บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

“วันนี้ผมมีประชุมกับทีมตกแต่ง เรื่องการรีโนเวทสาขาที่เชียงใหม่ครับคุณแม่” ศิวนาถตอบคำถามของมารดา

“ตาเล็กมาก็ดีแล้ว มานี่ลูก แม่จะแนะนำให้รู้จักกับหนูชมพูนุช ว่าที่พี่สะใภ้ของเรา” สิ้นคำของคุณหญิงประภา แก้วกาแฟที่ญาดาเตรียมไว้ร่วงหล่นลงที่พื้นทันที ไม่เท่านั้นน้ำร้อนในแก้วยังราดรดลงบนมืออีกด้วย

“เป็นอะไรไหม” ชโยดมก้าวเข้าไปหาญาดาเป็นคนแรก สีหน้าและแววตาของชายหนุ่มบ่งบอกความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรมากไหมคะ” ชมพูนุชรีบเข้ามาดูอีกคน มือของญาดามีรอยแดงเพราะถูกน้ำร้อนในแก้วกาแฟ แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าและบอกว่าไม่เป็นไร

“มือคุณโดนน้ำร้อน ไปทำแผลก่อนไหมคะ” ชมพูนุชเอ่ยด้วยความห่วงใย สีหน้าของญาดาคล้ายกับจะร้องไห้ ทำให้ชมพูนุชเข้าใจว่าเธอเจ็บมาก

“ไหนดูซิ”

ชโยดมเอื้อมมือมาดูแผลบนมือของญาดา แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อ ญาดาก็ดึงมือกลับแล้วขอตัวออกไปทำแผลก้มหน้าตาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“ตาใหญ่มานี่ลูก” คุณหญิงประภาเรียกบุตรชายคนโตให้หันกลับมา

“ไหนล่ะโต๊ะทำงานที่แม่บอกให้เตรียมไว้” นางวกกลับมาเรื่องโต๊ะทำงานของสาวน้อย วางแผนจะให้ชมพูนุชและชโยดมใกล้ชิดด้วยการใช้เวลาในห้องทำงานเดียวกัน

“ผมมัวแต่ยุ่งกับการประชุมโปรเจคใหญ่ ที่เราจะรีโนเวทห้างที่เชียงใหม่ก็เลยยังไม่ได้สั่งให้เด็กเตรียมไว้น่ะครับ”

“ไม่เป็นไร ถ้ายังไม่มีโต๊ะก็นั่งที่โซฟาไปก่อนนะหนูนุช อันที่จริงไม่ต้องมีโต๊ะก็ได้นะ เพราะอย่างไรป้าก็ไม่ได้อยากให้หนูทำงานหนักเหมือนตาใหญ่อยู่แล้ว” คุณหญิงประภาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“คุณแม่ครับ” ศิวนาถเอ่ยขัดขึ้นมากลางวง

“ว่าไงจ้ะ ตาเล็ก อ้อ จริงซิ แม่ลืมแนะนำไป นี่หนูชมพูนุช ว่าที่พี่สะใภ้ของเราจ้ะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง พร้อมทั้งแนะนำให้ชมพูนุชรู้จักกับบุตรชายคนเล็กของบ้านประวันวิทย์

“หนูชมพูนุชจ้ะ นี่ตาเล็ก ลูกชายคนเล็กของป้าจ้ะ”

ชมพูนุชหันมาส่งยิ้มให้กับศิวนาถตามมารยาท แต่กลับพบกับท่าทีไม่ยินดียินร้าย ซ้ำดวงตาที่มองสบกลับมายังแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย มันทำให้ชมพูนุชรู้สึกแปลกและไม่เข้าใจว่า ตนทำอะไรผิด ทำไมศิวนาถถึงมองด้วยความไม่พอใจเช่นนี้

เขาสูงกว่าพี่ชายเล็กน้อยท่าทางคล่องแคล่วมากกว่า ใบหน้าคมเข้มละม้ายคล้ายไปทางคุณหญิงประภา ในขณะที่ชโยดมคล้ายไปทางผู้เป็นบิดา

ศิวนาถมีแววตาบางอย่างที่ชมพูนุชรู้สึกได้ว่าร้อนแรง และแข็งแกร่งในยามที่ทั้งคู่สบสายตากัน ซึ่งหลายครั้งเธอต้องเมินหนีสองตาที่ร้อนแรงนั้น

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องให้จัดโต๊ะทำงานแล้วกัน ให้หนูนุชนั่งเป็นเพื่อนลูกก็พอ ดีไหม” หญิงวัยกลางคนหันกลับมาหาชโยดม

“คุณป้าคะ นุชว่าไม่เหมาะมั้งคะ คุณใหญ่ต้องทำงานอาจมีคนมาพบ หรือว่าต้องออกไปไหนกับลูกค้า ถ้าอย่างไรนุช...”

“ใครจะมาหาก็มาซิจ้ะ ดีเสียอีกหนูนุชจะได้นั่งฟังด้วย ส่วนถ้าต้องออกไปข้างนอกก็พาหนูนุชไปด้วยไง สองคนไปไหนไปกัน ป้าว่าดีออก” หญิงวัยกลางคนหัวเราะชอบใจ

“แต่ว่าคุณแม่ครับ ผมว่าถ้าให้คุณนุชอยู่เฉยๆ ในห้องพี่ใหญ่แบบนี้คงไม่ดีสักเท่าไร มันคงไม่คุ้มกับสิ่งที่เราเสียไปนะครับ” ศิวนาถพูดพลางสบตาสาวน้อย

ลูกชายคนเล็กของบ้านหันมามองหน้าสาวน้อยอย่างตรงไปตรงมา สวย คือนิยามแรกที่ศิวนาถมองเห็น มิน่าเล่าเพื่อนรักถึงได้อกเดาะหายไปรักษาแผลใจจนไม่ส่งข่าว ใบหน้าหวานชวนมองเสียจนไม่อยากละสายตาไปทางไหน ริมฝีปากเจ้าหล่อนสีระเรื่อชวนให้ชิมเสียเหลือเกินว่าหวานแค่ไหน

แต่เขาก็ต้องหยุดความชื่นชมทุกอย่างไว้แค่นั้น เพราะเจ้าหล่อนคือชมพูนุช ผู้หญิงเจ้าเล่ห์หน้าเงินที่เดินเข้ามาในครอบครัว เพื่อหวังผลประโยชน์และศิวนาถมีแผนจะจัดการกับคนหน้าเงินนี้แล้ว

“ผมหมายถึง ถ้าให้คุณนุชมานั่งเฉยๆ ในห้องพี่ใหญ่โดยไม่ได้ทำอะไรมันน่าเบื่อ แต่ถ้ามีงานทำไปด้วยมันน่าจะดีกว่าไหม หรือคุณนุชว่าไงครับ”

“นุชอย่างไรก็ได้ค่ะ”

ว่าไปชมพูนุชก็เห็นด้วยกับคำพูดของศิวนาถ เรื่องที่จะให้มานั่งเฉยๆ หมดเวลาไปวันๆ ในห้องของชโยดมนั้น คงไม่ดีแน่ และเธอเองก็ไม่ได้อยากจะทำเช่นนั้น เพียงแต่ไม่อาจขัดความต้องการของคุณหญิงประภาได้

“งั้นก็ให้คุณนุชไปช่วยงานผม พี่ใหญ่ว่าดีไหม” ศิวนาถหันหน้ามาถามพี่ชาย

“ก็ดีนะ ตอนนี้งานนายเล็กเยอะมากเพราะเรามีโปรเจคใหญ่ที่กำลังทำ ไม่ทราบว่าคุณนุชยินดีไหมครับ” ชโยดมรับลูกน้องชายแล้วหันมาหาชมพูนุช

“นุชไม่มีปัญหาค่ะ อย่างไรก็ได้” แบบนี้ชมพูนุชค่อยรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็มีงานให้ทำดีกว่านั่งเฉยๆ อยู่ในห้องนี้

“แต่แม่ว่า...” คุณหญิงประภาทำท่าจะขัด ศิวนาถรีบเข้ามากอดแล้วชิงพูดก่อนว่า

“ผมว่าดีออกครับ คุณนุชของคุณแม่จะได้ไม่เบื่อ อีกอย่างคุณแม่อยากให้คุณนุชมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเราไม่ใช่เหรอ โปรเจคที่ผมกำลังจะทำคือรีโนเวทห้างที่เชียงใหม่ ทีนี้คุณนุชก็จะได้รู้จักที่มาที่ไปของครอบครัวเราอย่างชัดเจนไงครับ ว่าเราหาเงินแต่ละบาทมาด้วยวิธีไหน และจะจ่ายอะไรมันก็ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้ม คุณนุชว่าจริงไหมครับ” ศิวนาถหันหน้ามาสบตาหญิงสาว

ชมพูนุชได้แต่ยิ้มและไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น ใบหน้าหวานร้อนผ่าวไม่ใช่เพราะความเขินอายเช่นหนุ่มสาวแต่อย่างใด แต่เพราะสายตาที่จ้องมองมาด้วยความนัยบางอย่างต่างหาก ที่ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบเพราะละอายใจกับสิ่งที่อยู่ในหัวใจตัวเอง

หรือศิวนาถจะรู้เรื่องเงินสิบล้านที่เจ้าสัวบรรพตและคุณหญิงประภาช่วยเหลือครอบครัว และเอาตัวเธอมาแลกกับเงินก้อนนั้นจนได้มายืนอยู่ตรงนี้

แค่คิดว่าชโยดมหรือศิวนาถรู้เงื่อนไขนี้ ชมพูนุชก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเหมือนสิ่งของสักชิ้นบนโลกใบนี้ ที่เงินซื้อได้และกลายเป็นของเล่นให้ใครทำอะไรก็ได้

“ผมโอเคนะ ถ้าคุณนุชจะไปช่วยงานนายเล็ก ห้องนายเล็กก็อยู่ถัดจากนี้ไปไม่ไกล คุณแม่ว่าดีไหมครับ” ชโยดมเห็นด้วยเต็มที่

“แต่แม่อยากให้หนูนุชอยู่ที่นี่กับลูกมากกว่า” มารดาเอ่ย

“โธ่ คุณแม่ครับ ห้องทำงานผมอยู่ชั้นนี้เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง ถ้าคุณนุชอยากอยู่กับพี่ใหญ่ตลอดเวลามากขนาดนั้น เอาเอกสารมานั่งอ่านที่ห้องนี้แล้วเดินกลับไปส่งที่ห้องผมก็ได้ หรือคุณแม่จะ...”

“เอาล่ะๆ ตาเล็ก พูดน้อยๆ หน่อยก็ได้” มารดาค้อนขวับบุตรชายคนเล็กที่ทำท่าจะพูดต่ออีก

“กลางวันนี้แม่จองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้ให้แล้ว ตาใหญ่พาหนูนุชไปกินข้าวกลางวันที่ร้านนี้นะ” คุณหญิงประภาส่งนามบัตรให้ ท่านประธานหนุ่มรับไปถือไว้ด้วยท่าทีอึดอัดเล็กน้อย

“แล้วทุกวันอย่าลืมรับส่ง ดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดีล่ะ ตาเล็ก รู้ใช่ไหมหนูนุชคือว่าที่พี่สะใภ้เรา เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องให้หนูนุชทำงานมาก หรือถ้าจะจ้างพนักงานมาเพิ่มแม่ก็อนุญาต”

“ครับ คุณแม่” ศิวนาถทำเสียงล้อเลียนมารดาเล็กน้อย สองพี่น้องกอดคุณหญิงประภาคนละข้างหอมแก้มซ้ายขวาเป็นการเอาใจ

“หนูนุชอยู่กับตาใหญ่ที่นี่ ถ้าต้องการอะไรก็บอกไม่ต้องเกรงใจ ป้ากลับก่อนเย็นนี้ถ้าว่างไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะจ้ะ” หญิงวัยกลางคนกำชับเรื่องนี้อีกครา และปล่อยให้ชมพูนุชอยู่กับชโยดมเพื่อเริ่มทำความคุ้นเคยอย่างที่ตนต้องการ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel