แรงรักเพลิงเสน่หา

105.0K · จบแล้ว
ยิปซี อิ่มอุ่น อาทิตยา คันธมาลี ตะวันเปรมปรีดิ์
54
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ลองพูดมาซิ ว่ามีข้อเสนออะไร เผื่อว่าฉันสนใจอาจจะแถมให้ถ้าถูกใจใช่เลย” แววตาที่มองคนในอ้อมแขนเหมือนของเล่น พร้อมจะฟัดหรือเขี่ยทิ้งเวลาไหนก็ได้ มันทำให้ชมพูนุชรู้สึกอับอายและรังเกียจสายตารวมถึงความคิดของเขา เธอไม่คิดเลยว่าศิวนาถจะกล้าทำเช่นนี้ เขาไม่เพียงมีสายตาที่อันตรายเท่านั้น แต่ร่างกายและการกระทำก็อันตรายด้วยเช่นกัน เพราะเพียงแค่พ่อเจ้าประคุณดึงตัวชมพูนุชเข้าไปใกล้ ก็ทำให้ร่างกายของสาวน้อยร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมหายใจที่ผ่านไปมา มือและแขนที่สัมผัสเรือนกายถึงจะมีเสื้อผ้าคั่นไว้ไม่ได้สัมผัสเนื้อแท้ แต่ก็ทำให้รู้สึกร้อนและปั่นป่วนหัวใจเสียเหลือเกิน “ว่าไง หรือว่าเราจะแลกเปลี่ยนกันในแบบที่เธอชอบ” มือที่รั้งเอวสวยไว้เริ่มคืบคลานลงมาที่สะโพก โบกพัดวาดสัมผัสลงที่เนื้อนิ่มแก้มก้นอย่างจาบจ้วง เนื้อนิ่มที่อยู่ในอ้อมแขน กลิ่นกายสาวที่โชยให้รับรู้ แป้งอะไรที่เจ้าหล่อนใช้นะ ช่างหอมยั่วยวนหัวใจดีเหลือเกิน “ปล่อยนะ คุณศิวนาถ” ชมพูนุชทั้งกลัวทั้งไม่พอใจกับการกระทำที่หยาบคายของอีกฝ่าย และพยายามจะพาตัวเองให้ออกห่างจากการกระทำที่หยาบโลนเช่นนี้ ศิวนาถย่ามใจมากกว่าและคิดว่าชมพูนุชไม่หวงเนื้อหวงตัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นแน่ ตรงกันข้ามเจ้าหล่อนอาจจะชอบด้วยซ้ำกับการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ฝ่ามือที่ลูบไล้เนื้อนิ่มอิ่มเต็มที่ของสะโพกสาว กำลังจะเล็ดรอดเข้าไปภายใต้ชายกระโปรงตัวสวย สัมผัสกับผิวเนียนนุ่มใต้ร่มผ้า เริ่มรุกคืบเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ “.....”

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขาแต่งงานสายฟ้าแลบสัญญาทางรักพระเอกเก่งนัดบอดจีบเมียเก่าบอสซึนเดเระเลือดร้อนเศรษฐี

บทที่ 1

โรงแรมหรูย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร

ทั้งกลิ่นทั้งหน้าตาของอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ล้วนยั่วยวนเรียกน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ให้ทำงานในมื้อเที่ยงของวันนี้เสียเหลือเกิน แต่สีหน้าของสาวน้อยที่นั่งร่วมโต๊ะ และเป็นคนสำคัญของอาหารมื้อนี้ เต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดแต่ไม่สามารถพูดหรือแสดงออกได้ ถึงแม้จะมีอาหารรสเลิศราคาแพงอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ตรงกันข้าม มันกลับทำให้รู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เมื่อได้ฟังการสนทนาของผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะด้วยในเวลานี้

อย่าว่าแต่อาหารราคาแพงที่เธอได้มีโอกาสมานั่งมองมันตรงหน้าในเวลานี้เลย ต่อให้เป็นร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า หรือร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติและราคาแล้วล่ะก็ ถ้าเป็นเมื่อก่อนชมพูนุชคงจะไม่ลังเลใจที่จะเข้าไปลองลิ้มชิมรส ไม่ว่าจะราคาแพงแค่ไหนก็ตามแต่หากว่าพึงพอใจแล้ว สามารถจะเดินเข้าออกได้ตลอดสามมื้อเลยด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยน ไม่ใช่แค่ความรู้สึกนิดคิดเท่านั้นที่เปลี่ยน โอกาสที่จะได้ทำในแบบเดิมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ลำบากถึงขึ้นกินข้าวแกงข้างถนน หรือต้องกลายเป็นยาจกขอทานใครเพื่อยังชีพ

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัวเวลานี้นั้น การเก็บเงินไว้สำหรับค่าน้ำค่าไฟและยามเจ็บป่วยได้ไข้ น่าจะเหมาะสมกว่าการไปจ่ายเงินค่าอาหารราคาแพงในแต่ละมื้อ

“ตกลงตามนี้นะหนู” ชายวัยเจ็ดสิบปีหันมาหาชมพูนุชด้วยรอยยิ้มแห่งความเมตตา หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยรีบปรับสีหน้าและความรู้สึกส่งยิ้มทักทายกลับไปทันที

“เราสองครอบครัวมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน เรื่องอื่นๆ จะได้ง่ายตามไปด้วย” ชายวัยกลางคนกล่าว พลางมองหน้าสาวน้อยที่ตนชอบใจด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความยินดี

“หนูไม่มีปัญหาใช่ไหมจ้ะ” สตรีวัยกลางคนเอ่ยถามอีกคราเพื่อให้แน่ใจว่า ข้อตกลงที่ทุกคนตกลงทำร่วมกันโดยไม่เอ่ยถามชมพูนุชสักคำไม่ผิดพลาดแน่

การแต่งงานกับบุตรชายคนโตของครอบครัวประวันวิทย์ คือหน้าที่สำคัญสำหรับชมพูนุชที่จำต้องแบกรับไว้ เพื่อให้ทุกอย่างในครอบครัวของตนมีลมหายใจต่อไป การแต่งงานที่ไร้ความเต็มใจและความยินดี

การเสียสละในฐานะลูกสาวคนโตของบ้าน ความกตัญญูที่จะต้องมีต่อผู้พระคุณผู้ให้กำเนิด อีกร้อยเหตุผลมากมายที่ทำให้ชมพูนุช พิมพ์รักษาไม่มีข้อโต้แย้งใด นอกจากยอมทำตามแต่โดยดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ลูกนุชเต็มใจค่ะ” มารดาเลี้ยงของชมพูนุชเอ่ย นางรตีหันมาสบตากับลูกเลี้ยงสาว เพื่อบอกให้รู้ว่าควรเจรจาเช่นไรกลับไป

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เรื่องฤกษ์ยามทางเราจะจัดการหาโดยเร็วที่สุด ดีไหมคะ” คุณหญิงประภาหันหน้ามาหารือกับผู้เป็นสามี

“ดีๆ ว่าแต่จะพาหนูนุชไปหาเจ้าใหญ่เมื่อไร”

เพราะบุตรชายทั้งสองยังไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ทำให้สองสามีภรรยาต้องหันหน้ามาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับปัญหานี้

ชโยดมบุตรชายคนโตเป็นคนแรกที่ถูกบิดามารดาใช้แผนการคลุมถุงชนให้ และถือเป็นโชคดีอีกชั้นที่ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาเจ้าสาวไกลที่ไหน เพราะจู่ๆ อดีตเพื่อนร่วมธุรกิจในสมัยรุ่นบุกเบิก บิดาของชมพูนุชติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องธุรกิจ

บิดาของหญิงสาวมาพบเจ้าสัวบรรพตและคุณหญิงประภาที่บ้าน ชมพูนุชติดสอยห้อยตามมาด้วยทำให้มีโอกาสได้พบกับประมุขของบ้านประวันวิทย์ ทั้งคู่ถูกชะตาและจดจำสาวน้อยได้ว่าเคยพบเมื่อครั้งวัยเยาว์

สองสามีภรรยาครอบครัวประวันวิทย์ยินดีให้ความช่วยเหลือโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทนทันทีที่รู้จุดประสงค์การพบกัน ชายวัยกลางคนเกิดความคิดบางอย่างเมื่อได้พบหน้าชมพูนุช จึงปรึกษากับภรรยาเรื่องที่ลูกชายทั้งสองยังไม่มีใครลงเอยเรื่องครอบครัว

ความคิดเรื่องการทาบทามหาเจ้าสาวให้จึงเริ่มต้นที่ชมพูนุช ครอบครัวของชมพูนุชเกรงใจในความช่วยเหลือ แม้บิดาและมารดาเลี้ยงจะยกการตัดสินใจเรื่องนี้ให้เจ้าตัว แต่ชมพูนุชรู้ดีว่าคำตอบนี้ชี้เป็นชี้ตายให้กับครอบครัวเลยทีเดียว

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ยินยอมพร้อมใจเท่าไร แต่เมื่อคิดถึงอาการป่วยของบิดา สถานะทางครอบครัวในเวลานี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ชมพูนุชยอมทำอะไรที่ฝืนใจตัวเองที่สุด

“เร็วเท่าไรยิ่งดีเลยค่ะ ให้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ รับรองว่าตาใหญ่ต้องชอบหนูนุชแน่ๆ คุณคิดเหมือนกันไหมคะ” สองสามีภรรยาหัวเราะอย่างมีความสุข จินตนาการไปว่าบุตรชายของตนจะลงเอยกับชมพูนุชด้วยการแต่งงาน และมีหลานตัวน้อยๆ มาให้อุ้มในเร็ววัน

ในขณะที่ชมพูนุชได้แต่เก็บความขมขื่นใจไว้เพียงลำพัง แล้วก้มหน้ารับโชคชะตาที่ไม่สามารถเลี่ยงได้

เสียงดนตรีสากลบรรเลงแว่วเข้ามาในหู ปลุกเขาให้รู้สึกตัวและลืมตามองไปรอบๆ พยุงตนเองลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยสีหน้างุนงง แม้จะรู้แล้วว่าอยู่ในสถานที่ใดแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เทวดาองค์ใดอุ้มมาส่งยังวิมานฉิมพลีที่นี่ ให้มีที่ซุกหัวนอนผ่านค่ำคืนที่โหดร้ายมาได้

“ตื่นแล้วเหรอ”

เสียงทักทายดังขึ้นทำให้คนที่อยู่บนเตียงหันไปมอง ร่างสูงสมส่วนเดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กลิ่นเหงื่อที่กายบ่งบอกให้รู้ว่า เจ้าของห้องเพิ่งจะออกกำลังดูแลสุขภาพเรียบร้อยเมื่อไม่นานนี้

“ฉันมาอยู่นี่ได้ไงวะ”

คำถามแรกจากปากของคนที่เพิ่งสร่างเมา เจ้าตัวเลิกผ้าห่มแล้วลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว ก่อนจะตามออกมานั่งเล่นที่ระเบียงด้านนอก เพื่อชมธรรมชาติอันบริสุทธิ์พร้อมกับกาแฟดำแก้วใหญ่เพื่อช่วยให้หายจากอาการเมาค้างเมื่อคืนนี้

“แกไปรับฉันมาหรือไง นายเล็ก” เขาถามผู้เป็นเจ้าของเรือนเล็กแห่งอาณาจักรประวันวิทย์ ทายาทลำดับที่สองของพีวีมอลล์กรุ๊ปและห้างสรรพสินค้าในเครืออีกมากมาย

“ฉันต้องถามมากกว่าว่าทำไมไปเมาหัวราน้ำอยู่ที่นั่น เด็กที่มาส่งบอกว่าแกไปนั่งตั้งแต่ร้านเปิดจนเกือบปิด ซัดไปคนเดียวสองขวดเต็มๆ ไม่พูดไม่จา ถ้าเมื่อคืนเจ้าของร้านไม่ใจดีให้เด็กมาส่งที่บ้านล่ะก็ แกได้นอนตากยุงข้างถนนแน่” ใบหน้าคมหันมาสบตากับเพื่อนรักด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

ปกติแล้วจรัลไม่ใช่นักดื่ม หรือคนสำมะเลเทเมาที่หัวราน้ำไม่ เลือกที่ ตรงกันข้ามเป็นผู้ชายขยันขันแข็งตั้งใจทำงานเก็บเงิน เรื่องเที่ยว เรื่องกินนี่แทบจะนับครั้งได้

แต่สภาพที่ศิวนาถเห็นเพื่อนรักเมื่อคืน ตอนที่พนักงานในร้านของเพื่อนอีกคนมาส่ง จรัลเมาจนไม่มีสติเนื้อตัวอาบไปด้วยกลิ่นน้ำ อำพันคละคลุ้งไปหมด ดีที่คนงานในบ้านมาช่วยกันเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ จึงพอทำให้ร่วมเตียงกันได้ตลอดคืน

“ขอบใจแกมาก ก็คงมีแกนี่แหล่ะ ที่เข้าใจและอยู่กับฉันทุก สถานการณ์” น้ำเสียงจรัลเบาลงสีหน้าเศร้าหมองตามไปด้วย

ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยาวนานมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทำให้จรัลเข้านอกออกในบ้านหลังนี้เสมือนสมาชิก คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เขาได้รับความรักความเมตตาจากบุพการีทั้งสองตลอดจนพี่ชายใหญ่ของเพื่อนรักไม่น้อย แม้ว่าจะเรียนจบแยกย้ายกันไปทำงานตามสายงานที่จบมา แต่ทั้งคู่ก็ยังคบหาเป็นเพื่อนไปมาหาสู่กันตลอด

หนำซ้ำเจ้าของเรือนเล็กที่จรัลมาอาศัยนอนตลอดคืน ยังเป็นเพื่อนตายเพียงคนเดียวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรในชีวิตเขาจะสุขหรือทุกข์ ศิวนาถเป็นผู้รับรู้และช่วยให้คำปรึกษามาโดยตลอด ทั้งคู่มีความเป็นมิตรและห่วงใยกันเสมอ

“เฮ้ยๆ เป็นอะไร ไม่พูดไม่อธิบายทำตัวเป็นคนอกหักรักคุดไปได้” ศิวนาถพูดทีเล่นทีจริงแหย่เพื่อน แต่สงสัยว่าคำแหย่จะไปกระทบใจจรัลเข้าให้อย่างจัง เจ้าตัวถึงได้ถอนหายใจดังๆ ออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

“อย่าบอกนะว่าที่กลุ้มจนเมาขนาดนี้ เพราะน้องนุชสุดสวาทของแกทำพิษเข้าให้เสียแล้ว” ศิวนาถเดาไปเรื่อย แต่เป็นการเดาที่ถูกต้องเสียด้วย

“เรื่องอะไรล่ะ ปกติไม่เคยเห็นแกกับน้องนุชสุดสวาทมีปัญหากันเลยนี่หว่า”

เขาพอจะรู้ว่าจรัลพึงพอใจผู้หญิงที่ชื่อน้องนุชคนนี้มาก เทียวไล้เทียวขื่อไม่สนใจมองสาวใดเป็นเวลาหลายปี และดูเหมือนว่าน้องนุชคนนี้ก็จะให้คะแนนความพึงพอใจในตัวเพื่อนรักกลับมาเช่นกัน