บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

วูบ..!

หลังจากท่านเทพทั้งสองกลับขึ้นสวรรค์ หยกในร่างของ ‘อวี้จิ่น’ ชื่อที่หมอตำแยตั้งให้กับเจ้าของร่าง เมื่อลืมตาและตั้งสติได้อีกครั้งจึงสะพายตะกร้าลงจากเขา เพื่อกลับไปดูแลยายเฒ่าลิ่วที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่แบเบาะ ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้เป็นยารักษาคนหรือใช้เพื่อฆ่าคน ยายเฒ่าลิ่วก็สอนให้กับอวี้จิ่นจนหมด ด้วยหวังว่าวันใดที่ตนหมดลมหายใจ อวี้จิ่นสามารถใช้ความรู้เหล่านี้ทำงานหาเลี้ยงตนเองได้

“แฮ่ก ๆ ๆ โอย ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ แค่เดินลงจากเขานะ หรือจะเป็นเพราะยังไม่ชินกับรูปร่างของคนยุคโบราณแน่ ๆ”

“อวี้จิ่น!”

“หืม ท่านป้าจูทำไมมาถึงเชิงเขาได้ล่ะเจ้าคะ”

“ป้าก็มาตามเจ้าน่ะสิอวี้จิ่น ลงมาจากเขาเสียทีรีบกลับบ้านไปดูยายเฒ่าลิ่วเถิด ท่าทางจะทนไม่ไหวกับอาการป่วยที่เป็นแล้วล่ะ” นางจูที่อยู่บ้านติดกันกับอวี้จิ่น อาสามาตามหานาง เนื่องจากในยามนี้ยายเฒ่าลิ่วอาการป่วยกำเริบหนักกว่าเดิม จนทุกคนที่มาเยี่ยมต่างคิดเหมือนกันว่านางคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว

“ท่านยายอาการกำเริบหรือเจ้าคะท่านป้าจู เช่นนั้นข้าขอตัววิ่งกลับบ้านก่อนนะเจ้าคะ ท่านป้าไม่ต้องรีบค่อย ๆ เดินกลับเข้าหมู่บ้านก็ได้เจ้าค่ะ” อวี้จิ่นไม่ลืมเป็นห่วงป้าข้างบ้านอย่างนางจู

เมื่อมาถึงบ้านหลังเก่า ๆ และมีคนในหมู่บ้านยืนอยู่ จึงแหวกทางเข้าไปดูอาการคนที่กำลังป่วยหนัก ชาวบ้านที่มาเยี่ยมทยอยเดินออกมาเพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน ซึ่งครั้งนี้ยายเฒ่าลิ่วยอมเปิดปากบอกความจริงกับอวี้จิ่น พร้อมมอบหยกรูปกุญแจอายุยืนให้กับนางไว้ใช้เป็นหลักฐาน หากเดินทางไปตามหาบิดามารดาในเมืองหลวง

“ท่านยายเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านอดทนอีกนิดเถิดวันนี้ข้าหาสมุนไพรได้เยอะกว่าทุกครั้ง จะไปแลกยามาให้ท่านนะเจ้าคะ”

“แค่ก ๆ ๆ อวี้จิ่นอย่าเสียเวลารักษายายแก่อย่างข้าอีกเลย เจ้าหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ในตู้เก็บของมาให้ข้าที”

“นี่เจ้าค่ะท่านยาย”

“อวี้จิ่น แค่ก ๆ ๆ กุญแจหยกอายุยืนนี้ เจ้าจงเก็บเอาไว้ให้ดีอย่าได้ทำมันหายเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่ แค่ก ๆ ๆ”

“ทำไมท่านยายถึงให้ข้าเก็บเอาไว้ล่ะเจ้าคะ มันดูมีราคาแพงมากท่านยายไม่มอบให้กับญาติพี่น้องของท่านเล่า”

อวี้จิ่นยังไม่เข้ามากนัก ว่าเจ้ากุญแจหยกอายุยืนนี้ เกี่ยวข้องกับนางในด้านไหน จนกระทั่งยายเฒ่าลิ่ววางมันลงในมือของนาง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในจวนหลังใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว

“นะ นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”

“อวี้จิ่นความจริงแล้ว เจ้าคือบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าว หรือก็คือแม่ทัพเจียงซื่อกุ่ย แต่ยามนั้นเพราะข้าเห็นแก่เงินเล็กน้อย ถึงได้ยอมทำตามคำสั่งของฮูหยินนายท่านรองตระกูลเจียง ที่ได้คลอดบุตรสาวในเวลาไล่เลี่ยกันกับเจ้า และนางต้องการให้บุตรสาวเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของตระกูลเจียง เพื่อในวันหน้าจะได้เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์ของแคว้น อันที่จริงฮูหยินของนายท่านรอง สั่งให้ข้ากำจัดเจ้าไปเสีย” ยายเฒ่าลิ่วเล่าออกมาด้วยความรู้สึกผิด

“แล้วทำไมท่านถึงไม่ทำตามคำสั่งของนางล่ะเจ้าคะ นอกจากจะไม่กำจัดข้า ยังเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตจนถึงทุกวันนี้” อวี้จิ่นได้ฟังมาถึงตรงนี้ก็อยากทราบเหตุผล ที่ยายเฒ่าลิ่วไม่ลงมือกำขัดนาง ตามที่ฮูหยินยองนายท่านรองนั่นสั่งไปเสีย

“แค่ก ๆ ๆ คงเพราะเสียงร้องไห้ของเจ้ากระมัง ที่เรียกสติให้ข้ารู้สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไปในยามนั้น อวี้จิ่นหากเจ้าต้องการไปพบบิดาของเจ้าที่เมืองหลวง จะ จะ จงระวังตัวให้มาก เพราะบ้านรองตระกูลเจียง ล้วนจิตใจคับแคบและเหี้ยมโหดอย่างเงียบ ๆ ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้วอวี้จิ่นรักษาตัวด้วยคุณหนูจะ..ตุบ” ยายเฒ่าลิ่วตายตาหลับเมื่อได้บอกสิ่งที่นางเก็บไว้มาตลอดสิบกว่าปี

“ท่านยาย! ฮึก ข้าเพิ่งจะมาอยู่ในโลกนี้แท้ ๆ ต้องกลับไปมีชีวิตที่โดดเดี่ยวอีกแล้วหรือ ฮึก ๆ ขอบคุณที่ท่านไม่กำจัดข้าในวันนั้น ส่วนเรื่องครอบครัวตระกูลเจียงข้าย่อมไปตามหา และเอาตัวคนชั่วส่งทางการให้ได้รับโทษแน่นอนเจ้าค่ะ ขอให้ท่านยายไปสู่สุคตินะเจ้าคะ”

อวี้จิ่นก้มคำนับทำความเคารพยายเฒ่าลิ่ว เพื่อขอบคุณที่ดูแลนางมาสิบกว่าปี ชาวบ้านที่ยังรออยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของอวี้จิ่น ก็รู้แล้วว่ายายเฒ่าลิ่วได้จากไปอย่างสงบ ทุกคนจึงช่วยเตรียมงานศพตามพิธีอย่างเรียบง่าย เนื่องจากพวกเขามิได้มีเงินทองมากนัก เพียงแค่หนึ่งวันก็ทำพิธีฝังร่างของยายเฒ่าลิ่วไว้ที่สุสานของหมู่บ้านแห่งนี้

ภายหลังเสร็จสิ้นงานศพ อวี้จิ่นได้ตัดสินใจจะเดินทางเข้าเมืองหลวง ซึ่งระยะทางไกลนับพันลี้ นางคิดว่าจะเดินทางไปทีละเมืองเผื่อจะมีลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ แม้เรื่องอาหารจะไม่ต้องกังวลก็ตาม แต่อย่างไรมีเงินติดตัวไว้ย่อมสบายใจกว่า เพียงแค่การเดินทางถึงเมืองแรกอวี้จิ่นก็ได้ใช้ความสามารถที่มีของตนหาเงินทันที

อวี้จิ่นบอกลาเพื่อนบ้านหลังจากผ่านงานศพของยายเฒ่าลิ่วได้เจ็ดวัน โดยใช้ข้ออ้างว่าจะไปตามหาบุตรหลานของยายเฒ่าลิ่วเท่านั้น เพื่อนบ้านต่างอวยพรให้อวี้จิ่นปลอดภัยและทำภารกิจสำเร็จ บางคนมีมอบอาหารให้นางนำติดตัวไปคนละเล็กละน้อย ทำเอาอวี้จิ่นถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นความมีน้ำใจจากชาวบ้าน

เพราะหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากตำบลจึงใช้การเดินเท้า อวี้จิ่นสำรวจสองข้างทางไปเรื่อย ๆ เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งในโลกใบใหม่ แต่ถ้านางต้องการเข้าเมืองย่อมไม่อาจเดินเท้าไปเองได้ ด้วยระยะทางที่ไกลจึงอาศัยการนั่งเกวียนหรือรถม้าเท่านั้น ยังดีที่อวี้จิ่นมีเงินติดตัวมาห้าตำลึงเงินกับเศษเหรียญอีแปะอีกเล็กน้อย นางถึงได้นั่งเกวียนวัวเข้าเมืองจ้าวโจวรอบสุดท้ายพอดี กว่าจะมาถึงเมืองจ้าวโจวก็เป็นเวลาพลบค่ำ

อวี้จิ่นอาศัยอารามร้างนอกเมืองเป็นที่หลับนอน เนื่องจากตอนนี้นางต้องประหยัดเงินไว้ก่อน ซึ่งที่นี่มีชาวบ้านที่นำของป่าที่ดูมีราคามาขายในเมือง พวกเขาก็เลือกที่จะพักในอารามร้างเช่นเดียวกัน แต่เป็นข่าวดีสำหรับอวี้จิ่นเมื่อชาวบ้านที่นั่งผิงไฟ เริ่มพูดถึงบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองที่หายออกจากจวน แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตามหาก็ยังไม่พบตัว

“นี่เจ้าว่าบุตรสาวท่านเจ้าเมืองหายไปที่ใดรึ หลายวันแล้วที่เจ้าหน้าที่ออกตามหาแต่ยังไร้วี่แวว”

“ข้าว่านะคุณหนูว่านต้องถูกคนลักพาตัวไปแน่ ๆ”

“หรือว่าจะมีโจรภูเขาออกอาละวาดปล้นฆ่าและฉุดสตรีที่งดงาม พากลับไปปรนเปรอบำเรอกามในกลุ่มโจรหรือไม่ ถึงไม่มีใครตามหาตัวนางพบนี่ก็ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วนะ”

‘หืม ลูกสาวเจ้าเมืองหายตัวไปงั้นเหรอน่าสนใจดี ไว้พรุ่งนี้เช้าเข้าเมืองได้ค่อยไปถามผู้คนในเมืองอีกรอบก็แล้วกัน’

“แต่ข้าว่านางอาจจะหนีตามคนรักที่ฐานะยากจนก็เป็นได้นะ หากเป็นข้อนี้ก็น่าสงสารฝ่ายบุรุษที่ฐานะต่ำต้อย มิใช่คุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์ทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจทำเช่นนี้ะ”

“นั่นน่ะสิหากฐานะเช่นพวกเรานั่นคงเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง ระหว่างบุตรสาวขุนนางกับชาวนายากจนแน่นอน”

“เฮ้อ โชคชะตาช่างเล่นตลกร้ายกับมนุษย์อย่างเราเสียจริง”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel