บทที่ 3 หลงรักตั้งแต่เด็กๆ
"ไงรอพวกเรานานไหมเอ๋ย พวกเด็กๆนอนหลับกันอยู่เหรอ ราชิด มาฟิส เมเนส"
"ครับ นายท่านทั้งสองจะให้พวกเราปลุกทั้งสองคนไหม หรือพวกท่านจะให้พวกเราขับตามไปเลยดีครับ"
"ขับตามพวกเราเลย ไม่ต้องปลุกขับให้เงียบที่สุดเลยนะ เพราะลูกสาวเราหูดีมาก แค่เสียงเปิดประตูก็รู้สึกตัวแล้ว เปิดปิดเบาๆหละ ส่วนพวกนายสองคนมากับเรา ให้แค่คนรู้ใจของเจ้านายขับตามพวกเรามาก็พอ"
"ครับ"
"เด็กๆจ๊ะ ตื่นได้แล้วถึงบ้านเราแล้ว เป็นไงรู้สึกดีขึ้นหรือยัง"
"ดีขึ้นแล้วครับ พวกเราหลับนานขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมไม่ปลุกพวกเราก่อนหละครับ"
"พวกเราคิดว่า ให้ทั้งสองคนได้พักนะดีกว่าจะได้หายเร็วๆ เดี่ยวให้น้าเขาทำอาหารให้กินกัน ส่วนพวกเราสองคนก็ไปพักที่ห้องกันก่อนให้น้องพาไปดูห้องก่อน เพื่ออยากให้เปลี่ยนอะไรน้องจะได้ช่วยหามาเปลี่ยนให้นะ"
"ครับ"
"ห้องน่าอยู่ไหมคะ มานาเฮเอลกับแม่จัดกันเองเลยนะ แม่กับพ่อเคยบอกไว้ว่าให้จัดห้องไว้รอพี่ชาย ถ้าพี่มาจะได้ไม่ต้องมาจัดห้องเองพี่ชอบไหม อยากให้เปลี่ยนอะไรไหมคะ จะได้บอกพ่อให้ซื้อมาเปลี่ยนให้คะ"
"ชอบมาก ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกพี่อยู่ง่าย"
"งั้นหนูช่วยจัดของเข้าห้องนะ"
"ได้สิ"
"ดีใจจังจะได้มีพี่ชายกับเขาสักที อยากมีพี่ชายมานานแล้วคะ"
"อืม ถ้ามีน้องสาวน่ารักและเก่งแบบนี้ พี่เองก็อยากมีน้องสาวเก่งๆเหมือนกัน"
"คิดเหมือนกันเลย หนูว่าพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าคะ จะได้สดชื่นเดียวน้องสาวคนนี้จัดการเก็บของให้เอง พี่อาบเสร็จก็จัดเสร็จพอดี"
"ก็ได้"
"เห็นไหมบอกแล้วว่า เสร็จพร้อมกันเลย หนูเตรียมชุดไว้ให้แล้ว คิดว่าพี่ชายใส่ชุดนี้ต้องหล่อมากๆแน่นอน สาวๆในโรงเรียนต้องชอบพี่ชายมากแน่นอนคะ"
"ไงเด็กๆจัดห้องกันเสร็จหรือยัง ให้แม่ช่วยจัดไหมเอ๋ย"
"เสร็จแล้วคะแม่ รอพี่เขาแต่งตัวก่อน งั้นหนูไปอาบน้ำก่อน แม่ดูแลพี่เขาต่อนะค่ะพี่เขาหน้าแดงมาก ไม่รู้ว่าไม่สบายอีกหรือเปล่าแม่ช่วยตรวจอาการพี่เขาดูหน่อยคะ"
"จ้า แม่คนเก่งรู้ไปซะทุกอย่างเลยนะเรานี้ "
"ก็หนูเป็นลูกของพ่อกับแม่นี้คะ ต้องรู้ทุกอย่างเหมือนพ่อกับแม่สิ"
"ไปอาบน้ำได้แล้ว อย่ามั่วแต่ย้อนแม่สิพี่เขาจะได้ไม่ต้องเรานาน เดี่ยวอาหารเย็นหมดพอดี"
"คะ "
"เจ้าชายน้อยของเราเขินได้น่ารักจัง เหมือนพ่อเราตอนเขินแม่เราเลยนะรู้ไหม"
"ผมแค่อายเท่านั้นเอง ไม่เคยมีน้องสาวดูแลแบบนี้นะครับ"
"หรือจ๊ะ น้านึกว่าเราหลงรักลูกสาวน้าซะอีก หรือว่าลูกสาวน้าไม่สวยน่ารักเท่าสาวๆที่บ้านเราเหรอ"
"เปล่าครับ น้องน่ารักและเก่งกว่าทุกคนที่ผมเคยเจอเลยครับ ไม่คิดว่าเด็กตัวเล็กๆจะเก่งขนาดนี้ได้นะครับ"
"ก็นะ รายนั้นเขาชอบเรียนรู้และชอบช่วยเหลือคน และช่วยงานพวกน้าตั้งแต่เริ่มอ่านเขียนได้นะ บอกว่าอยากเป็นหมอและมิชชันนารีเหมือนพวกเรานะ คิดว่าโตไปคงเป็นหมอและเป็นมิชชันนารีที่ดีแน่นอน ใครๆคงเรียกว่าแม่ชีหรือหมอผู้ช่วยชีวิตคนทั้งร่างกายและจิตวิญาณแน่นอนน้าว่านะ แล้วเราหละโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร"
"ผมคงต้องรับช่วงต่อจากพ่อทั้งหมด คงไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเท่าไหร่หรอกครับ"
"อืมใช่น้าก็ลืมไป เอาเป็นว่าเราไม่ป่วยแล้วตอนนี้ แค่เขินลูกน้าจนหน้าแดงเท่านั้นเอง แต่งตัวเสร็จพวกเราไปรอน้องที่ห้องรับแขกดีกว่านะ น้องลงไปค่อยไปทานข้าวที่ห้องครัวกันดีไหม"
"ครับ ว่าแต่พวกเขาหละจะให้อยู่ด้วยกันทั้งหมดเลยหรือครับ แบบนี้จะไม่ลำบากพวกท่านทั้งสองเกินไปหรือเปล่า"
"ไม่จ้า ปกติพ่อกับแม่เราเขาก็แวะมาเที่ยวหาบ่อยๆ พวกเราเตรียมห้องและอาหารรอพวกเขาเสมอ มาเมื่อไร่ก็ทำอาหารที่พวกเขาชอบให้ทานได้เลยนะ ไม่ต้องกังวลไปพวกเราไม่ลำบากเลย"
"ครับ"
"วาวนายน้อยของพวกเรา เลือกชุดได้หล่อมากจริงๆ"
"หล่อจริง สมเป็นลูกชายของเขาจริงๆเหมือนพ่อมากๆ คงได้นิสัยพ่อมากกว่าแม่ด้วยใช่ไหมเอ๋ย"
"ใช่ครับนายน้อยได้เจ้านายมาเต็มๆเลยครับ"
"เมเนส นายไม่พูดก็ไม่ใครเขาว่านะ เดี่ยวกลับไปนายเตรียมโดนลงโทษแน่นอน"
"นายน้อยท่านอย่าทำแบบนั้นเลยครับ ข้าน้อยแค่พูดความจริงให้นายท่านทั้งสองฟังเท่านั้นเองครับ"
"คุยอะไรกัน ให้หนูคุยด้วยสิคะ แม่หนูหาชุดใส่ที่เข้ากับพี่ด้วย สวยไหมคะ"
"เรานี้ชางคิดช่างเลือกจริงๆ ตกลงเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ แบบนี้ถ้ามีแฟนพ่อกับแม่คงแย่แน่นอน "
"พ่อคะช่วยหนูด้วยแม่ว่าหนูอีกแล้ว หนูยังไม่มีแฟนสักหน่อยหนูยังเด็กอยู่เลย จะมีใครเขามาสนใจเด็กอย่างหนูกันหละคะ"
"มีสิ พวกเราลืมบอกลูกไปว่าลูกมีคู่หมั้นหมายแล้ว ตั้งแต่เรายังไม่เกิดนะ"
"พ่อกับแม่ยังชอบทำเหมือนปู่ย่าตายาย ที่จับพวกท่านหมั้นหมายตั้งแต่เด็กๆ อยากให้หนูเป็นแบบพวกท่านใช่ไหมคะ ไม่รู้ว่าคู่หมั้นหนูจะหล่อและนิสัยดีเหมือนพ่อไหม"
"ดีสิหล่อด้วย รวยด้วยเก่งมากๆด้วยนะ จริงไหมหลานชาย"
"ครับ"
"พี่ชายรู้จักเขาคนนั้นด้วยเหรอคะ บอกหนูได้ไหมว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงยอมทำตามที่พ่อกับแม่สาบานกันแบบนี้"
"พี่เอง คนที่เราพูดถึงนะ"
"จริงเหรอคะ พ่อกับแม่อย่ามาแกล้งหนูสิ พี่ชายเองก็อย่ามาช่วยพ่อกับแม่แกล้งหนูสิคะ"
"พวกเราไม่ได้แกล้งเลย มันคือเรื่องจริงทั้งหมด ส่วนเรื่องที่จะแต่งงานกันไหมพ่อกับแม่ตามใจลูกๆ เหมือนที่ปู่ย่าตายายตามใจพวกเราสองคนไง พ่อกับแม่ไม่บังคับลูกหรอกแค่อยากบอกให้รู้ว่า เรามีคนมาตีตราจองไว้แล้วเท่านั้นเอง ลูกเป็นคนเลือกเองว่าจะยอมรับพี่เขาไหม"
"ถ้าหนูไม่ยอมรับพี่เขาก็เสียใจ หนูไม่อยากให้พี่เขาเสียใจเดี่ยวไม่สบายอีก"
"พี่ไม่ว่าอะไรหรอก ตามใจเราเลยพี่เตรียมใจมาแล้ว"
"แม่ว่าตอนนี้ทานข้าวกันก่อนดีกว่านะ เรื่องนี้ค่อยตัดสินใจที่หลัง มีเวลาตั้งสองปีให้ตัดสินใจ"
"คะ หนูก็ชอบพี่เขาอยู่ แต่พวกเรายังเด็กเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องนี้"
"เรานี้นะคิดเหมือนผู้ใหญ่อีกแล้ว พี่เขาเข้าใจแล้วทานข้าวกันดีกว่า พวกนายเองก็มาทานด้วยกันสิ"
"ครับ"
