เหมือนกัน”
ลูตินหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเขาสามารถดึงสถานการณ์กลับมาได้อีกหน
“แต่ข้าเคยขึ้นไปบนชั้นสองนะครับ..ที่นั่นไม่ได้มีแค่เตียงหรือว่าห้องแคบๆอย่างที่เลดี้เข้าใจสักหน่อย..แต่ที่นั่นมีร้านอาหารอีกด้วย หากว่าเลดี้ไม่รังเกียจเช่นนั้นให้ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงเลดี้สักครั้งได้ไหมครับ”
เอโลอีสพยักหน้า ถึงแม้ว่าเธอจะพึ่งเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องนี้ได้ไม่นาน แต่ทว่าเธอก็พอจะเดาออกว่าทางบ้านของชายผู้นี้คงไม่ได้มีฐานะที่ดีเท่าไหร่นัก เขาสวมเสื้อตัวนอกสีน้ำตาลที่ทั้งเก่าและราคาถูก..
และนั่นทำให้เธอยิ่งสงสารเขามากขึ้นไปอีก..เขาบอกกล่าวว่าเขาเคยมาที่นี่แต่ไม่บ่อยนัก เรื่องนั้นอาจจะเพราะฐานะทางบ้านของเขาที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่..ตอนแรกที่พบเจอกัน เขาก็ดูนอบน้อมมากผิดปกติ..
คงเพราะเขาพบเจอสตรีที่นึกถึงแต่ชาติกำเนิดและเรื่องเงินทองมามากอย่างนั้นสินะ
ลูตินไม่ค่อยเข้าใจสายตาที่เอโลอีสมองเขาเท่าไหร่นัก แต่การที่เธอยินยอมเดินขึ้นมายังชั้นสองพร้อมกับกับเขา นั่นเท่ากับว่าเธอยินยอมเข้ามาอยู่ในกำมือของเขาแล้ว..
“ข้าควรเรียกชื่อท่านว่าอะไรดีคะ”
เธอเอ่ยถามพร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งให้เขา เอโลอีสจัดการถอดหน้ากากบนใบหน้าของเธอออกอย่างช้าๆ เพราะต้องทานอาหาร นั่นจึงทำให้เธอใส่หน้ากากไปทานไปไม่ถนัดเท่าไหร่นัก
“..ลูเซียนครับ ข้าเป็นเพียงลูกพ่อค้าเท่านั้นไม่ได้มีชื่อตระกูลอะไรใหญ่โต หวังว่าเลดี้จะไม่รังเกียจ”
ลูตินเลือกที่จะใช้ชื่อปลอมเพราะเขาไม่ต้องการไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก..แต่ทว่าในยามนี้สายตาของเขากำลังถูกตรึงเอาไว้บนใบหน้านั้น
ความงดงามที่ทำให้ผู้พบเห็นเกิดการตื่นตะลึงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอมิได้งดงามเย้ายวนแต่ทว่ามันกลับเป็นความงดงามที่แสนน่ารักและน่าทะนุถนอมมากกว่า
“อา..ท่านลูเซียน ท่านสามารถเรียกข้าว่าเอโลอีสได้เลยนะคะ”
