2.เสียงหัวใจ
ในงานเลี้ยงแห่งนี้ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่เข้าร่วมงาน แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอโลอีสอดสนใจไม่ได้คือ มีเพียงหน้ากากแค่สี่สีเท่านั้นที่ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยง เลือกที่จะสวมใส่
สีขาว
สีแดง
สีน้ำเงิน
และสีดำ
“หน้ากากแต่ละสีก็บ่งบอกได้ถึงตัวตนของผู้ที่สวมใส่ สีขาวคือพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก สีแดงคือมาที่นี่บ่อยและยังโสด สีม่วงคือมีคู่นัดหมายเอาไว้แล้ว ส่วนสีดำคือผู้คนที่มาที่นี่เพื่อต้องการคู่นอน..และพวกเขาคือลูกค้าวีไอพีของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางที่ต้องการความสัมพันธ์แบบแค่คืนเดียวแล้วแยกทาง..อย่าไปยุ่งกับพวกหน้ากากสีดำเชียวหากเจ้ายังไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอ เพราะพวกเขาจะทำให้เจ้าเกิดความลุ่มหลงจนแทบบ้าอย่างแน่นอน”
เลดี้เฟมกำลังอธิบายเพื่อให้เพื่อนตัวน้อยของเธอได้เข้าใจ
“อา..ข้าเข้าใจแล้ว และจะพยายามหลีกเลี่ยงบุรุษที่สวมหน้ากากสีดำก็แล้วกัน”
“หากจะเลือกก็เลือกชายหนุ่มที่สวมหน้ากากสีขาวหรือไม่ก็สวมหน้ากากสีแดงก็แล้วกัน อย่างน้อยพวกเขาก็นับได้ว่าเป็นเป็นพวกที่ไม่ได้ช่ำชองกับเรื่องการล่อลวงมากเท่าไหร่นัก”
เอโลอีสพยักหน้า เพราะพึ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกเธอจึงต้องทำตามคำแนะนำของสหายอย่างเคร่งครัด..ว่าแต่ทำไมหน้ากากของเฟมถึงได้เป็นสีม่วงกันล่ะ
“ก็ไม่ได้อยากจะทิ้งเจ้าเอาไว้กลางทางเท่าไหร่ แต่ว่าข้ามีนัดน่ะเอโลอีส”
เฟมกล่าวออกมาพร้อมกับระบายยิ้มหวาน ถึงแม้ว่าที่นี่จะดูน่ากลัวแต่ทว่ามันไม่ได้อันตรายมากขนาดนั้นหรอกนะ เพราะที่นี่มีกฎที่ชัดเจน นั่นคือหากอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็ควรจะถอยออกมา หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดึงดันจะเข้าหาทั้งๆ ที่อีกฝ่ายถอยห่างแล้วละก็ จะถูกขึ้นบัญชีดำแล้วถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้อีกด้วย ฉะนั้นแล้วไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวลเลย เฟมเชื่อว่าเอโลอีสจะต้องผ่านค่ำคืนที่แสนสวยงามนี้ไปได้อย่างแน่นอน
“ขออภัยด้วยนะครับไม่ทราบว่าเลดี้มีบุรุษที่หมายตาเอาไว้รึยังครับ?”
ขณะที่เฟมกำลังจะเดินจากไป ก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาเอโลอีสของเธอ..
ด้วยใบหน้าเช่นนั้นต่อให้ใส่หน้ากากเพื่อปกปิดใบหน้าส่วนบนแต่ทว่าหน้ากากขนนกสีขาวนั้นกลับไม่มีความสามารถมากพอที่จะปิดบังความน่ารักและงดงามจากใบหน้านั้นเลย
สวยมากขนาดนั้นกลับกลัวว่าจะไม่มีชายหนุ่มเข้าหา..เอโลอีสนี่ช่างกังวลในเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ
เฟมพยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกกล่าวให้เอโลอีสลองพูดคุยและทำความรู้จักกับชายหนุ่มผู้นั้นดู
“ยังไม่มีค่ะ พอดีว่าข้าพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็เลยยังประหม่าอยู่มาก”
บุรุษผู้นั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเองก็มาที่นี่ไม่บ่อยนัก อีกทั้งที่ผ่านมากลับไม่มีสตรีใดเลยที่ตรึงตาตรึงใจของเขาเช่นนี้ เพียงแค่เห็นเธอเดินเข้ามาจากด้านนอก สายตาของเขาก็ไม่อาจละไปจากเธอได้แม้แต่เพียงเสี้ยววินาที หรือว่าคืนนี้..เขาจะได้ค่ำคืนเร่าร้อนเหมือนกับสหายคนอื่นบ้างนะ
“เช่นนั้นก็.ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
.
.
“.......”
“เฮ้! ลูติน ที่ด้านล่างมีอะไรน่าสนใจนักหนา ข้าเห็นเจ้าจ้องมองมาพักใหญ่ๆ แล้วนะ”
ซีโมนเดินเข้ามาหาแกรนด์ดยุคลูตินแห่งตระกูลอองดรีสหายรักของเขา..
“อ่า..เจ้ากำลังมองแม่หงส์ตัวน้อยนี่เอง..ขนาดใส่หน้ากากนางยังดูน่ารักน่าเอ็นดูมากทีเดียว สายตาลูตินของเรายังเฉียบแหลมเหมือนเดิมเลยแฮะ”
ซีโมนขยับหน้ากากสีดำของเขาไปมาก่อนที่เขาจะจุดยิ้มที่มุมปาก
“จะมองอย่างเดียวงั้นเหรอ? ไม่บ่อยนักที่จะมีแม่หงส์ขาวเดินหลงเข้ามาในดงห่านดำนะ..”
ลูตินยกแก้วสุราขึ้นมาดื่ม เขาใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มก่อนที่ริมฝีปากของลูตินจะยกสูงขึ้นมา
“หากดูเฉยๆ ก็ไม่ใช่ข้าสิซีโมน”
เมื่อกล่าวจบลูตินก็ถอดหน้ากากสีดำของเขาออกมาเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลับมีสีสันที่ไม่เหมือนกัน เขาหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาเพื่อกุมดวงตาข้างหนึ่งเอาไว้ ฉับพลันดวงตาทั้งสองข้างก็กลับมาเป็นสีเดียวกัน
ดูก็รู้ว่าสตรีผู้นั้นที่เดินเข้ามา นางช่างไร้เดียงสา ท่าทีประหม่าและร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยในยามที่นางกำลังก้าวเดินเข้าไป่สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมันช่าง..ปลุกเร้าสัญชาตญาณการล่าของเขาดีจริงๆ
“นี่ถึงกับเผยท่าไม้ตายเลยอย่างนั้นหรือ ทุ่มเทไปหน่อยรึเปล่าลูติน”
ซีโมนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจือปนไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อเขาเห็นแกรนด์ดยุคกำลังสวมหน้ากากสีขาวลงไปบนใบหน้า
“จะจับหงส์ทั้งทีก็ต้องลงทุนหน่อยสิซีโมน แล้วเรื่องนี้จะดีมากหากว่าเจ้าไม่เข้าไปยุ่ง”
ซีโมนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขายอมแพ้แล้ว
“ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการล่าของท่านแกรนด์ดยุคอย่างแน่นอนครับ อย่าขู่กันนักเลย นี่เพื่อนนะครับ”
ลูตินไม่ได้กล่าวคำใด เขาถอดเสื้อตัวนอกที่ทำจากผ้าไหมออก ก่อนจะสวมทับเป็นเสื้อสีน้ำตาลราคาถูก..แล้วเดินลงไปที่ด้านล่างในทันที
.
.
“ไม่ทราบว่าเลดี้ดื่มได้ไหมครับ”
เอโลอีสรับแก้วสุราในมือของชายเบื้องหน้ามาถือเอาไว้ บอกตามตรงว่าครั้งแรกเขาก็ดูดี แต่พอได้พูดคุยและทำความรู้จักกัน เขาพูดถึงเรื่องของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เล่าถึงเรื่องที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของกิจการใดบ้างและเขามีเงินมากมายแค่ไหน ซึ่ง..เธอไม่ได้ต้องการรู้เรื่องที่บ้านของเขาสักหน่อย เพราะยังไงในงานเช่นนี้จะมาหาว่าที่สามีหรือว่าที่ภรรยามันคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ
“ข้าขอตัวก่อนนะคะ พอดีข้าอยากจะเดินออกไปรับลมสักหน่อย”
เอโลอีสเลือกที่จะบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่คิดจะสานต่อกับเขา และเมื่อเห็นท่าทีที่เฉยชาของเธอชายผู้นั้นก็ส่งยิ้มแห้งๆให้เธอตามมารยาท
“ครับ ข้าดีใจที่ได้พูดคุยกับเลดี้นะครับ”
พูดคุยอะไรก่อน เขาพูดแต่เรื่องของตัวเองทั้งนั้นเลยต่างหาก เอโลอีสถอนหายใจเบาๆ เธอเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปที่ระเบียง..งานนี้มีคนหล่อเต็มไปหมด แต่กลับไม่มีใครที่มองแล้วทำให้ใจเต้นเลยสักคน
หรือว่าเธอเป็นพวกเรื่องมากงั้นเรอะ..ไม่ได้การแล้วหากกลับเข้าไปในงานเธอควรเข้าหาชายหนุ่มสักคนที่เขาดูตรงใจ ไม่อย่างนั้นคืนนี้ได้กินแห้วอย่างแน่นอน
“.....”
สายลมในยามราตรีกำลังพัดผ่านร่างกายของเธอไป เสียงเปิดประตูดังออกมาจากทางด้านหลังและเมื่อเอโลอีสหันหลังกลับไปมองเธอก็พบเจอกับ..บุรุษท่านหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
“ไม่ทราบว่าข้ามารบกวนรึเปล่าครับ?”
ตึกตัก..ตึกตัก
เสียงหัวใจกำลังเต้นแรงและดังก้องอยู่ในหู
“มะ..ไม่..ไม่ได้รบกวนเลยค่ะ”
