บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ระหว่างการเดินทางจากเมืองจ้าวโจวใช้เวลาถึงเจ็ดวัน กว่ารถม้าจะพาอวี้จิ่นมาถึงเมืองเฉียนโจวที่ดูจะคึกคักไม่น้อย มีผู้คนเดินสวนทางเข้าออกเมืองกันอย่างคับคั่ง ทั้งพ่อค้าแม่ค้าหรือนักเดินทางจากต่างแคว้น แต่ถึงบรรยากาศยามกลางวันดูผู้คนพลุกพล่าน ใช้ชีวิตกันอย่างปกติทั่วไปเหมือนเมืองอื่น ๆ หากเมื่อใดใกล้ถึงยามค่ำคืนในเมืองเฉียนโจวกลับเงียบสนิท และเป็นครั้งแรกที่อวี้จิ่นรู้สึกว่าที่เมืองเฉียนโจวมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น

“แม่นางน้อยพวกเรามาถึงเมืองเฉียนโจวแล้วขอรับ ข้าคงส่งท่านถึงแค่หน้าประตูเมืองเท่านั้นหวังว่าท่านจะไม่โกรธนะขอรับ” คนบังคับรถม้าที่มาส่งอวี้จิ่นไม่อยากค้างคืนที่นี่ เพราะข่าวลือเกี่ยวกับยามค่ำคืนที่น่ากลัว

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุงขอบคุณท่านมากที่มาส่งข้า ว่าแต่ทำไมท่านลุงไม่พักเหนื่อยที่เมืองเฉียนโจวเสียก่อนล่ะเจ้าคะ เดินทางมาตั้งไกลม้าเองก็น่าจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นสงสัยกับสายตาที่ดูหวาดกลัวบางอย่าง

“เอ่อ ไฮ้! หากข้าพูดให้แม่นางน้อยฟังแล้วท่านต้องมีสติให้มาก ที่ข้าไม่อยากพักที่เมืองเฉียนโจวเป็นเพราะว่ามีข่าวลือเกิดขึ้น ในยามกลางคืนมักจะมีผีสาวนางหนึ่งออกอาละวาด และสังหารบุรุษเพื่อดูดพลังดังนั้นคืนนี้ถ้าท่านรู้สึกถึงความเงียบสงัดก็อย่าได้แปลกใจไปล่ะ”

“ห๊ะ!! ผีสาวออกอาละวาดฆ่าบุรุษดูดพลังวิญญาณ เอ่อ ฟังแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้นะเจ้าคะท่านลุง แล้วทางการว่าอย่างไรบ้างมีการตรวจสอบไหมเจ้าคะ ว่าเป็นฝีมือผีหรือว่าฝีมือของคนที่อุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อทำการบางอย่างโดยใช้สถานการณ์นี้บังหน้าก็ได้นี่เจ้าคะ” อวี้จิ่นชอบดูหนังหรือซีรี่ย์แนวสืบสวนแบบมีกำลังภายในเหาะไปเหาะมามาก ๆ เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายดี

“แม่นางน้อยเจ้าอย่าพูดเสียงดังไปมิเช่นนั้นจะถูกเพ่งเล็งเอาได้ ข้าจะบอกให้ว่าเรื่องนี้แม้แต่ทางการหรือเจ้าเมืองยังไม่สนใจ ทำงานแค่สุกเอาเผากินไปวัน ๆ ยิ่งมีเรื่องน่ากลัวด้วยแล้ว ก็เอาแต่กลัวหัวหดนอนคลุมโปงอยู่ในจวนนั่นแหละ ชาวบ้านถึงไม่มีใครออกมาเดินในยามค่ำคืนอย่างไรเล่า หากท่านหาที่พักได้เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า อย่าออกมาข้างนอกเด็ดขาดข้าเตือนเพราะหวังดีกับท่านจริง ๆ ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้วข้าขอตัวเดินทางกลับก่อนล่ะนะแม่นางน้อย ขอให้เจ้าโชคดีเดินทางถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”

“ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ ขอให้ท่านลุงสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวเช่นกันนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องภูตผีวิญญาณอาละวาด แต่นางก็รับฟังเป็นความรู้เอาไว้เผื่อจะใช้ตีสนิทชาวบ้านได้

แต่คำพูดของอวี้จิ่นทำให้บุรุษที่อยู่ในชุดผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้า และนั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่ที่หยุดอยู่ไม่ไกลกับนาง เขาได้ยินทุกคำพูดของนางและมันเป็นสิ่งที่เขาเองก็คิดคล้าย ๆ กับนางเช่นกัน

“ตงลู่..”

“ขอรับนายน้อย”

“ตามนางไปรอดูจนแน่ใจว่านางมาคนเดียวหรือนัดพบใครหรือไม่ พักอยู่ที่ไหนแล้วกลับมารายงานข้าโดยเร็วที่สุด”

“รับทราบขอรับนายน้อย”

เมื่อตงลู่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็แยกตัวเดินตามอวี้จิ่นทันที และเจ้านายที่ออกคำสั่งนี้มิใช่ใครที่ไหนเขาคือ ‘ฟู่หลงเหยียน’ หัวหน้าสำนักตรวจสอบของฮ่องเต้ บุตรชายคนโตทายาทจวนไคกั๋วกงที่มีบิดาเป็นถึงเสนาบดีกรมการยุติธรรม มารดาเป็นบุตรสาวของนายท่านเซี่ยแห่งหนานเจียง เจ้าของท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นจ้าว ครั้งนี้ฟู่หลงเหยียนได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ รับสั่งให้เขาเดินทางมาหาสาเหตุของข่าวลือเรื่องผีสาวในเมืองเฉียนโจว

และที่สำคัญฟู่หลงเหยียนที่คิดว่าเรื่องนี้มีจุดน่าสงสัยอยู่แล้ว พอได้ยินสิ่งที่อวี้จิ่นพูดออกมายิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม แต่ที่แปลกไปกว่าทุกครั้งคือเขากลับรู้สึกใจสั่นอย่างแรง เมื่อเห็นใบหน้าพร้อมรอยยิ้มของสตรีร่างบางที่มีความคิดเหมือนกับเขาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ความรู้สึกนี้หายไปเกือบสิบปีตั้งแต่สตรีที่เขาพึงใจ ยอมแต่งงานเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับตระกูลของนาง ฟู่หลงเหยียนไม่อยากเชื่อว่ามันกำลังเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง และยังเป็นเด็กสาวหน้าตาธรรมดาแต่มีอำนาจต่อหัวใจของเขา หากต้องการความแน่ใจเขาต้องพิสูจน์มันอีกครั้งเท่านั้น

ด้านอวี้จิ่นที่ไม่รู้ตัวว่ายามนี้มีคนกำลังติดตามตนเอง ก็เดินมาหาห้องพักที่โรงเตี๊ยมระดับกลางที่ราคาไม่แพงนัก ห้องพักส่วนตัวของอวี้จิ่นอยู่บนชั้นสองห้องริมสุดทางเดิน ตงลู่ที่ติดตามมาจึงเฝ้าสังเกตอยู่เงียบ ๆ รอดูว่าจะมีใครมาพบกับอวี้จิ่นหรือไม่ แต่ระหว่างที่เฝ้าดูตงลู่ได้ยินเสียงพึมพำพูดกับตนเองของสตรีในห้องอย่างชัดเจน

“เฮ้อ เหนื่อยใช่ย่อยเลยถึงจะนั่งรถม้าก็เมื่อยเอาเรื่องนะเนี่ย ถ้ามีรถม้าหรือขี่ม้าเองน่าจะถึงเมืองหลวงภายในสองเดือนก็ได้นะ แต่ไปถึงเร็วก็ยิ่งดีไม่ใช่หรือไรจะได้ตามหาครอบครัว จากนั้นก็จัดการสองผัวเมียชั่วช้านั่นให้ได้รับโทษอย่างสาสม ถ้าพวกเขายินดีต้อนรับก็ดีหากไม่ยอมรับก็ดีอีกเช่นกัน ถึงจะมีเจ้าหยกชิ้นนี้ช่วยยืนยันตัวตนแต่ใช่ว่าคนที่เห็นจะเชื่อในทันที ไม่น่าจะเป็นไปได้ช่างเถิดถึงเวลาก็รู้เองว่าจะเป็นอย่างไร

อืม แต่เรื่องผีสาวในข่าวลือที่ว่านี่มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไงนะ มีคนถูกฆ่าตายแต่เจ้าเมืองกลับเพิกเฉยไม่สืบหาความจริง แล้วยังจะทำตัวขี้ขลาดตาขาวหลบอยู่แต่ในจวนเช่นนั้นอีก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องนี้จะไม่มีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้นอนพักเอาแรงสักหน่อยน่าจะดีกลางดึกจะได้พิสูจน์ความจริงกันว่าเป็นฝีมือผีหรือคน ฮ่า ๆ ๆ” พอคิดได้ดังนั้นอวี้จิ่นเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะนอนพักผ่อนและหลับไปอย่างรวดเร็ว

ตงลู่จดจำสิ่งที่อวี้จิ่นพูดไว้ทุกคำเขาเฝ้าดูจนแน่ใจแล้วว่า คนที่เจ้านายให้ติดตามมามิได้นัดพบผู้ใดและนางก็เดินทางตัวคนเดียวเท่านั้น

‘นางจะไปเมืองหลวงตัวคนเดียวเชียวรึแล้วยังจะไปพิสูจน์เรื่องผีสาวกลางดึกอีก ใจกล้าไม่เบาหากนายน้อยรู้ว่านางจะออกไปข้างนอกยามดึก จะยังให้ข้าติดตามนางไปอีกครั้งหรือไม่นะ’

แน่นอนว่าฟู่หลงเหยียนเข้าพักที่โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมือง เนื่องจากมีความเป็นส่วนตัวสูงแขกของที่นี่ล้วนมีฐานะร่ำรวยทั้งสิ้น อู๋จิ้งที่สังเกตเห็นอาการผิดปกติของเจ้านายจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“นายน้อยตอนนี้ไม่ทราบว่าท่านยังรู้สึกใจเต้นแรงอยู่หรือไม่ขอรับ หากยังไม่หายบ่าวจะได้ไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการให้ขอรับ”

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าอย่าได้กังวลจนเกินไปนัก ยามนี้ควรมุ่งไปที่ข่าวลือของเมืองเฉียนโจวมากกว่าสิ่งใด” ฟู่หลงเหยียนบอกปัดและพูดถึงเรื่องงานแทน

“อ่อ แล้วที่นายน้อยให้ตงลู่ติดตามคุณหนูคนนั้นไปเพราะเหตุใดหรือขอรับ บ่าวดูท่าทางของนางไม่น่าจะเป็นพวกมีแผนการร้ายอันใด”

“เพราะนางมีความคิดคล้าย ๆ กับข้าเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือนั่น บางทีที่นี่มิได้มีภูตผีตั้งแต่แรกแต่เป็นฝีมือของคนร้าย ที่ต้องการใช้เรื่องนี้บังหน้าและทำเรื่องผิดกฎหมายลับหลังมากกว่า” ฟู่หลงเหยียนไม่เชื่อว่าจะมีภูตผีอยู่จริง

“บ่าวเข้าใจแล้วขอรับ” อู๋จิ้งเพิ่งจะนึกออกว่าคำพูดของอวี้จิ่น ที่พวกเขาได้ยินทำให้ทุกคนมั่นใจเกี่ยวกับข่าวลือมากขึ้นไปอีก ว่าเป็นน้ำมือของคนที่ต้องการอำพรางบางสิ่งไว้เบื้องหลัง

“หากเบื้องหลังเรื่องนี้เกี่ยวกับการลักลอบค้าเกลือเถื่อน ที่สายของเรารายงานมาแต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าผู้บงการตัวจริงคือผู้ใดเพราะพวกลูกน้องที่จับตัวได้ไม่ยอมรับสารภาพ ครั้งนี้นายน้อยอาจต้องใช้เวลาสืบหาที่ซ่อนของหลักฐานนานกว่างานอื่นนะขอรับ” เฉินอิ่นเห็นด้วยกับเจ้านายว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึกไม่ธรรมดา

“อืม ที่น่าสงสัยในตอนนี้คงไม่พ้นเจ้าเมืองที่ไม่ทำการทำงาน นั่งกินนอนกินเงินเบี้ยหวัดไปวัน ๆ ดูท่าแล้วคงรับสินบนใต้โต๊ะบ่อยจนเคยตัวกระมัง” งานของเขาที่เมืองเฉียนโจวคงได้กำจัดขุนนางกังฉินหลายคนพร้อมกันเป็นแน่

ขณะที่ฟู่หลงเหยียนกำลังพูดคุยเรื่องข่าวลืออยู่นั้น ตงลู่ก็กลับมาเพื่อรายงานเรื่องเกี่ยวกับอวี้จิ่นให้เจ้านายได้ทราบ

“ก๊อก ๆ ๆ นายน้อยยบ่าวตงลู่ขอรับ”

“เข้ามาเถิด”

“แอ๊ดดด ปึก”

“ได้อะไรกลับมาบ้างเล่าออกมาให้หมด”

“เรียนนายน้อยคุณหนูผู้นั้นมิได้นัดพบกับใครที่นี่ นางแค่แวะพักเพื่อจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปตามหาครอบครัวขอรับ บ่าวได้ยินนางพูดอีกว่าถึงมีหลักฐานใช้ยืนยันตัวตนของนางได้ แต่ถ้าครอบครัวไม่ยอมรับว่านางเป็นบุตรสาวก็จะไม่ร้องขอความเห็นใจแต่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วแคว้นจ้าวแทนขอรับ” ตงลู่รายงานสิ่งที่ได้ยินให้เจ้านายฟัง

“หืม ตามหาครอบครัวที่เมืองหลวงด้วยตัวคนเดียวน่ะหรือ นางมีหลักฐานอันใดในมือที่สามารถใช้ยืนยันการบุตรสาวของครอบครัวได้งั้นรึต่งลู่” ฟู่หลงเหยียนยิ่งแปลกใจที่รู้ว่าสตรีที่เพิ่งเจอจะเดินทางคนเดียวเพราะอะไร

“เรียนนายน้อยนางมีกุญแจหยกอายุยืนเป็นหลักฐาน และบ่าวคิดว่าสิ่งนี้น่าจะใช้ในหมู่บุตรหลานขุนนางชั้นสูงขอรับ” ตงลู่เคยเห็นพิธีการรับขวัญบุตรหลานของตระกูลขุนนางมาหลายครั้ง

“กุญแจหยกอายุยืนงั้นหรือในเมืองหลวงมีไม่กี่ตระกูล ที่มักจะใช้หยกแทนทองคำมอบให้บุตรหลานที่เพิ่งเกิด เฉินอิ่นส่งจดหมายบอกจิ้งโม่ไปสืบเรื่องนี้มาให้ข้าว่ามีตระกูลใดบ้างมอบกุญแจหยกอายุยืนกับคนในตระกูล ที่สำคัญมีตระกูลไหนบุตรหลานหายตัวไปบ้างสืบมาอย่างละเอียดอย่าได้ตกหล่นแม้แต่เรื่องเดียว” ฟู่หลงเหยียนอยากรู้ว่าสตรีที่ทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงอีกครั้ง จะเป็นบุตรหลานของตระกูลขุนนางกังฉินหรือไม่

“ขอรับนายน้อย”

“เอ่อ นายน้อยบ่าวได้ยินนางพูดก่อนจะนอนหลับอีกเรื่องหนึ่ง นางพูดว่าคืนนี้จะออกไปดูหน้าผีสาวตนนั้นเสียหน่อย ว่าคือผีจริง ๆ หรือคือคนแต่งเป็นผีเพื่อสร้างข่าวลือด้วยขอรับ” ตงลู่นึกถึงคำพูดนี้ของอวี้จิ่นก็นับถือในความใจกล้าของนาง

“โอ้ ช่างเป็นสตรีใจกล้าเสียด้วย” อู๋จิ้งแปลกใจที่มีคนไม่กลัวตาย

“หึ ตัวรึก็เล็กแค่นั้นแต่ใจกล้ายิ่งกว่าบุรุษใจเสาะอย่างเจ้าเมืองเสียอีก ในเมื่อนางจะออกไปพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตนเอง พวกเจ้าสามคนเตรียมตัวไว้ข้าจะตามนางไปพิสูจน์ความจริงเช่นกัน แยกย้ายกลับไปพักผ่อนได้แล้วยามห้ายค่อยพบกันด้านหน้าโรงเตี๊ยม” ฟู่หลงเหยียนนึกเป็นห่วงสตรีแปลกหน้า แต่เขาเองก็อยากรู้ความจริงเหมือนกันกับนาง

“ขอรับนายน้อย!”

ผู้ติดตามคนสนิททั้งสามออกจากห้องพักของฟู่หลงเหยียนไป พร้อมกับความสงสัยที่พวกเขาเห็นสายตาที่อ่านไม่ออกของเจ้านาย ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้กันแน่ ไหนจะอยากรู้เรื่องของสตรีแปลกหน้าที่เพิ่งจะได้พบเพียงครั้งเดียวนั่นอีก

“หรือว่า!” เฉินอิ่นพูดออกมาก่อนอย่างตกใจ

“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า!” ตงลู่รู้ทันทีว่าสหายคิดอะไรอยู่

“ใช่! ว่าแต่พวกเจ้าสองคนคิดเรื่องอะไรกัน?” อู๋จิ้งทำทีตามน้ำไปกับสหายแต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งที่ทั้งสองคนคิดคือเรื่องอะไร
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel