บทที่ 9 ชวนไปทำงานด้วย
สายตาคมยืนมองรถของพินแล่นออกจากบ้านไปผ่านกระจกชั้นสองของบ้าน พร้อมรอยยิ้มมุมปากแสดงความพอใจ ก่อนจะหันกลับมาหาวิชิตการ์ดคนสนิท
“นายทำดีมาก ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของฉัน วันนี้ฉันอนุญาตให้นายไปพักผ่อนได้” สายตาคมพูด พร้อมกับเบี่ยงตัวเดินลงไปด้านล่างในทันที
“ครับนาย” วิชิตค้อมตัวลงเล็กน้อย ในขณะที่เขาเดินผ่านหน้าไป ชายหนุ่มเดินมาหยุดมองหญิงสาวจากด้านหลังอย่างเงียบ ๆ มองดูกิริยาของเป้าหมายอยู่ห่าง ๆ สายตาหวานวาดมองดอกไม้ในมือ แล้วบรรจงตัดแต่งให้สวยงามก่อนจะเสียบลงไปในช่อทีละดอก ด้วยความละเมียดละไม หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ห่าง ๆ จึงหันหลังกลับมา แล้วพบกับสายตาคมคายของเธียรวิชญ์ที่กำลังจับจ้องมองตรงมา
“คุณเธียร” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขา ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเท้าเดินเข้ามาหา แล้วก้มลงหยิบดอกไม้ขึ้นหมุนดู
“แบบนี้คุณเธียรพอใจไหมคะ” อันนาผายมือไปยังซุ้มดอกไม้ด้านหน้าของตัวเอง เพื่อถามความคิดเห็น เธียรวิชญ์ทอดสายตามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ
“ผมชอบนะ แต่วันนี้คุณจะจัดดอกไม้เสร็จไหม”
“เสร็จสิคะ สักประมาณบ่ายสองก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว” เธียรวิชญ์ทำท่าครุ่นคิดบางอย่าง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณเธียรจะให้ฉันแก้ส่วนไหนบอกได้เลยนะคะ ไม่ต้องอึดอัดใจ”
“เปล่า ผมกำลังคิดว่าฝีมือการจัดดอกไม้ของร้านคุณ ค่อนข้างดีเลย มีเพื่อนผมที่เป็นนักธุรกิจชาวกัมพูชากำลังจะแต่งงาน คุณจะสนใจไหม ถ้าผมติดต่องานนี้ให้ รายได้ก็มากพอตัว” หญิงสาวดวงตาวาวแววเป็นประกายอย่างมีความหวัง เพราะธุรกิจร้านดอกไม้ของเธอนั้น ถูกบิดาคัดค้านอยู่บ่อย ๆ ว่าไม่สามารถทำกำไรได้ โอกาสนี้จะทำให้เธอได้พิสูจน์ตัวเอง
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เอาเป็นว่าคืนนี้ผมขออนุญาตพาคุณทานข้าวละกันนะ จะได้คุยรายละเอียดเรื่องนี้ทีเดียว”
“ได้สิคะ” อันนาตอบตกลงด้วยสายตามีความหวัง ก่อนจะหันไปตั้งใจทำงานต่อ สายตาของชายหนุ่มยังคงทอดมองเธอย่างเงียบ ๆ พร้อมความคิดมากมายในสมอง
หญิงสาวที่อ่อนต่อโลกอย่างเธอ ไม่นานนักเขาจะคว้าเอามาเป็นสะพานใช้ในการแก้แค้น และจะเหยียบย่ำครอบครัวของนายองอาจให้ไม่มีความสุข พร้อมจะทวงทุกกลับคืนมาให้หมด
“อ๊ะ!” เสียงเจ็บปวดของชายหนุ่มทำให้อันนาหันกลับมา พบว่ามือที่ถือดอกไม้อยู่นั้น มีเลือดไหลออกมา หญิงสาวไม่รอช้ารีบคว้ามือของเธียรวิชญ์ไว้ในทันที
“วางดอกไม้ก่อนนะคะ รอฉันเดี๋ยวเดียว” อันนาหันไปหาน้ำเปล่ามาล้างแผลให้ด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าสวยหวานของผู้ที่อ่อนต่อโลกนั้นช่างน่าดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก เธียรวิชญ์มองกิริยาของเธออย่างนิ่งเงียบ
“อย่าซนแบบนี้สิคะ”
“ซนเหรอ?” เขาแปลกใจในคำพูดของหญิงสาว เอาเข้าจริงแล้ว ยังไม่มีใครเคยกล้าต่อว่าเขาเช่นนี้มาก่อน อันนาเงยหน้ามองชายหนุ่มพลางปล่อยยิ้มอ่อน พร้อมกับนำปลาสเตอร์ลายน่ารักมาติดให้
“คุณเธียรรู้ไหมคะว่าดอกไม้สวย ๆ แบบนี้โดนชุบน้ำยาหลายอย่างเลยค่ะ ถ้าจับไม่ระวังก็จะโดนหนามทิ่มเอาได้ หลายครั้งที่ฉันเคยโดน แผลจะหายยากมาก ๆ เลยนะคะ ดังนั้นคุณเธียรอย่าลืมทานยาด้วยนะ” หญิงสาวแนะนำเสร็จจึงหันหน้ากลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งมองแผลตัวเองด้วยความแปลกใจ
“คุณมีแฟนหรือเปล่า” คำถามของชายหนุ่มทำให้อันนาชะงัก ค่อย ๆ หันกลับไปยังต้นเสียง
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ก็ถ้าเผื่อคุณต้องทำงานไกล ๆ จะได้มีปัญหาไง”
“ไม่มีค่ะ คุณเธียรคะ..”
“ครับ”
“ถ้าคุณเธียรชวนฉันคุยอยู่แบบนี้ ฉันไม่มั่นใจนักว่าวันนี้จะจัดดอกไม้ให้คุณเสร็จไหม” เธียรวิชญ์นิ่งอึ้งเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าเข้าใจแล้วตัดสินใจเดินจากมา ปล่อยให้อันนาทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่เข้าไปรบกวนเวลาของเธออีก
และเมื่อเวลาเดินมาถึงบ่ายสอง ก็เป็นเวลาที่อันนาวางมือจากงานทั้งหมด ซุ้มดอกไม้ขนาดใหญ่พร้อมส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ทำให้เธียรวิชญ์พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะจ่ายค่าตอบแทนที่ทำเอาอันนาถึงกับเบิกตากว้าง
“ผมมักจะจ่ายตามความพอใจ เงินส่วนนี้ถือว่าผมพอใจเป็นอย่างมากก็แล้วกันนะ” เขาส่งยิ้มให้ พร้อมกับหญิงสาวก้มมองเงินในมือ เพราะเงินก้อนนี้หากหักค่าลูกจ้างแล้ว ยังพอมีกำไรสำหรับเดือนนี้ต่อไปได้อีก
