บทย่อ
‘หยก’ เด็กสาวกำพร้าพ่อแม่แต่มีความสามารถพิเศษในการดูดวง ความแม่นยำในการทำนายเป็นที่เลื่องลือจนทำให้ผู้คนมากมายมาหาเธอเพื่อขอคำปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก การงาน หรือชะตาชีวิต วันหนึ่ง หยกได้พบกับลูกค้าคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลมาก เขามาหาเธอด้วยความเครียดและต้องการรู้ชะตาชีวิตของตัวเอง และหยกได้ทำการดูดวงชะตาให้เขาและพบว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวง ต้องทำตามคำแนะนำของเธอถึงจะผ่านไปได้ แต่เมื่อเธอบอกคำทำนายนี้เขากลับไม่พอใจและคิดว่าเธอเป็นเพียงนักต้มตุ๋น “คุณต้องทำตามที่ฉันแนะนำแล้วชีวิตของคุณจะดีกว่าเดิม” “หึ ห้ามออกจากบ้านเป็นเวลาเจ็ดวันงั้นเหรอวิธีการหลอกเด็กชัด ๆ แกมันก็แค่หมอดูเก๊ คิดว่าจะหลอกเอาเงินจากคนอย่างฉันได้เหรอนังเด็กเมื่อวานซืน หมิง! เก็บกวาดซะอย่าให้ใครรู้ว่าฉันมาที่นี่” “ครับเจ้านาย” “เฮ้อ ได้เวลาเป็นอิสระแล้วสินะหยก” “มีอะไรจะสั่งเสียมั้ยสาวน้อย” “หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงขอชาติหน้าช่วยให้ฉันมีพ่อแม่ที่รัก ฐานะร่ำรวยนั่งกินนอนกินไม่ต้องลำบากเหมือนชาตินี้ทีเถิด สาธุ” “ปุ! ตุบ!” “โอ๊ยยยย!! ฉันไม่ได้ขอชีวิตแบบเดิมนะ อ๊ากกกกกก!!!”
บที่ 1
ณ บ้านเช่าราคาถูกเก่า ๆ ในมุมหนึ่งของเมืองใหญ่ มีหญิงสาววัยยี่สิบปีเธอมีชื่อว่า ‘หยก’ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอถูกเลี้ยงดูจากบ้านเด็กกำพร้า ไม่เคยรู้ที่มาที่ไปว่าเธอเองมาจากไหนพ่อแม่เป็นใคร และเธอไม่สนใจที่จะตามหาอดีตให้เจ็บปวดหากพบเจอความจริงอันโหดร้าย จึงเลือกใช้ชีวิตด้วยการทำงาน หาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย
หยก พยายามใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากในวันที่เธออายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์มีบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องดีและร้ายในคราวเดียวกัน เมื่อลืมตาตื่นหลังผ่านวันเกิดอายุครบสิบแปดปี หยกสามารถมองเห็นชะตาชีวิตของคนที่บังเอิญมาสัมผัสโดนตัวของเธอ หยกสติแตกไปหลายวันกว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ เธอตัดสินใจเล่าให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างไพลินฟัง และเพื่อนสนิทคนนี้นี่เอง ที่สนับสนุนให้หยกใช้ความสามารถนี้เพื่อหาเงินจากพวกคนรวยที่เชื่อเรื่องทำนายดวงชะตา
“ลินฉันเล่าให้แกฟังแค่คนเดียวแล้ว อย่าเอาไปเล่าให้ใครฟังล่ะ ฉันไว้ใจที่แกเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน หวังว่าจะไว้ใจแกได้ในเรื่องนี้นะลิน ฉันไม่อยากถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนบ้า” เพราะคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นมีอยู่มาก บางคนคิดว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ มองคนที่ชอบการทำนายดวงชะตาเป็นคนโง่
“เอาน่าไอ้หยกแกจะคิดมากไปทำไมวะเพื่อน ในเมื่อแกเองสามารถทำนายดวงชะตา จากการสัมผัสเพียงผิวเผินได้ ก็ใช้มันหาเงินไม่ดีกว่าเหรอ ยิ่งพวกคนรวยที่ชอบดูดวงน่ะ คนพวกนี้จ่ายหนักมากเลยนะยิ่งแกทำนายได้แม่นรับรองดูแค่เดือนละสองสามคนก็รวยแล้ว”
“มันจะดีเหรอวะ เกิดทำนายไปแล้วมันไม่แม่นล่ะแก ฉันไม่โดนพวกมันพาคนมารุมกระทืบจนตายเลยเหรอ” หยกกลัวจะถูกทำร้ายมากกว่าหากมันไม่เป็นอย่างที่ทำนายไว้
“แต่แกเคยทักแม่ฉันไว้ และมันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เหรอเพื่อน เอางี้แกลองทำนายชะตาให้แม่ของไอ้เชนห้องหนึ่งเป็นไง ฉันแอบรู้มาว่าแม่ไอ้เชนทำธุรกิจฐานะร่ำรวยใช้ได้ แล้วอีกอย่างแม่ไอ้เชนก็ชอบไปมูเตลูมากซะด้วยนะเว้ย ไอ้หยกแกลองคิดดูให้ดี ๆ เพื่อน แกไม่ยอมเรียนต่อเงินเดือนก็ได้ไม่ถึงหมื่นไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่ากินค่าอยู่อีกสารพัด” ไพลินก็ใช่ว่าจะมีฐานะร่ำรวยอะไร เธอก็แค่ลูกแม่ค้าขายข้าวแกงทั่วไป
“ก็ได้พรุ่งนี้เป็นวันหยุดแกพาแม่ไอ้เชนไปที่บ้านฉันก็แล้วกัน ส่วนเรื่องค่าบริการไว้เก็บหลังจากผ่านพ้นคำนายเถอะ ลูกค้าจะได้ไม่คิดว่าพวกเราโกหกหลอกลวงเอาเงินเท่านั้น”
“โอเค ไว้ฉันจะดักรอลูกค้าคนแรกของเราตอนฉันเลิกเรียนให้ พรุ่งนี้แกก็เตรียมสถานที่ให้มันดูน่าเชื่อถือหน่อยล่ะ เผื่อว่าเราจะได้ลูกค้าเพิ่ม จะทำให้ขายหน้าแม่หมอสุดแม่นไม่ได้นะเว้ย ฮ่า ๆ ๆ”
“เออ ๆ ๆ รู้แล้วน่าบ้านเช่าก็หลังแค่นั้นจะจัดให้ดูดีแค่ไหนกันเชียวไอ้ลิน ถ้างานนี้สำเร็จพวกเราจะแบ่งเงินกันยังไงดีวะ” หยกไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนถ้าจะเธอจะรับส่วนแบ่งมากกว่า
“อย่าคิดมากเลยแกคนที่มีพลังวิเศษคือตัวแกไม่ใช่ฉัน เอาเป็นว่าจบงานฉันสามสิบแกเจ็ดสิบตกลงป่ะ” เธอก็แค่หาลูกค้าให้เพื่อนเท่านั้น
“เอาตามนี้ก็แล้วกันกลับเข้าห้องเรียนเถอะ จะหมดเวลาพักแล้ว อย่าลืมรูดซิปปากให้สนิทนะไอ้ลิน นี่เป็นความลับสุดยอด ที่พวกเรารู้กันแค่สองคนเท่านั้นถ้าแกยังไม่อยากถูกล้อว่าเป็นบ้าน่ะ” หยกไม่ลืมกำชับกับเพื่อนสาวให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับอีกครั้ง
“รู้แล้ว ๆ ๆ แกพูดรอบที่ร้อยแล้วนะไอ้หยก ไป ๆ เข้าห้องเรียนกันได้แล้ว” ไพลินรับปากเพื่อนก็ชักชวนกันกลับห้องเรียน
หลังเลิกเรียนไพลินดักรอแม่ของเชน เด็กเรียนสมัยมัธยมที่หน้าบริษัท และใส่สีตีไข่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการทำนายดวงชะตา จนคนที่ได้ฟังอยากจะพบแม่หมอเสียวันนี้ แต่ก็ต้องอดทนทั้งสองคนจึงได้นัดพบกัน ตามสถานที่ที่ไพลินบอกเป็นที่เรียบร้อย
สิบโมงเช้าของวันต่อมา ไพลินพากชนิภาแม่ของเชนมาหาหยกที่บ้านเช่า ถึงจะเป็นบ้านไม้เก่า ๆ แต่หยกก็ทำความสะอาดจัดข้าวของอย่างเป็นระเบียบ ภายในห้องโล่ง ๆ หยกได้ปูเสื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมชุดสีขาว พร้อมกับมีผ้าผืนบางปิดหน้าใส่แว่นตา ปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้
“นี่หนูลินแม่หมอจะทำนายแม่นจริงหรือเปล่าจ๊ะ อย่าทำให้น้าเสียเวลาเชียวนะ แต่ถ้าแม่หมอทำนายแม่นกว่าตำหนักอื่นที่น้าเคยไปละก็ รับรองค่าไหว้ครูน้าจัดเต็มอย่างแน่นอน และจะพาเพื่อนมาที่นี่แทน”
“โธ่ คุณน้ากชเชื่อได้เต็มร้อยค่ะว่าแม่หมอคนนี้ ทำนายได้แม่นอย่างกับตาเห็น ถ้าครั้งนี้คุณน้าผู้ชายเจรจาธุรกิจหลายร้อยล้านสำเร็จ คุณน้าอย่าลืมสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟ ทำบุญกับแม่หมอเยอะ ๆ ด้วยนะคะ” ถ้าไม่ได้หยกทักแม่ของเธอ ป่านนี้พ่อของเธอคงจะเป็นม่ายไปแล้ว
“เชิญนั่งก่อนสิ ไม่ทราบว่าคุณนายต้องการให้ฉันทำนายเรื่องอะไร บอกชื่อและนามสกุลคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาด้วยล่ะ” หยกเริ่มถามกับลูกค้าคนแรกทันทีที่ไพลินพาเข้ามาด้านในบ้านเช่า
“เอ่อ แม่หมอช่วยทำนายเรื่องเจรจาธุรกิจของสามีฉันหน่อยเจ้าค่ะ สามีฉันชื่อชนิน นามสกุลญาณณนนท์ เจ้าค่ะ พอดีสามีของฉันจะเดินทางไปเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวที่ต่างประเทศ ก็เลยอยากรู้ว่าครั้งนี้จะสำเร็จอย่างที่หวังไว้หรือไม่น่ะเจ้าค่ะ” เพราะสามีของกชนิภายอมทุ่มเงินหมดหน้าตักกับธุรกิจในครั้งนี้
“รบกวนคุณนายวางมือบนโต๊ะด้านหน้า จะได้เริ่มทำนายเรื่องที่คุณนายอยากรู้กันเลย”
เมื่อกชนิภาวางมือลงบนโต๊ะ หยกจึงใช้มือสัมผัสลงไปที่ฝ่ามือ เพียงชั่วพริบตาเรื่องเกี่ยวกับสามีของกชนิภาก็ปรากฏให้เห็น
ภาพต่าง ๆ ที่หยกเห็นมันเกิดขึ้นเร็วมาก แค่หนึ่งนาทีเธอก็สรุปเรื่องราวได้ทันที
“เฮ้อ คุณนายสามีของคุณนายเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่บ้างใช่ไหม”
“ชะ ชะ ใช่เจ้าค่ะแม่หมอ คุณชนินมักจะอารมณ์ร้อน เวลาทำอะไรมักต้องการให้สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก” กชนิภาไม่คิดว่าหยกจะรู้ถึงนิสัยของสามีเธอ ซึ่งคนอื่นที่เธอเคยไปดูดวงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอสักครั้ง
“ทีนี้เชื่อหรือยังคะคุณน้าว่าแม่หมอของลินแม่นมากจริง ๆ”
“หากคุณนายอยากให้สามีเจรจาธุรกิจครั้งนี้สำเร็จ ต้องทำตามคำแนะนำของฉันอย่างเคร่งครัด หลังจากประสบความสำเร็จแล้ว สามีของคุณนายรวมถึงทุกคนในครอบครัว จงทำบุญครั้งใหญ่กราบไหว้บรรพบุรุษและทำทานกับบ้านเด็กกำพร้า หากทำเป็นประจำทุกปีได้จะยิ่งส่งผลให้ธุระกิจมีคนอยากมาร่วมลงทุนมากขึ้น” แม้จะมีวิธีแก้ให้แต่หยกก็อยากให้คนที่ประสบความสำเร็จ ได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่ลำบากบ้างถึงจะไม่มากก็ตาม
“จริงเหรอคะแม่หมอเชิญแม่หมอบอกมาได้เลย ฉันจะให้สามีทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเจ้าค่ะ” กชนิภาดีใจมาก
“ให้สามีของคุณนายงดเว้นเนื้อสัตว์เป็นเวลาเจ็ดวัน นั่งสมาธิควบคุมลมหายใจและอารมณ์ให้นิ่ง มีสติให้มากยามที่เจรจาเรื่องธุรกิจหากทำได้ย่อมสมหวังอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณแม่หมอมากเจ้าค่ะ แล้วแม่หมอคิดค่าดูเท่าไหร่เจ้าคะ”
“อยู่ที่ความศรัทธาของคุณนาย รอให้เรื่องที่ทำนายผ่านพ้นไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำบุญกับแม่หมอคนนี้เถิด” หยกบอกกับกชนิภาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“ใช่ค่ะคุณน้าถือว่าเป็นการซื้อใจกันในครั้งแรกเถอะนะคะ ถึงยังไงแม่หมอก็อยู่ที่นี่ไม่ย้ายไปไหนอยู่แล้วค่ะ อย่างที่ลินบอกกับคุณน้าไว้ก่อนหน้านี้ยังไงล่ะคะ”
“เอางั้นเหรอ ตกลงฉันจะทำตามที่แม่หมอบอกก็นะเจ้าคะ วันนี้ต้องขอตัวกลับไปคุยกับสามีเสียก่อนไว้เจอกันใหม่เจ้าค่ะ”
ไพลินอาสาเดินออกไปส่งกชนิภาถึงหน้าปากซอย ก่อนจะกลับมานั่งเล่นกับหยกอย่างที่เคยทำที่บ้านเช่าอีกครั้ง ทั้งสองคนเฝ้ารอให้ถึงวันที่คำทำนายจะเกิดขึ้นจริง และภาวนาให้สามีของกชนิภาทำตามคำแนะนำของหยกด้วยเช่นกัน
ด้านกชนิภากลับไปบอกเล่าเรื่องคำทำนายกับสามี และขอให้เขาทำตามที่หยกได้แนะนำเอาไว้ ยังดีที่สามีของเธอไม่ได้ต่อต้าน ลองทำตามก็ไม่เสียหายเพราะว่าแม่หมอคนนี้พูดถูก เรื่องที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนยามต้องการให้งานได้ดั่งใจเสมอ เมื่อถึงกำหนดบินไปต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจ ทำให้ชนินมีสติควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี จนประสบผลสำเร็จอย่างที่หยกพูดไว้ เขาได้เป็นตัวแทนเพียงแห่งเดียวในประเทศ
คนที่ดีใจมากและเชื่อสุดใจ กับคำทำนายคงหนีไม่พ้นกชนิภา เมื่อได้รับข่าวดีจากสามี เธอจึงรีบนำเงินสดใส่ซองมามอบให้กับหยกถึงหนึ่งแสนบาท หากเทียบกับธุรกิจที่สามีเจรจากลับมาได้ เงินแค่หนึ่งแสนถือว่าเป็นเรื่องเล็กจ้อยสำหรับกชนิภาไปแล้วในตอนนี้
จนกระทั่งเหล่าเพื่อน ๆ ในวงธุรกิจ หรือคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย ต่างพากันมาสอบถามเรื่องแม่หมอกับกชนิภามากมาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หยกจึงมีลูกค้าประจำที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น เพราะเธอไม่อยากถูกคนที่ทำอาชีพดูดวงรุมกระทืบตาย
นับตั้งแต่ได้เงินก้อนแรกจากกชนิภา หยกและไพลินก็พอมีเงินเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น รวมถึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญกับพี่น้องบ้านเด็กกำพร้า ที่ได้ดูแลเลี้ยงดูเธอจนเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ หยกยังคงทำงานเป็นลูกจ้างธรรมดา และไพลินยังคงเป็นนายหน้าหาลูกค้ามาให้หยกเช่นเดิม
แต่ชีวิตคนเราจะอยู่บนโลกนี้ เพื่อชดใช้เวรกรรมได้นานกี่ปีไม่มีใครรู้ เพราะหยกก็ไม่สามารถรู้อนาคตของตนเองได้เช่นกัน ว่าในวันที่เธอมีอายุครบยี่สิบปีจะเป็นวันตายของเธอเอง หยกได้พบกับลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลมากเขามาหาเธอด้วยความเครียด และต้องการรู้ชะตาชีวิตของตัวเองเพื่อหลบเลี่ยงศัตรู หยกได้ทำการดูดวงชะตาให้และพบว่าเขาจะต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวง ต้องทำตามคำแนะนำของเธอเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้
แต่เมื่อเธอบอกคำทำนายนี้ เขากลับไม่พอใจและคิดว่าเธอเป็นเพียงนักต้มตุ๋น และสั่งให้บอดี้การ์ดข้างกายจัดการฆ่าปิดปากหยก พร้อมกับเผาบ้านเช่าหลังน้อย กว่าจะมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านที่อยู่มาหลายปี ก็เหลือเพียงเศษเถ้าถ่าน และร่างที่ดำเป็นตอตะโกของหยกเท่านั้น
“เกิดชาติหน้าฉันท์ใด ขอให้หนูได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ที่มีฐานะร่ำรวยมีกินมีใช้ ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนชาตินี้ด้วยเทอญ”
“หืม เอิ้กกก อืม พรึ่บ!! ตุบ คร่อกกกก”
“เฮ้ย!! ตาแก่ตายแน่เรื่องใหญ่แล้วไหมเล่าเรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยวนะ เจ้าส่งนางไปเองก็รับผิดชอบคนเดียวก็แล้วกันข้าไปล่ะ พรึ่บ!”
