ุบทที่ 6 ปีแห่งความทรงจำแห่งรัก
"ไม่คิดว่าลูกเราจะเข้ากันได้ดีกับลูกชายเพื่อนรักขนาดนี้นะพ่อ"
"พ่อว่าอย่าเพิ่งดีใจไปแม่ นี้มันแค่ความรักความชอบแบบเด็กๆเท่านั้น โตไปเขาอาจจะเปลี่ยนใจไม่ชอบลูกเราก็เป็นได้นะ"
"พ่อก็ว่าไปนั้น แม่เชื่อว่าพวกเขาจะต้องรักกันจนโตแน่นอน"
"อย่าลืมสิแม่ ลูกเราไม่ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของเขานะ อีกอย่างไม่มีใครไม่รู้จักความเด็ดขาดของและโหดของครอบครัวนี้ เท่าพวกเราและคนทั้งประเทศของเขานะแม่อย่าลืมสิว่าเราต่างกันขนาดไหน"
"พ่อจ๋าแม่รู้ว่าพ่อกลัวลูกสาวคนดีของพ่อ จะถูกลูกชายของเขาทำให้เสียใจใช่ไหมหละ แม่รู้นะว่าพ่อรักลูกสาวมากขนาดไหน"
"พ่อว่าแม่ก็แอบห่วงอยู่เหมือนกันนั้นหละ อย่าว่าแต่พ่อเลยเอาเป็นว่า พวกเรามาช่วยกันทำให้ทั้งสองคนมีความทรงจำแห่งรักที่ดีต่อกันเยอะๆดีกว่า ให้สองปีนี้เป็นปีที่เขาจะเป็นคนที่ดีที่คู่ควรกับลูกสาวเราดีไหมแม่"
"ใช่เลยนี้คือคำตอบที่แม่อยากได้ยินจากพ่อมากกว่ากลัวว่า ลูกสาวจะอกหักเมื่อโตแล้วนะพ่อ"
"ก็พวกเราไม่รู้อนาคตนี้ ต่อให้พวกเรามั่นใจว่าพ่อของเขาจะไม่มีวันทำร้ายใจลูกสาวเรา หากได้ทำสัญญาแต่งงานกันไว้ก็ตามเถอะ แต่อนาคตไม่มีใครรู้ได้ ตอนเด็กอาจเป็นคนน่ารัก แต่เวลาที่เขากลับไปใช้ชีวิตที่บ้านของเขา พ่อมั่นใจว่าเขาต้องเป็นเจ้าชายสาวมาเฟียเหมือนพ่อเขาแน่นอน และอาจมีสาวๆในวังมากมายแน่นอน พ่อไม่อยากให้ลูกเราเป็นตัวเลือกของใครนะแม่"
"จ้าๆ แม่รู้แล้ว แต่พวกเราห้ามการหมั้นหมายครั่งนี้ได้ที่ไหนกันหละ ในเมื่อพวกเราสาบานต่อหน้าพระเจ้าแล้ว อีกอย่างลูกเราก็ดันปากไวเหมือนพ่อเลย ทำให้พวกเราต้องมาคอยลุ้นว่าอนาคตของลูกสาวสุดที่รักของพวกเราจะจบสวยไหมเรื่องความรักนะ"
"เพราะแบบนี้ไงพ่อถึงคิดหนัก เพราะคิดอะไรเหมือนพ่อแบบนี้ไง ถึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเราสองคนคิดมากแบบนี้"
"พ่อจ๋า พ่อเป็นคนสอนลูกเองไม่ใช่หรือไงว่า ให้ซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตัวเอง และรักษาสัญญาไม่ว่าจะเป็นยังไงห้ามผิดคำมั่นสัญญาเด็ดขาดเดี่ยวพระเจ้าจะไม่อวยพรลูก หากลูกผิดคำสัญญาลูกเรามันก็ทำตามที่พวกเราสอนนะ"
"ใช่ไงพ่อถึงเครียดแบบนี้ไง "
"พวกเราสองคนขอแทรกนิดหนึ่งนะครับ พวกเราเชื่อว่าเจ้าชายไม่มีวันลืมรักแรกของท่านแน่นอน อีกอย่างหากไม่มั่นใจคงไม่มอบสิ่งแทนใจให้แบบนี้หรอก เพราะพวกเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กันมากนะครับ ถึงท่านจะยังเด็กแต่ความคิดของเจ้าชายโตกว่าพวกเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมากเลยนะครับ"
"มันก็แน่สิ เพราะเรียนเยอะกว่าพวกเพื่อนๆนี้นะ จนไม่มีเวลาให้ตัวเองได้พักขนาดนี้"
"ใช่ครับ เป็นช่วงที่เจ้าชายจต้องการอสระในการตัดสินใจ ฝาบาททั้งสองเลยให้เจ้าชายมาอยู่ที่นี้ มาหารักแท้ที่ไทยไงครับ เพราะรู้ว่ายังไงพวกท่านคงไม่ขัดใจลูกแน่นอน หากนางเลือกที่จะเป็นเจ้าสาวของของเจ้าชายแล้วนะครับ"
"ร้ายนั้นแผนสูงอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าพวกเราไม่มีทางขัดใจ สมใจพวกเขาแล้วนี้เหลือแค่ต้องรอดูอนาคตต่อจากนี้ว่า หลังจากที่พวกเขาต้องห่างกัน ไม่ได้พบกันอาจมีบินมาพบกันบ้างใบ้างครั้งต่อจากนี้ แต่ความรู้สึกของพวกเขาจะยังคงเดิมไหม"
"พ่อจ๋า พ่อไม่ต้องคิดถึงอนาคตให้ปวดหัวหรอกแม่ว่า แค่พวกเขารักกันดูแลกันใส่ใจกันแบบนี้ก็ถือว่า เป็นความทรงจำที่ดีของพวกเขาทั้งสองคนแล้วหละ เวลามันจะพิสูจน์ความรักของพวกเขาเอง ส่วนเรื่องฐานะคงต้องรอให้ทุกอย่างมันลงตัวกว่านี้ พวกเราค่อยบอกลูกเรื่องของคู่หมั้นของเขาดีกว่านะ หรือไม่ก็ให้ฝ่ายชายบอกเองเมื่อถึงเวลามาสู่ขอจริงๆดีไหมพ่อ น่าลุ้นดีว่าลูกเราจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าคนที่เขาต้องแต่งงานคือเจ้าชายนะ แม่หละตื่นเต้นอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจังเลย อยากรู้ว่าลูกเราจะตกใจขนาดไหนกันนะ"
"แม่ก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย เอาเป็นว่าพ่อฝากเรื่องลูกของเราไว้กับพระเจ้าแล้ว เชื่อว่าท่านต้องดูแลห้วใจร่างกายของลูกเราอย่างดีแน่นอนไม่ให้มาทำร้ายได้ง่ายๆแน่นอน"
"ใช่แล้วพ่อ พวกเราคุยถึงเรื่องอนาคตของลูกมาพอแล้ว ไปร่วมวงกับพวกเด็กๆกันดีว่า เก็บภาพทรงจำแห่งความรักของพวกเขาไว้ในใจของพวกเราเยอะๆ เพื่อว่าอนาคตข้างหน้ามันจะเตือนใจเราว่า พวกเขาจะไม่ทำร้ายหัวใจตัวเองกันแน่นอน"
"แม่ก็ว่าแต่พ่อบ่น ตัวเองก็คิดมากเหมือนพ่อนั้นหละ พวกเราใจตรงกันเสมอทุกเรื่องจริงๆ"
"พวกเราจะคอยเตือนเจ้าชายเองครับ ถ้าท่านเหลวไหลพวกเราไม่ยอมให้ใคร มาเป็นราชินีนอกจากลูกสาวของพวกท่านแน่นอนครับ พวกเราจะเป็นกองหนุนให้ฝ่าบาทและพวกท่านเอง ถ้าเจ้าชายเปลี่ยนใจนะครับ"
"นายก็ว่าไปนั้น พวกเราเลี้ยงเจ้าชายมาย่อมรู้ดีว่า รายนี้ไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆแน่นอน ต่อให้ต้องทำร้ายคนทั้งโลก ท่านก็จะไม่มีวันทำร้ายหัวใจตัวเองแน่นอน ไม่เห็นความรักและสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของเจ้าชาย ที่มีต่อคู่หมั้นหรือไงไม่เคยเห็นท่านมองและรักใครได้ขนาดนี้เลย ท่านแม่ของเจ้าชายเองก็ไม่เคยมองและห่วงมากขนาดนี้เลยนะ"
"เอ้อมันก็จริง งั้นพวกเรามาเก็บภาพที่สวยงามและสดใสของทั้งสองไว้เยอะๆ ไว้ให้เจ้าชายดูตอนกลับไปบ้านจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองมีคนรักแล้วดีไหมครับ"
"ดีมาก พวกเราเองก็จะถ่ายรูปไว้เยอะๆเหมือนกัน ไว้ให้ลูกสาวดูว่าพวกเขาทั้งสองน่ารักขนาดไหน รักกันห่วงใยกันขนาดไหน"
"จริงอย่างที่แม่ว่า เพราะลูกเราไม่ชอบการจากลาเท่าไหร่ แต่ถ้ามีรูปไว้ดูเยอะๆลูกเราจะได้คิดว่า มันคือความทรงจำแห่งรัก ไม่ใช่การจากลาที่จะมาถึงในอีกไม่นานนี้นะ"
"ใช่ พ่อพูดถูกที่สุด มาทำให้ลูกมีรอยยิ้มเยอะๆกันดีกว่า"
