บทที่ 4
อวี้จิ่นนั่งอยู่ในมุมหนึ่งเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ยังดีที่ก่อนจะออกเดินทางนางได้แต่งกายคล้ายบุรุษ และเสื้อผ้าค่อนข้างเก่าจึงไม่มีใครสนใจนางเท่าใดนัก จนกระทั่งคนอื่น ๆ นอนพักเอาแรงกันหมดแล้ว อวี้จิ่นถึงได้แอบเข้าไปในมิติตลาดสดเพื่อหาของกินให้อิ่มท้อง
ภายในมิติแห่งนี้กว้างใหญ่สมกับเป็นตลาดครอบจักรวาล ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ผัก ผลไม้ ร้านขายยาหน้าตาแปลก ๆ ที่บอกว่าเป็นยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค แต่อวี้จิ่นเดินไปหาร้านซาลาเปาแทนและร้านติดกันก็เป็นร้านหมูปิ้งที่กลิ่นหอมของมันชวนให้ท้องร้องหนักมาก อวี้จิ่นใช้เวลาเติมพลังอยู่ในมิติเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นจึงกลับออกมานอนที่เดิม
ยามเหม่าของวันต่อมาอวี้จิ่นตื่นทีหลังชาวบ้านคนอื่นเล็กน้อย ก่อนจะล้างหน้าบ้วนปากเตรียมตัวไปต่อแถวเข้าเมืองจ้าวโจว หากไปสายต้องยืนต่อแถวยาวเหยียดตากแดดร้อน ๆ กันพอดี
เมื่อผ่านการตรวจป้ายประจำตัวเข้าเมืองมาได้อวี้จิ่นไม่รอช้า รีบหาลู่ทางสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรสาวของจวนเจ้าเมืองทันที แต่รายละเอียดของเรื่องราวมิได้มีใจความสำคัญเท่าใดนัก เพราะฉะนั้นอวี้จิ่นจึงตัดสินใจที่จะไปพบท่านเจ้าเมืองที่ศาลาว่าการแทน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านหน้าไม่ยอมให้นางได้พบท่านเจ้าเมือง
“พี่ชายเจ้าคะไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองยังต้องการคนช่วยตามหาบุตรสาวอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“หืม เจ้าถามไปทำไมเป็นสตรีจะช่วยเรื่องตามหาคนได้อย่างไร เจ้าเข้าเมืองมาหางานทำก็ไปหาที่อื่นอย่าได้มาสร้างความวุ่นวายที่นี่”
“พี่ชายข้าสามารถช่วยตามหาคุณหนูว่านได้จริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านช่วยพาข้าไปพบท่านเจ้าเมืองด้วยเถิด หากปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อย ๆ เช่นนี้อาจจะไม่ทันการณ์ได้นะเจ้าคะ” อวี้จิ่นยังคงยืนกรานจะขอเข้าพบท่านเจ้าเมือง
“เอ๊ะ! เจ้าฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรืออย่างไรอย่าได้วุ่นวายอีก รีบไปเสียเพราะเรื่องคนที่จะช่วยตามหาคุณหนูว่าน พวกเรารับเฉพาะบุรุษเท่านั้นไม่รับสตรีมาเป็นภาระหรอกนะ”
“ทำไมพวกท่านถึงดะ”
ขณะที่อวี้จิ่นถกเถียงกับเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้าประตู ก็มีเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อนทุกคนจึงหันไปทางต้นเสียง พอได้เห็นท่าทางของเจ้าหน้าที่อวี้จิ่นจึงเดาได้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือท่านเจ้าเมืองอย่างแน่นอน
“มีเรื่องอะไรกันถึงได้เสียงดังไปถึงด้านในใครพอจะอธิบายให้ข้าฟังได้บ้างไหม” ว่านเหิงหลวนได้รับรายงานจากคนสนิท ว่ามีเด็กคนหนึ่งยืนถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าประตู เพราะต้องการพบตนเองเกี่ยวกับเรื่องของบุตรสาว
“เรียนใต้เท้าเด็กสาวคนนี้บอกว่าต้องการพบท่าน เนื่องจากนางสามารถช่วยตามหาคุณหนูได้ขอรับ ข้าได้บอกไปแล้วว่าจะรับเฉพาะบุรุษเท่านั้นไม่รับสตรี แต่นางก็ไม่ยอมยืนกรานที่จะพบใต้เท้าให้ได้ขอรับ”
“หืม เจ้าบอกว่าสามารถช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้เช่นนั้นรึ ทุกคนออกตามหาอยู่หลายวันยังไร้วี่แววว่าจะพบตัว แล้วเจ้ามีวิธีใดที่จะช่วยตามหาตัวนางให้พบได้เล่า” ใต้เท้าว่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งมิได้โมโหแต่อย่างใด
“แน่นอนว่าข้าย่อมมีวิธีที่ใครก็ไม่อาจทำได้ ขอเพียงท่านเจ้าเมืองอนุญาตให้ข้าได้พบฮูหยินและสาวใช้คนสนิทของคุณหนูว่าน รับรองว่าวันนี้ท่านเจ้าเมืองจะได้ตัวคุณหนูว่านกลับมาอย่างปลอดภัย แต่หากท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องไร้สาระของเด็กสาวคนหนึ่ง ท่านกับฮูหยินจะไม่ได้พบกับบุตรสาวคนนี้อีกตลอดกาล” อวี้จิ่นไม่ได้พูดล้อเล่นกับเจ้าเมืองว่านเพราะความรู้สึกของนางบอกเช่นนั้นจริง ๆ
“ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าดูสักครั้งตามข้าไปพบฮูหยินที่จวนเถิด หากเจ้าช่วยตามหาบุตรสาวของข้าได้จริงเงินรางวัลห้าสิบตำลึงทองจะเป็นของเจ้า แต่หากกลับกันเจ้าคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรหากทำไม่ได้อย่างที่พูดเอาไว้”
“เจ้าค่ะเรื่องนั้นข้าย่อมรู้และเข้าใจดี”
“อืม”
อวี้จิ่นตามเจ้าเมืองว่านไปยังจวนหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับตำแหน่งเจ้าเมืองจ้าวโจวแห่งนี้ เจ้าเมืองว่านให้พ่อบ้านไปเชิญฮูหยินเอกของตน และสาวใช้ของบุตรสาวอีกสองคนมายังห้องรับแขกของจวน
“ท่านพี่ให้พ่อบ้านไปตามข้ากับสาวใช้ของชิงเอ๋อร์มาที่นี่ หรือว่ามีเรื่องเกี่ยวกับลูกของเราแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” หั่วฮูหยินเป็นห่วงบุตรสาวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน เอ่ยถามกับสามีเมื่อได้ยินจากพ่อบ้านว่าสามีต้องการพบนาง
“น้องหญิงใจเย็น ๆ นั่งลงก่อนเถิดนะที่พี่ให้คนไปตามเจ้ามาพบ เนื่องจากเด็กสาวคนนี้นางบอกว่าสามารถช่วยตามหาชิงเอ๋อร์ได้”
“คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ” อวี้จิ่นทำความเคารพอย่างที่เคยดูในซีรี่ย์จีนโบราณเรื่องโปรด
“เจ้าพูดจริงหรือไม่เรื่องการตามหาชิงเอ๋อร์ของข้าน่ะ เจ้าไม่ได้โกหกให้ข้ากับสามีดีใจเก้อใช่ไหม” หั่วฮูหยินได้ยินสามีพูดถึงอวี้จิ่นเช่นนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“เรียนฮูหยินข้าไม่คิดสร้างเรื่องโกหกให้ตนเองต้องเดือดร้อนทีหลังแน่เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคนไหนคือสาวใช้ของคุณหนูว่านหรือเจ้าคะ”
“อ้อ เป็นนางสองคนอาฟานกับอาส่างที่คอยดูแลชิงเอ๋อร์ของข้าน่ะ” หั่วฮูหยินหันไปชี้ตัวสาวใช้ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้างกับอวี้จิ่น
“ข้าอาฟาน”
“ข้าอาส่าง”
‘อ้าว ทำไมต้องเสียงแข็งกับข้าล่ะท่าทางจะมีพิรุธนะสาวใช้ที่ชื่ออาส่างนี่ หึ อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้าวไม่ออกแน่’
“สวัสดีพี่สาวทั้งสองเจ้าค่ะพี่อาฟานข้ารบกวนท่านยื่นมือออกมาให้ข้าสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”
“ได้สิ”
“หมับ! วูบ!”
อวี้จิ่นยื่นมือไปจับมือของอาฟานไว้และภาพต่าง ๆ ในวันเกิดเหตุก็ฉายชัดอยู่ในห้วงความคิดของตนทันที เห็นได้ชัดว่าอาฟานซื่อสัตย์รักและเป็นห่วงเจ้านายอย่างแท้จริง นางปกป้องว่านอี้ชิงจนถูกคนทำร้ายจากด้านหลังเป็นเหตุให้หมดสติ เปิดโอกาสให้คนร้ายได้ตัวของว่านอี้ชิงไป
“อืม ต่อไปก็ตาท่านแล้วเจ้าค่ะพี่อาส่าง”
“ฮึ เจ้าเช็ดมือเสียหน่อยเถิดข้าเห็นแล้วขยะแขยง”
“อาส่างอย่าเสียมารยาทนางแค่จับมือประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น” เจ้าเมืองว่านหันไปอบรมสาวใช้ของบุตรสาว
“เจ้าค่ะนายท่าน”
“หึ ขอบคุณพี่สาวท่านวางใจเถิดมือข้าสะอาดกว่าท่านเยอะ”
และแล้วเหตุการณ์ที่เห็นผ่านการสัมผัสมือของอาส่าง ทำให้อวี้จิ่นค่อย ๆ เม้มปากพยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อระงับความโกรธอันเกิดจากภาพที่เห็น ช่างเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยากจริง ๆ สำหรับเรื่องความริษยาของสตรี แต่ที่ทำให้อวี้จิ่นรับไม่ได้และตัดสินใจหักข้อมือของอาส่าง คือการที่สาวใช้คนนี้ใช้แจกันใบใหญ่ทุบไปที่ศีรษะของอาฟานอย่างแรง เพื่อทำให้แผนการของเจ้านายตัวจริงสำเร็จ
“พรึ่บ! กร๊อบบบ!! กรี๊ดดดด!!”
“โอ๊ย เจ้าทำร้ายข้าทำไมปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าทำข้อมือข้าเจ็บไปหมดแล้ว”
“จะ จะ เจ้าทำเช่นนั้นกับอาส่างทำไมหรือแม่นางเหตุใดไม่พูดจากันดี ๆ เล่า” หั่วฮูหยินตกใจรีบลุกขึ้นไปหาสามีทันทีที่อาส่างกรีดร้องด้วยความเจ็บ
“เรียนท่านเจ้าเมืองให้คนของท่านนำเชือกมามัดนางไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ เพราะท่านยังต้องทำการลงโทษสาวใช้คนนี้พร้อมกับผู้ร้ายที่เหลือ”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”
“นายท่านนางใส่ร้ายบ่าวเจ้าค่ะบ่าวไม่รู้ว่านางพูดถึงเรื่องอันใด นายท่านอย่าได้เชื่อคำพูดไร้สาระของนางนะเจ้าคะ” อาส่างเริ่มกังวลว่าอวี้จิ่นจะมีเบาะแสเกี่ยวกับว่านอี้ชิงจึงพยายามพูดให้ตนเองน่าสงสาร
“หุบปาก!! ข้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อนางไม่จำเป็นให้เจ้ามาสอน ถ้ายังไม่เงียบปากของเจ้าข้าจะให้คนตบปากเจ้าทันที”
“มีคนต้องการให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับว่าที่บุตรเขยของท่าน จึงได้วางแผนลักพาตัวคุณหนูว่านเพื่อทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ความอิจฉาริษยาของสตรีเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากนะเจ้าคะท่านเจ้าเมือง” อวี้จิ่นพูดชี้นำเพราะนางคิดว่าเพียงเท่านี้เจ้าเมืองว่าน น่าจะพอคาดเดาผู้อยู่เบื้องหลังได้แล้วว่าเป็นใคร
“ปัง!! บัดซบ!! นางกล้าดีอย่างไรถึงวางแผนทำร้ายชิงเอ๋อร์ได้ถึงเพียงนี้ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานางวางแผนสกปรก อยู่ภายใต้ใบหน้าที่อ่อนหวานนั่นมาเสมอสินะ” เจ้าเมืองว่านรู้ได้ในทันทีว่าคนที่อวี้จิ่นพูดถึงคือใคร
“ยามนี้ท่านเจ้าเมืองควรไปช่วยคุณหนูว่านออกมาจากที่นั่นเสียก่อน เพราะคณหนูว่านไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว มีเพียงน้ำเปล่าที่ช่วยต่อเวลาชีวิตให้นางเพียงเท่านั้น และนางอยู่ในห้องลับของเรือนคนที่ท่านเจ้าเมืองได้คาดเดาเอาไว้นั่นแหละเจ้าค่ะ เรื่องอื่นค่อยจัดการทีหลังเมื่อคุณหนูว่านปลอดภัยเถิดเจ้าค่ะ” การมีภรรยาหลายคนมักจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้แต่บุรุษยุคโบราณคิดแค่เรื่องการขยายตระกูลมากกว่า
“เช่นนั้นรบกวนเจ้าอยู่กับฮูหยินที่นี่ก่อน ข้าจะพาคนไปจัดการเรื่องนี้แล้วเราค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง”
“เจ้าค่ะข้าน้อยรอได้เชิญท่านเจ้าเมืองเถิด”
“อาจู้ร์นำกำลังคนไปล้อมเรือนฮูหยินรองไว้ทุกด้าน ส่วนพ่อบ้านพาคนไปตรวจสอบบ่าวไพร่ในจวนทุกคน ใครที่มีพิรุธจับตัวเอาไว้แล้วพามาพบข้าทีหลัง”
“ขอรับนายท่าน/ขอรับนายท่าน”
ในที่สุดการตามหาบุตรสาวก็ได้สิ้นสุดลงเสียที เมื่อเจ้าเมืองว่านนำคนไปค้นจนพบห้องลับในเรือนของฮูหยินรอง ที่บุตรสาวอีกคนของตนกำลังทรมานว่านอี้ชิงอยู่ เมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขาฮูหยินรองไม่อาจปฏิเสธได้ นางอ้างถึงความรักและสงสารบุตรสาวจึงได้ทำเรื่องชั่วช้าลงไป นางพยายามร้องขอความเห็นใจจากสามีแต่นางคงคาดไม่ถึงว่าบุรุษ
อย่างเจ้าเมืองว่านจะเด็ดขาดกับการทำผิดเช่นนี้
“นำตัวฮูหยินรองกับบุตรสาวของนางรวมถึงสาวใช้และบ่าวไพร่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไปรับโทษโบยยี่สิบไม้จากนั้นเนรเทศไปเป็นทาสในเหมืองของแคว้น เอาตัวไปลงทัณฑ์!” เพราะฮูหยินรองคนนี้ได้มาจากความไม่เต็มใจ เจ้าเมืองว่านจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินโทษร้ายแรงให้พวกนาง
“นายท่าน!!/ท่านพ่อ!!”
“นายท่านโปรดเมตตาด้วย!”
“ท่านพ่อ! ข้าเป็นลูกของท่านเช่นกันนะ ท่านพ่อ! ฮือ ๆ ๆ”
เจ้าเมืองว่านไม่เห็นแก่สัมพันธ์ส่วนตัวในเมื่อกระทำความผิด ย่อมได้รับโทษตามกฎหมายหากเขาเห็นแก่ตัว จะมีชาวบ้านเคารพนับถือว่าเป็นเจ้าเมืองที่มีความยุติธรรมได้อย่างไร
เมื่อจบเรื่องอวี้จิ่นได้เงินรางวัลห้าสิบตำลึงทองมาอยู่ในมือ จึงเตรียมหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ผลัดเปลี่ยนยามเดินทาง อวี้จิ่นกลับมาใส่ชุดสตรีเนื้อผ้าธรรมดาทั่วไปที่ดูไม่โดดเด่น ถึงอย่างไรร่างนี้เพิ่งจะพ้นวัยปักปิ่นเท่านั้นใบหน้าที่ไร้การแต่งแต้มจึงไม่น่าดึงดูด และมันเป็นการดีซึ่งช่วยให้ไม่มีบุรุษใดมองอวี้จิ่นอย่างเสน่หาถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองถัดไปด้วยรถม้าที่เจ้าเมืองว่านหามาให้ อวี้จิ่นไม่ลืมเตือนให้เจ้าเมืองว่านยึดมั่นปณิธานการเป็นขุนนางตงฉินต่อไป เพราะนางได้บอกกับเจ้าเมืองว่านกลาย ๆ ว่าในอนาคตเขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง และเจ้าเมืองว่านก็เชื่อว่าที่อวี้จิ่นพูดมาย่อมเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นในเรื่องของบุตรสาวมาแล้วนั่นเอง