บทย่อ
เธอยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เขาตกเป็นของคนอื่น ทนเห็นเขาไปรักใครที่ไม่ใช่เธอไม่ได้ เธอจึงต้องแย่งเขามาเป็นของตัวเอง ต่อให้ใครจะมองว่าเธอเป็นนางร้ายมากกว่านางเอก เธอก็ไม่สน ขอให้ได้เขามาเป็นพอใจแล้ว! พัตเตอร์ “มึงต้องการอะไรเมโกะ?” เมโกะ “มึงรู้อยู่แล้วว่ากูต้องการอะไร” พัตเตอร์ “กูมีแฟนแล้ว และกูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงอีกแล้ว” เมโกะ “กูไม่ได้มาถาม ไม่ได้มาขอ แต่กูมาแย่ง! เพราะงั้น...กูต้องได้!” ‼️ คำเตือน ‼️ เรื่องนี้มีดราม่า [และก็มีความโคตรฟินด้วย] และเรื่องนี้นางเองนิสัยเสียขั้นสุด...ไม่ต่างอะไรกับนางร้าย
1 เสน่หา
ความรักเอย เจ้าลอยลมมาหรือไร มาดลจิต มาดลใจเสน่หา
รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า หรือเย้า เราให้เฝ้าร่ำหา หรือแกล้งเพียงแต่ลมแลตา
ยั่วอุรา ให้หลงลำพองใจ
The Sky Hotel
บรรยากาศงานแต่งงานอันแสนหวาน ซึ่งอบอวลไปด้วยความรัก เป็นเพียงฉากประกอบที่คู่บ่าวสาวรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อต้องการป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้และร่วมเป็นสักขีพยานว่าเขาทั้งสองกำลังจะลงเอย และครองรักกันไปตราบนานเท่านาน
ที่บนเวทีนั้น...หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวกำลังยิ้มอย่างมีความสุข ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวและสามีของเธอ แววตาของคนทั้งสองฉายแววความสุขออกมาอย่างเหลือล้น บทเพลงลูกกรุงที่ดัดแปลงมาเป็นสไตล์แจ๊สกับเสียงเปียโนแสนหวานนั้นขับกล่อมให้ห้องจัดการของโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวแห่งนี้เป็นเหมือนแดนสวรรค์...จะว่าเช่นนั้นก็ไม่ผิด ทุกคนในที่แห่งนี้ยิ้มออกมาราวกับได้ยืนอยู่บนท้องฟ้ากว้างที่ประดับด้วยดอกไม้สีขาวนานาพันธุ์
...เว้นแต่เพียงผู้เดียว...
เธอที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาว...คนที่ควรจะยิ้มยินดีให้กับความสุขของเพื่อน เพราะเธอรู้ว่ากว่าที่ นุ่มนิ่ม ซึ่งเป็นเจ้าสาว กับสายฟ้า ผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นจะมารักและลงเอยกันได้ เขาทั้งสองต้องผ่านอะไรมาไม่น้อย
ที่เธอไม่ยิ้ม ใช่ว่าไม่ต้องแสดงความยินดีกับเพื่อน แต่มันเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมาสามชั่วโมงก่อนต่างหาก ความทุกข์และความอัดอั้นที่เกิดขึ้นนั้น มันทำให้เธอ...ยิ้มไม่ออกแต่จะให้ร้องไห้ออกมาในเวลาแบบนี้ก็ทำไมได้เช่นกัน
หญิงสาวตกอยู่ในความคิดเป็นนานสองนาน เธอจมดิ่งลงในความคิดของตัวเองจนลืมทุกสิ่งอย่าง แม้ว่าเวลานี้เธอจะนั่งอยู่ในงานแต่งงาน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแม้สักนิด จนกระทั่ง...เสียงของวีนัส เพื่อนรักอีกคนของเธอเอ่ยชื่อของเธอพร้อมกับคำถาม
“เมโกะ...มึงว่าไอ้พัตเตอร์มันหล่อขึ้นป่ะวะ?”
“...” เมโกะตื่นจากภวังค์ในทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“ต้องฉลองแล้วว่ะ แก๊งเราได้กลับมารวมตัวกันครบๆอีกครั้งในรอบหกเดือนเลยนะเว้ย!”
‘แก๊งเรา’ ที่วีนัสเอ่ยถึง...มันคือกลุ่มเพื่อนห้าคนที่มีกรุปไลน์ที่ชื่อว่า ‘ห้ามหัศจรรย์’ ภายในกลุ่มประกอบด้วย เมโกะ...ที่เวลาเอาแต่นั่งเงียบ มองตามวีนัสไปยังร่างสูงในชุดสูทสีดำซึ่งกำลังคุยอยู่กับแขกในงาน มองเขาทีไร เธอก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ตั้งแต่ที่งานแต่งเริ่มขึ้น เขาไม่เข้ามาหาเธอเลย ทั้งๆที่เป็นเพื่อนก็น่าจะต้องเข้ามาทักทายหรือพูดคุย ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่เขาไม่...เขาทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน ที่จริงเขาน่าจะรู้ว่าเวลานี้...เวลาที่เธอกำลังเป็นทุกข์แบบนี้ เธอต้องการเขามากกว่าใครทั้งนั้น
“ไอ้พัตมันคุยกับมึงบ้างป่ะ? ตั้งแต่ที่กลับมา” คำถามนี้ทำให้เมโกะได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เจ้าของคำถามก็คือ วีนัส สาวสวยสุดมั่นที่มาพร้อมใบหน้าเหวี่ยงๆ เธอเป็นเหมือนหัวโจกของกลุ่ม เวลานี้กำลังคบหาดูใจอยู่กับคุณลุงอินทรีย์ หนุ่มใหญ่ที่เป็นเพื่อนของพ่อแม่ เธอลอยตัวเหนือดราม่าอายุห่าง รักกันมานานแบบโนสนโนแคร์ และก็รักกันดี จนมีแผนที่จะแต่งงานกันทันทีที่เธอเรียนจบ
ต่อมาคือสายฟ้า เจ้าบ่าวของงานในวันนี้นั่นเอง สายฟ้าเป็นน้องชายแท้ๆของวีนัส ตามมาด้วยนุ่มนิ่มที่เป็นเจ้าสาว สองคนนี้รู้จักกันมาทั้งชีวิต อาจเรียกได้ว่าเกิดมาก็เจอกันเลย เนื่องจากพ่อแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนกัน ราวกับว่ามันคือโชคชะตาที่นำพาให้ได้มาเจอและรักกัน ร่วมกันฝ่าอุปสรรคมากมายมาจนถึงวันที่ได้แต่งงาน และสุดท้าย...พัตเตอร์ ฝาแฝดผู้พี่ของนุ่มนิ่ม ที่ย้ายไปเรียนต่อที่อังกฤษเมื่อหกเดือนก่อน และเขากลับมาเมืองไทยอีกครั้งเพื่อร่วมงานแต่งของน้องสาวที่แต่งงานกับสายฟ้า เพื่อนรักของเขาเช่นกัน
“เมโกะ!”
“ห่ะ? หืม?” เมโกะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อวีนัสเอ่ยชื่อเธอเสียงดัง
“มึงเป็นอะไรเนี่ย? หน้าตาไม่ดีตั้งแต่ที่เข้ามาในงานละ...หรือมึง...ไม่กล้าสู้หน้าไอ้พัต?” วีนัสหรี่ตาเป็นเชิงว่าจับผิดเมโกะ
“ทำไมกูต้องไม่กล้าสู้หน้ามันด้วย? กูทำอะไรผิดวะ?” แล้วเมโกะก็เป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาในทันที เธอเก็บเรื่องของแม่ลงกล่อง แล้วกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เพ่งมองพัตเตอร์ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ
“งั้นมึงก็คงดีใจที่ได้เจอหน้ามันอีกครั้ง หลังจากที่ทำมันเสียใจจนมันต้องหนีไปอังกฤษ...” วีนัสแสยะยิ้มร้ายกาจตามนิสัยของเธอ
“มึงสองคนนินทากูอยู่ใช่ไหม?” แล้วพัตเตอร์ก็เข้ามาพร้อมคำถาม
“เออดิ...ไอ้เมโกะมันบอกว่ามึงหล่อขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนมาก รู้งี้...คงไม่ปฏิเสธตอนที่มึงสารภาพว่าชอบมัน” แล้ววีนัสก็สร้างเรื่องอีกครั้ง
“เหรอ?” พัตเตอร์ยกยิ้มถาม
“เชี่ย! กูไม่ได้พูด! ไอ้พัต...ถ้ามึงเชื่อไอ้วี...คือมึงโง่อ่ะ!” เมโกะรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“กูก็ไม่ได้บอกว่าเชื่อนี่...ไปกันเหอะ เดี๋ยวต้องส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอแล้ว” รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของพัตเตอร์ในทันที
“ยังต้องส่งเข้าห้องหออีกเหรอวะ? รู้สึกว่ามันสองคน...เข้ากันดีมากจนไอ้นิ่มท้องโตแล้วนะ” วีนัสเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“วีนัส...อย่าพูดจาแบบนี้สิ” ขณะนั้นเสียงของอินทรีย์ก็ดังขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาโอบเอวบางของวีนัสพร้อมรอยยิ้ม
“งื้อ! คุณลุง...คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอคะ?” วีนัสหันไปคลอเคลียกับคนรักของเธอโดยไม่แคร์ว่าเพื่อนสองคนจะยืนอยู่ด้วย
“กูไปรอข้างหน้านะ” ว่าแล้วพัตเตอร์ก็เดินผ่านหน้าเมโกะออกไป โดยไม่เหลียวตามองเธอแม้แต่น้อย
“พัตเตอร์...” เมโกะกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามร่างสูงไปติดๆ เธอเรียกชื่อเขา...ส่งมือไปรั้งแขนเขาไว้แน่น
“?” จนเขาต้องหันมามองหน้าเธออย่างสงสัย
“ออกไปนั่งคุยกันได้ไหม...ส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอ ให้ผู้ใหญ่จัดการเถอะ”
“มีอะไร? ทำไมทำหน้าเหมือน...”
“กูอยากร้องไห้...กับมึง ได้ไหมไอ้พัต? ให้กูร้องไห้กับมึงได้ไหม?” เมโกะส่งสายตาขอร้อง...แววตานั้นสั่นเครือ จนคนที่ได้มองรับรู้ได้ว่าเธอกำลังต้องการที่พึ่งพิง
“มีสวนหย่อมอยู่ที่ชั้นสิบ” พัตเตอร์เอ่ยบอก ก่อนที่จะคว้ามือบางไปกุมไว้ แล้วพาเธอขึ้นไปที่สวนหย่อม
“กูดีใจนะที่มึงกลับมา” เมโกะเอ่ยขึ้น ขณะที่นั่งอยู่ข้างชายหนุ่ม
“มึงมีเรื่องอะไร?” ทว่าพัตเตอร์กลับทำเหมือนไม่ได้ยินคำดีใจจากเธอ
“...” เมโกะนิ่งไปเมื่อได้รับคำถามนั้น
“ไม่ต้องเล่า ถ้าไม่อยากเล่า”
“ไม่อยากเล่า แต่อยาก...ร้องไห้...” ในทันทีทันใดนั้น น้ำตาก็รินไหลออกมาจากดวงตาคู่สิ้นหวังและโศกเศร้า
“ฮึก! ฮือๆ” เมโกะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เพียงแค่พัตเตอร์จับเธอให้โน้มตัวลงมาซบลงที่อกของเขา
“ร้องออกมา...แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่มีอะไรแย่ไปตลอดหรอก” เขาเอ่ยคำปลอบโยน ลูบศีรษะหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ขมกรามแน่นเพราะทำได้เพียงเท่านั้น ทำได้เพียงเป็นที่ซบเวลาที่เธออยากจะร้องไห้...เขาเป็นได้เพียงเท่านั้น
ขณะที่เธอนั้น...กำลังจมดิ่งลงสู่สิ่งที่เธอไม่อาจหลีกหนีมันพ้น...สิ่งที่เรียกว่าความสูญเสีย...
สามชั่วโมงก่อน
Hyat Condominium
ร่างบางในชุดราตรีสั้นสีพีชเดินออกมาจากห้องนอนของเธอ เธอเตรียมตัวที่จะไปร่วมยินดีในงานแต่งงานของเพื่อนรักทั้งสอง แต่ระหว่างที่กำลังจะสวมรองเท้าแล้วออกจากคอนโดมิเนียมสุดหรูนั้น ใครบางคนก็เข้ามาขวางหน้าเธอไว้เสียก่อน
‘เมโกะ นี่แกจะไปไหน?’ ผู้เป็นแม่ นั้นเอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไหร่นัก
‘ไปงานแต่งนุ่มนิ่มกับสายฟ้าไง จำได้ว่าหนูบอกแม่ไปแล้ว’ เมโกะเลิกคิ้วมอง มาลา ผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงเธอมาด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่เข้าใจในคำถามนั้น
‘ไหนว่ามะรืนนี้? แล้วแม่...นัดคุณฮาร์ทเขาไว้ให้แกแล้ว จะเบี้ยวนัดเขาอีกครั้งหรือไง?! แกเบี้ยวไม่ยอมไปเจอคุณฮาร์ทมาสองครั้งแล้วนะ!’
‘แม่! หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าหนูไม่อยากไปดูตัวอะไรทั้งนั้น! ยังไงวันนี้หนูก็จะไปงานแต่งของเพื่อน แม่เลิกบังคับให้หนูทำตามทุกอย่างที่แม่ต้องการสักที!’
‘แม่เหรอบังคับแกเมโกะ? ที่แม่ทำ...’
‘ที่แม่ทำก็เพื่อให้เราได้สบาย อยู่ดีกินดี...แม่ทำเพื่อแก...ประโยคเดิมๆของแม่ หนูจำได้ขึ้นใจ แต่ไม่ใช่วันนี้แม่...มันต้องไม่ใช่วันที่เพื่อนรักของหนูแต่งงาน ถ้าแม่คิดจะเอาหนูไปขาย ก็ขอให้เป็นวันอื่นก็แล้วกัน วันนี้ต่อให้มีเงินสิบล้านมาวางตรงหน้าหนูก็ไม่ไป!’ เมโกะแทรกขึ้นมาในทันทีเมื่อมาลาคิดจะพูดประโยคที่เธอพูดกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆ
เพี๊ยะ!
และทันทีทันในที่เมโกะพูดออกไป มาลาก็ตบหน้าลูกสาวอย่างแรง ก่อนที่น้ำตาของผู้เป็นแม่จะไหลลงอาบสองแก้ม
‘แกคิดได้ยังไงว่าแม่จะเอาแกไปขาย?’
‘ก็เพราะหนูมันเป็นสินค้าของแม่ไง!’ เมโกะยกมือเล็กอันสั่นเทาขึ้นมากุมใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองแล้วหันมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาเสียใจ
‘ตั้งแต่เด็ก แม่เอาหนูไปขอค่าเลี้ยงดูจากพ่อ โตขึ้นมาหน่อย...ก็ยัดหนูเข้าวงการ บังคับให้หนูทำงานทุกอย่าง แม่ไม่เคยถามหนูเลยสักคำว่าหนูอยากจะเป็นดาราไหม สิบปีแล้วนะแม่...ที่หนูต้องถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ถ่ายละคร วิ่งอีเวนท์ ไม่มีวันหยุดเลยสักวัน หนูไม่เคยได้มีเวลาเหมือนเด็กคนอื่นๆ อย่าพูดเลยว่าที่แม่ทำมันเพื่อความสุขความสบายของเรา เพราะหนูไม่ได้รู้สึกด้วย! ทุกอย่าง...มันเพื่อเงิน แม่ทำเพื่อเงิน! และที่แม่ต้องการให้หนูไปเจอไอ้คุณฮาร์ทอะไรนั่น มันก็เพื่อเงินอีกนั่นแหละ! เพราะเขารวยไง...แม่กำลังจะเอาหนูไปขายให้คนรวย!’ เมโกะจ้องหน้าผู้เป็นแม่ไม่วางตา แม้ว่าเธอจะเสียใจมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ร้องไห้ออกมา เหนือความเสียใจนั้น มันยังมีความอัดอั้นที่รอวันระเบิดอยู่นั่นเอง
‘แกคิดได้แค่นั้นจริงๆใช่ไหม? แกคิดว่าแม่จะเอาแค่ไปขายจริงๆน่ะเหรอเมโกะ แสดงว่าที่ผ่านมา แกไม่เคยเห็นความรักของแม่เลยใช่ไหม?’ มาลาเอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
‘ถ้าแม่รักหนู...ก็หยุดเถอะนะ แม่ปล่อยให้หนูได้มีชีวิตของตัวเองสักทีเถอะนะ...’
‘เดี๋ยวแกก็ได้มีชีวิตที่แกต้องการแล้ว...แม่จะไม่อยู่ให้แกเป็นทุกข์อีกแล้วเมโกะ’
‘หมายความว่าไง? แม่จะไปไหน?!’
‘แม่รู้ว่าแกน่ะ...ไม่ได้อยากทำงานในวงการ แต่ตอนนั้นมันมีแค่ทางเลือกเดียว และแกเห็นไหมว่าเรามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะการที่แกได้เป็นดาราและดังขนาดนี้ แม่รู้ว่าในวันที่ไม่มีแม่...แกต้องเลิกทำงานแน่ แม่ถึงได้ต้องหาผู้ชายสักคนที่ดีพอ ที่จะเลี้ยงดูแกได้มาให้แกไง แล้วคุณฮาร์ทเขาก็ดีพอทุกอย่าง แม่เชื่อว่ายังไงแกก็จะสบายถ้าได้แต่งงานกับเขา...’
‘แม่! บอกหนูมาว่าแม่จะไปไหน?!’
‘แม่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร...ตรวจพบก็เข้าระยะที่สามแล้ว ต่อจากนี้...แกต้องวางแผนชีวิตตัวเองได้แล้วนะเมโกะ’
‘ฮึก! ไม่จริงอ่ะ...หนูไม่เชื่อ! แม่อย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ!’
‘แกคิดว่าเรื่องแบบนี้มันล้อเล่นได้หรือไง? ถ้าจะไปงานแต่งงานของนุ่มนิ่มก็ไปซะ แม่จะโทรเลื่อนนัดคุณฮาร์ทให้ แต่ยังไงแกก็ต้องหาเวลาไปเจอเขาสักวัน ถือว่าแม่ขอนะเมโกะ’ สิ้นคำขอนั้น มาลาก็ถอยหลังเดินหายเข้าไปในห้องครัวทันที
‘ฮึก!’ ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นราวคนไร้เรี่ยวแรง...เธอไม่รู้ ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าแม่เธอป่วย และไม่เคยตระหนักเลยว่าจะมีวันที่ต้องจากกัน แล้วเธอจะอยู่ต่อไปยังไง ถ้าหากว่าโลกใบนี้ไม่มีแม้ของเธออีกต่อไป เธอจะต้องโดดเดี่ยวอย่างนั้นหรือ?
Cr.เพลง เสน่หา - มนัส ปิติสานต์ (ผู้แต่ง)

