บท
ตั้งค่า

8 เรื่องบังเอิญ

The Garden

ช่วงสายๆของวัน เป็นเวลาที่เมโกะชอบมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟแห่งนี้ เธอมาที่นี่บ่อย เพราะเธอชอบมองสวนที่เจ้าของร้านจัดด้วยตัวเอง และที่นี่เงียบสงบ ไม่มีลูกค้ามากมายจนแน่นร้าน คนใกล้ชิดของเธอมักจะรู้ดี ว่าถ้าหากต้องการจะเจอเธอในเวลานี้ ก็ต้องมาที่นี่

และต้นไม้ก็รู้เรื่องนี้ดี ร่างสูงเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะซึ่งเมโกะกำลังนั่งอยู่ ด้วยเพราะเวลานี้เธอกำลังเหม่อลอย ทอดสายตาออกไปยังหมู่ต้นไม้ใบหญ้าด้านนอก เลยทำให้ไม่ได้สนใจการมาของผู้จัดการหนุ่มที่เป็นเจ้านายของเธอด้วยเช่นกัน

“ช่องส่งบทมา เรื่องนี้ทั้งผู้กำกับและคนเขียนบท รีเควสต์มาเป็นพิเศษว่าอยากให้เธอเล่น” ต้นไม้วางบทละครเล่มหนาลงที่ตรงหน้าเมโกะ

“คุณคิมก็อยากให้เธอรับนะ เพราะนี่อาจจะเป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้เธอ พี่อ่านบทแล้ว...บทดีมากเลย” ต้นไม้ยังคงพูดต่อไปทั้งๆที่เมโกะยังไม่หลุดออกจากภวังค์

“แต่ถ้าเธอปฏิเสธ...”

“พี่ต้นไม้...” ในตอนนั้นสายตาของเมโกะก็จ้องมองที่ต้นไม้

“หืม?”

“ทำไมคนเราถึงฝันเหรอ? แบบว่า...ทำไมเราถึงฝันถึงคนคนหนึ่งซ้ำๆ ด้วยเหตุการณ์เดิมๆเหรอ?” เมโกะไม่ได้สนใจเรื่องบทละครของต้นไม้ เพราะเวลานี้เธอกำลังครุ่นคิดหาคำตอบถึงสาเหตุที่ทำให้เธอเอาแต่ฝันถึงพัตเตอร์ซ้ำๆ

“อะไรของเธอ?” ต้นไม้ถอนหายใจพรืดใหญ่

“ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมต้องฝัน พี่ต้นไม้ไม่เคยฝันถึงใครบ่อยๆเลยหรือไง?”

“อาจเป็นคนที่เธอฝังใจล่ะมั๊ง เธอถึงได้ฝันถึงเขาบ่อยๆ” ต้นไม้เลี่ยงที่จะตอบคำถามของเมโกะ ด้วยการหาบทสรุปให้เธอ

“ฝังใจเหรอ? หมายถึงอะไร?”

“พี่จะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอฝังใจกับใครบ้าง ต้องถามก่อน...ว่าคนที่เธอฝันถึงน่ะเป็นใคร” ต้นไม้มองหน้าเมโกะอย่างหยั่งเชิง

“อืม...เป็นใครเหรอ...จะบอกยังไงดีล่ะ จะบอกว่าเป็นเพื่อนก็ได้นะ แต่ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ”

“งั้นมันคงมีไม่กี่เหตุผลหรอก ไม่เธอชอบเขา ก็คงค้างคาใจอะไรบางอย่างหรือไม่ก็รู้สึกผิด” ต้นไม้สรุปให้เสร็จสรรพ

“พี่ต้นไม้พูดเหมือนเคยฝันถึงใครบางคนซำ้ๆด้วยเหตุผลแบบนั้นเลยนะ”

“แปลกเหรอที่เราทุกคนน่าจะต้องมีใครสักคนให้คิดถึงอยู่เสมอ”

“ก็ไม่แปลกหรอก...งั้นแล้วคนเราจูบกันเพราะฝังใจด้วยหรือเปล่า?” ขณะที่ถามต่อ มือบางก็ยกขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเอง ภาพที่เธอกับพัตเตอร์จูบกันเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นมาในโสตประสาท

“ไปจูบกับใครมา?” ต้นไม่รู้ทันถึงได้ถามออกไป

“ปะ...เปล่าสักหน่อย! แค่ถามไม่ได้แปลว่าไปจูบกับใครมานี่!” เมโกะรีบปฏิเสธทันควัน

“แต่สายตาเธอมันฟ้องว่าเพิ่งไปจูบกับใครมา”

“คิดไปเองน่ะ! เมโกะจะไปจูบกับใครได้?”

“ก็คนที่เธอฝันถึงไง คนที่เธอฝังใจ” ขณะที่เอ่ยออกไปแบบนั้น ต้นไม้ส่งมือหนาไปเคาะเบาๆที่บทละครเล่มหนาซึ่งวางอยู่ตรงหน้าเมโกะ

“อย่าลืมอ่านบท พี่ต้องไปแล้ว”

“รักแรก...อ่านจบแล้ว เอาคืนไป เมโกะไม่รับเล่นหรอก” หญิงสาวเพียงอื่นชื่อเรื่องที่หน้าปก ก่อนจะดันบทละครเล่มหน้าไปตรงหน้าชายหนุ่ม

“อย่าทำนิสัยเด็กๆ ลองอ่านก่อน...พี่เชื่อว่าละครเรื่องนี้จะสร้างชื่อให้เธอดังมากกว่าที่เป็นอยู่”

“พี่ต้นไม้ก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่เมโกะต้องการไม่ใช่ชื่อเสียงหรือเงิน ที่เมโกะต้องการคืออยู่เฉยๆ” หญิงสายเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงแม้ว่าการอยู่เฉยๆที่เธอว่านั้นมันจะเหมือนว่าเธอพูดเล่นๆก็ตาม แต่หากใครได้รู้ว่าเธอทำงานมาตั้งแต่อายุสิบขวบ จนถึงอายุยี่สิบสี่ พวกเขาจะเข้าใจความหมายนั้นได้อย่างไม่เกิดคำถาม

“แต่เธอยังเหลือสัญญาอยู่อีกหกเดือน และเธอจะเอาเวลาหกเดือนนี้มาอยู่เฉยๆไม่ได้ คุณคิมไม่มีทางยอมแน่”

“เห้อ!” คำพูดของต้นไม้ทำเอาเมโกะได้แต่ถอนหายใจออกมา

“อ่านบท แล้วเธอจะชอบจนอยากเล่นละครเรื่องนี้ พี่ต้องไปแล้ววันนี้มีประชุม และขอล่ะ...ช่วงนี้อย่าเพิ่งมีเรื่องหรือสร้างข่าว เพราะชื่อของเธอจะอยู่ในที่ประชุมวันนี้ด้วย”

“จะนินทาอะไรเมโกะกันอีกล่ะ พวกผู้บริหารนี่ก็นินทากันเก่งนะ” ดาราสาวแสยะยิ้ม

“นินทาว่าจะเอายังไงกับคนนิสัยเสีย เอาแต่ใจตัวเองอย่างเธอดี ยังไงล่ะ” ต้นไม้ทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่เขาลุกเดินออกจากร้านกาแฟมาที่ลานจอดรถ

เป็นเวลาเดียวกับที่รถโฟร์คเต่าคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด ร่างบางในชุดเสื้อเชิ๊ตกางเกงยีนลงจากรถพร้อมกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคแล้วเอกสารมากมาย เธอมีท่าทีเร่งรีบ แต่เมื่อเขาและเธอได้สบตากัน ท่าทีเร่งรีบของหญิงสาวก็หายลับไป

“พี่ต้น...” เธอเอ่ยชื่อของเขา

“ข้าว...” เช่นเดียวกับที่เขาเอ่ยชื่อของเธอ

“บังเอิญจัง บังเอิญมากเลย” หญิงสาวใบหน้าสวย ยกยิ้มบางๆขึ้นมา หลังจากที่เขาและเธอยืนสบตากันอยู่นานเป็นนาทีต่อนาที

“พี่ไม่รู้เลยว่าข้าวกลับมาจากอังกฤษแล้ว” แม้ว่าต้นไม้จะไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมา แต่สายตาของเขามันบ่งบอกว่าการได้เจอเธอคนนี้เป็นเรื่องน่ายินดี

“ข้าวกลับมาหลายวันแล้วค่ะ พอดีว่ามีงานด่วนมากๆ” หญิงสาวยังคงยิ้ม

“เราไม่ได้เจอกันแล้วนะ ข้าวสบายดีไหม...ยังตามความฝันอยู่หรือเปล่า?”

“ข้าวสบายดีค่ะ...ข้าวยังวิ่งตามความฝันอยู่ และมันก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ” เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของต้นไม้

“พี่ดีใจด้วยนะ” จนถึงตอนนี้ต้นไม้เพิ่งจะเผยรอยยิ้มเบาบางออกมา

“บทของข้าวกำลังจะได้ทำเป็นละครค่ะ”

“ดีมากๆเลย พี่ยินดีด้วยจริงๆ ถ้าข้าวมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ พี่ยินดีเสมอ”

“ข้าวรีเควสต์ไปว่าอยากให้คุณเมโกะมารับบทนางเอก เห็นว่าทางช่องส่งบทไปที่เอเจนซี่แล้ว ถ้าพี่ต้นไม้ช่วยให้คุณเมโกะรับเล่นละครเรื่องนี้ได้ มันคงจะดีมากๆเลย”

“อย่าบอกนะว่า รักแรก เป็นบทละครที่ข้าวเขียน?” เขาเอ่ยถามถึงบทละครที่ว่าด้วยความรักครั้งแรกของชายหนุ่มและหญิงสาว ที่ต่อให้ผ่านไปหลายสิบปี ความรักนั้นก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง บทละครที่เขาเพิ่งเอาให้เมโกะอ่าน และเป็นบทที่เขาเคยบอกว่ามันดีมากๆ

“ค่ะ พี่ต้นได้อ่านมันหรือยังคะ?”

ครืดๆ ครืดๆ

ระหว่างที่ข้าว หรือใบข้าว นักเขียนบทหน้าใหม่กำลังรอคำตอบของต้นไม้ เสียงเรียกเข้าจากมือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“พี่ขอรับสายเดี๋ยวนะ” เขาหยิบมือถือขึ้นมามองหน้าจอ ก่อนจะเอ่ยบอกหญิงสาว

“พี่ต้นคงมีธุระ เอาไว้เราค่อยนัดเจอกันก็ได้ค่ะ ข้าวเองก็มีงานที่ต้องเร่งแก้เหมือนกัน”

“เอางั้นเหรอ?”

“ค่ะ ข้าวดีใจนะที่เราได้เจอกันอีกครั้ง” เธอยกยิ้มให้กับเขา ก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านกาแฟ ที่ซึ่งมีเมโกะกำลังนั่งอ่านบทละครของเธออยู่

ใบข้าววางสัมภาระของตัวเองลงบนโต๊ะ ซึ่งเป็นโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะของเมโกะ ระหว่างนั้นพนักงานก็นำกาแฟที่เธอสั่งมาเสิร์ฟ

“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่สายตาสบเข้ากับบทละครของเธอที่อยู่ในมือของเมโกะ เพียงเท่านั้นเธอก็รู้เลยว่าวันนี้มีความบังเอิญเกิดขึ้นหลายอย่าง

ใบข้าวเริ่มทำงานของตัวเอง แต่ก็อดที่จะแอบมองเมโกะไม่ได้ เธอจับสังเกตดาราสาวอยู่พักใหญ่ ใบหน้าสวยของเมโกะนั้น...ขณะที่กำลังอ่านบทของเธอ ก็นิ่วหน้า คิ้วขมวดกันจนเกือบจะผูกกันเป็นโบว์ เหมือนว่าเมโกะไม่พอใจหรือมีความข้องใจกับบทละครนั้นมาก

“เข้าหรือไม่เข้าดีนะ?” นักเขียนสาวเม้มปากอย่างลังเลใจ ว่าเธอจะควรจะเข้าหาเมโกะดีหรือไม่ อย่างน้อยถ้าเธอได้อธิบายบทละคร คิ้วของเมโกะอาจจะไม่ขมวดกันจนเป็นปมแบบนั้นก็ได้

“เข้าสิ...กล้าๆหน่อยข้าว” เธอบอกกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่จะได้เดินเข้าไปหาเมโกะ ก็มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามามุงเมโกะเสียก่อน

“เมโกะ! ขอถ่ายรูปด้วยได้ป่ะ?!”

คำถามของเด็กสาวในชุดไฮสคูลดังขึ้นมา ทั้งน้ำเสียงและท่าทางออกไม่ทางไม่มีมารยาท ไร้กาลเทศะอย่างสิ้นเชิง เมโกะละสายตาจากบทละครในมือ ช้อนสายตาขึ้นมองกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อายุไม่พ้นมัธยมปลายสามคน

“ค่ะ” ดาราสาวกระแทกเสียงตอบ เธอไม่พอใจเท่าไหร่นักกับท่าทีของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ แต่เพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากสร้างข่าว จึงทำได้เพียงตอบรับ

แช๊ะ! แช๊ะ! แช๊ะ!

เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นรัวๆ เมื่อเด็กสาวสามคนไม่พอใจกับรูปที่ถ่ายไปเสียที พวกเธอจัดท่าจัดทาง เปลี่ยนมุมถ่าย ส่งเสียงดังโหวกเหวกโวยวาย จนคนในร้านคนอื่นๆต้องหันมามอง

“เมโกะ! มายืนตรงนี้หน่อย!” หนึ่งในนั้นดันเมโกะไปยังตำแหน่งที่ตัวเองต้องการ แล้วกดถ่ายรูป

“ไม่สวยเลยอ่ะ เอาตรงนี้ดีกว่า!” พอไม่ใจกับรูปที่ถ่าย ซึ่งเป็นรูปที่สิบกว่า เด็กสาวคนเดิมก็กระชากแขนดาราสาวกลับมาที่เดิม แล้วถ่ายรูปอีกครั้ง

จนถึงตอนนี้เมโกะที่ทนมานานก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมา เธอถอนหายใจออกพรืดใหญ่ กวาดสายตามองเด็กสาวสามคน แล้วกัดปากตัวเองอย่างอดกลั้น

“รูปนี้ดีอ่ะ ไปกันเหอะ” แล้วพอเด็กสามคนได้รูปถ่ายที่ตัวเองพอใจ ก็เตรียมจะพากันเดินออกไป โดยที่ไม่คิดจะหันมาเอ่ยคำขอบคุณหรือคำใดๆกับเมโกะ ทำราวกับว่าเธอเป็นเพียงรูปปั้นหรือดอกไม้ข้างทางที่จะทำอะไรก็ได้

“นี่!” ซึ่งแน่นอนว่าเมโกะไม่ยอมแน่ๆ

“?” พอได้ยินเสียงของดาราสาว เด็กวัยรุ่นสามคนก็หันกลับมามอง

“พ่อแม่ไม่ได้สอนให้พูดคำว่าขอบคุณหรือไง?”

“!!!” เด็กทั้งสามทำหน้าตางุนงงเมื่อได้รับคำถามนั้นจากเมโกะ

“เธอสามคนมาขอถ่ายรูปกับฉันด้วยท่าทางไร้มายาท ฉันก็ไม่ติดใจหรอกนะ เข้าใจได้ว่าไม่ใช่เด็กทุกคนจะมารยาทดี แต่พอโดนผลักไปโน่นที มานี่ที ฉันก็คิดว่าพวกเธอมันไม่น่าจะได้รับการสั่งสอนมาก่อน เพราะไม่อยากมีเรื่องฉันเลยเงียบ แต่นี่อะไร...ถ่ายรูปเสร็จก็เดินออกไปเลยอย่างนั้นเหรอ? ขอบคุณสักคำพูดไม่เป็นหรือไง หรือที่พ่อแม่กับอาจารย์ไม่ได้สอนคำนั้นมา?!” ทั้งร้านกาแฟเงียบกริบเมื่อเมโกะโวยวายขึ้นมา

“ก็แค่ขอถ่ายรูป จะอะไรนักหนา? ไม่อยากถ่ายก็ปฏิเสธสิ!” เด็กสาวคนหนึ่งโวยวายตาม

“ฉันปฏิเสธพวกเธอได้เหรอ? ถ้าบอกว่าไม่สะดวก พวกเธอจะไม่เอาฉันไปด่าในโซเชียลหรือไง ก็บอกอยู่ว่าขอถ่ายรูปฉันไม่ติด แต่ที่ติดคือพวกเธอทำเหมือนดาราเป็นของสาธารณะ อย่างจะถ่ายรูปก็ถ่าย ถ่ายเสร็จก็ไป...คำขอบคุณสักคำไม่มี!”

“ก็หาเงินจากประชาชนไม่ใช่เหรอ? จะไม่ใช่ของสาธารณะได้ยังไง? ถ้าอยากได้คำขอบคุณขนาดนั้น...ก็ได้! ขอบคุณ พอใจหรือยัง?!” เด็กสาวลอยหน้าลอยตา จนเมโกะเริ่มจะทนไม่ไหว สองมือกำหมัดแน่น เตรียมจะพุ่งเข้าหากกลุ่มเด็กสาว แต่แล้ว...ร่างบางนางหนึ่งก็เข้ามาขวางหน้าเมโกะเอาไว้

“อย่ามีเรื่องเลยค่ะ มันไม่คุ้มหรอก ฉันจะจัดการให้เอง” เป็นใบข้าวที่โผล่เข้ามา

“ไปกันเหอะพวกเรา! งานนี้โซเชียลได้ลุกเป็นไฟอีกรอบแน่ๆ” เสียงเด็กสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง

“น้องๆคะ...” ใบข้าวถือโอกาสนั้นวิ่งเข้าไปขวางหน้ากลุ่มเด็กสาวเอาไว้

“อะไรอีก?!”

“จริงอยู่ที่น้องๆจะบอกว่าดาราเป็นของสาธารณะเพราะพวกเขาหาเงินจากประชาชนอย่างน้องๆ จะขอถ่ายรูปด้วยก็ไม่ผิด แต่น้องๆควรจะเคารพในความเป็นมนุษย์ของคนอื่นด้วยนะคะ การที่ทำแบบนี้...มันแสดงออกถึงการไม่ให้เกียรติ ไม่แปลกเลยที่คุณเมโกะเขาจะไม่พอใจ ลองน้องๆโดนกระทำแบบเดียวกันบ้างสิ จะรู้สึกยังไง ถ้ามีคนมาถ่ายรูปกับน้องๆ จัดแจงทุกอย่างตามใจต้องการ ลากไปซ้ายทีขวาทีแบบนั้น แล้วพอได้ทุกอย่างที่พอใจก็เดินออกไป ไม่มีแม้แต่คำว่าขอบคุณ...น้องๆยังจะนิ่งอยู่ได้เหรอ? อย่าลืมนะคะว่าถึงจะเป็นดารา แต่พวกเขาก็มีความรู้สึก...”

“...” คำสั่งสองของใบข้าวทำเอาเด็กสาวทั้งสามคนนิ่งไป

“เอาเป็นว่า...ตอนนี้แทนที่จะพูดคำว่าขอบคุณ พี่ว่าน้องๆควรไปขอโทษคุณเมโกะเขานะคะ”

“ทำไมต้องขอโทษ? พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เมโกะก็ว่าพวกเราพ่อแม่ไม่สั่งสอนเหมือนกัน ไปกันเหอะ!” ว่าแล้วเด็กสาวทั้งสามคนก็เดินออกไปจากร้านกาแฟในทันที

“น้อง!”

“คุณ! ช่างพวกเด็กนิสัยแย่นั่นเถอะ! ฉันไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้น่ะ!” เมื่อเห็นว่าใบข้าวคิดจะตามเด็กสาวนั้นไป เมโกะก็เข้ามารั้งแขนไว้ทันที

“ตอนแรกข้าวคิดจะช่วยคุณเมโกะ...ที่ไหนได้ ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย” ใบข้าวยกยิ้มอย่างรู้สึกอาย

“แค่คุณเข้ามาขวาง ไม่ให้ฉันทึ้งหัวนังเด็กเปรตพวกนั้น ก็ถือว่าช่วยได้มากแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” เมโกะส่งยิ้มบางๆให้กับใบข้าว

“ยินดีค่ะ”

“ว่าแต่...ก่อนหน้านี้ฉันเห็นคุณมองหน้าฉันอยู่พักใหญ่ คงไม่ใช่เพราะอยากจะเข้ามาขอถ่ายรูปหรอกนะ?” ดาราสาวรู้ตัวว่าถูกมอง

“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ...ข้าวแค่อยากรู้ว่าบทละครเรื่องนั้น คุณเมโกะอ่านแล้วรู้สึกยังไง?”

“หืม?”

“คือว่า...ข้าวเป็นคนเขียนบทละครเรื่องนั้นเองล่ะค่ะ”

“ห่ะ? บังเอิญไปหรือเปล่าเนี่ย?” แล้วเมโกะก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง เมื่อความบังเอิญนี้มันช่าง...บังเอิญจนเหมือนว่าตั้งใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel