บทที่ 2
“สะ…สวัสดีค่ะคุณวัชระ” มธุรสกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้คนที่เอาแต่จ้องมองกันไม่ยอมละสายตาไปไหนอย่างนอบน้อม ยอมรับว่าสายตาของเขาทำให้เธอใจสั่นไม่น้อย และมันไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครคนไหนง่ายๆ ด้วย แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังสำนึกดีว่าตนเองเป็นใครและอีกคนเป็นใคร เขาอยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะฝันถึง
แม่ของเธอมักจะพร่ำสอนเสมอว่าไม่ควรตีตนเสมอนาย และเธอก็ท่องจำคำสอนนั้นอย่างขึ้นใจมาโดยตลอด
“เรียกว่าพี่หนึ่งก็ได้ ชื่อเดือนอ้ายเหรอเรา” คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆ พยายามอย่างมากที่จะหลบสายตาคมเข้มที่กำลังจ้องมองกัน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ชอบกลกับสายตาของเขา
“เดือนอ้าย…ชื่อเพราะดี พี่ชอบ” วัชระเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม สายตาอ่อนโยนของเขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอดเอ็นดูไม่ได้
คนอะไร…
หน้าก็งาม นามก็เพราะ!
มธุรสพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำอยู่ในที่ของตัวเอง ซึ่งมันช่างมันต่างจากหลานชายของเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ทำไมหมู่นี้เขาถึงได้ชอบพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ สายตาเธอเสมอ การกระทำนั้นทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ได้แต่บอกว่าตัวเองว่าทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะหันมาสนใจลูกแม่ครัวอย่างเธอ
“จะหลบหน้าพี่ไปจนถึงเมื่อไหร่กันเดือนอ้าย!” เสียงเข้มที่ดังมาพร้อมร่างสูงโปร่งของคนที่หญิงสาวพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะหลบหน้าเขาทำให้มธุรสตกใจจนเกือบจะเผลอส่งเสียงร้องออกมา โชคยังดีที่บริเวณหลังบ้านนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น มันคงไม่ดีแน่หากมีข่าวซุบซิบระหว่างเธอกับเขาหลุดไป
“คุณหนึ่ง มีอะไรจะใช้อ้ายเหรอคะ”
“ไม่มี แค่อยากรู้ว่าพี่ไปทำอะไรให้ หมู่นี้ถึงคอยแต่จะหลบหน้าหลบตากัน” วัชระเชื่อว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายพยายามที่หลบหน้ากัน ในขณะที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึงใบหน้าอ่อนหวานของเธอแทบทุกคืน ทั้งพยายามพาตัวเองมาให้ได้เห็นหน้าก็แล้ว แอบมองเวลาที่เธอเข้ามาบีบนวดให้คุณย่าที่เรือนใหญ่ก็แล้ว แต่ดูเหมือนยิ่งเขาพยายามที่จะเข้าใกล้ เธอก็ยิ่งพยายามพาตัวเองออกห่างกันไปอีก
มันทำให้ความคิดที่ว่าจะค่อยๆ จีบเธอช้าๆ ของเขาทลายลง!
“อ้ายเปล่านะคะ” คนโกหกไม่เนียนตอบก่อนจะขยับไปอีกทาง แต่ก็ติดที่อีกคนดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีไปไหนได้อีก
“พี่ไม่เชื่อ รู้ไหมว่าตัวโกหกไม่เก่งเอาซะเลย” หนนี้หญิงสาวไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในเมื่อพูดไปแล้วเขาก็ไม่เชื่อกันอยู่ดี
