บทที่ 6 ติดตรงลืมไม่ได้
“ผมจะให้คุณมากกว่านี้อีกสามเท่า ถ้าคุณช่วยผมจนกว่าผมจะได้คบกับอันนา”
“สบายมากค่ะ” แพทตี้ตอบรับก่อนจะคว้าเงินไว้ หากแต่ชายหนุ่มยังคงเบี่ยงเงินออก
“ผมยังทำความตกลงกับคุณไม่จบ อีกเรื่องหนึ่ง ขอให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น ถ้ามีใครรู้ล่ะก็ ผมคงไม่ปล่อยคุณไว้เพราะถือว่าคุณรับงานไปแล้ว” สายตาคมของเธียรวิชญ์ดูน่ากลัวราวกับเสือป่า แพทตี้รู้สึกเสียวสันหลังวาบเพราะไม่เคยเห็นสายตาน่ากลัวแบบนี้จากใครมาก่อน
“ค่ะ แพทจะเก็บไว้เป็นความลับเท่าชีวิต” หากแต่เงินปึกใหญ่ทำให้หญิงสาวไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งใดนัก รอยยิ้มดีใจฉายแววออกมาก่อนเก็บเงินปึกใหญ่ใส่กระเป๋าแล้วหันเข้าห้องน้ำไป
หลังจากนั้นเธียรวิชญ์ก็แวะไปทักทายเจ้าภาพและครอบครัว เพื่อสานสัมพันธไมตรีให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นอย่างที่ต้องการ เพราะมีอีกหลายธุรกิจที่เธียรวิชญ์อยากเปิดกิจการในไทย แต่นั่นก็ต้องอาศัยบารมีของนักการเมืองบางจำพวก เพื่อให้ธุรกิจบางอย่างอยู่รอดปลอดภัย พ้นจากสายตาของผู้คนในเบื้องต้น
“นายใหญ่ครับ จะเปิดกาสิโนในไทยจริง ๆ เหรอ” การ์ดสนิทนามว่าวิชิตอายุราว ยี่สิบปลาย ๆ หากแต่ฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญเขาจงรักภักดีต่อเธียรวิชญ์ เพราะดูแลกันมาตั้งแต่เริ่มธุรกิจใหม่ ๆ จึงเป็นอีกคนที่เธียรวิชญ์ไว้ใจเป็นอย่างมาก
“ไม่รู้สิ บางทีก็ไม่อยากทำอะไรที่ผิดกฎหมายนักหรอก”
“นายใหญ่อย่าทำเลยนะครับ มันเสี่ยงเกินไป ลำพังรายได้จากกาสิโนที่กัมพูชาก็มากมายอยู่แล้ว”
“ฉันเปิดที่ไทย ก็ไม่ได้คิดถึงรายได้เป็นหลักอยู่แล้ว ฉันแค่อยากกระชากหน้ากาก ไอ้พวกอ้างเป็นคนดีมีศีลธรรม คนอย่างมันถ้าเจอผลตอบแทนสูง ๆ มีหรือจะไม่เผยตัวตน”
“นายใหญ่จะเอาคืนมันเหรอครับ” วิชิตพูดด้วยท่าทางเป็นห่วง
“ฉันอยากให้มันสูญเสีย เหมือนกับที่ฉันเป็น” คนลักษณะสุขุมพูดพลางกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ
“นายใหญ่ลืมเรื่องพวกนั้นไปไม่ได้เหรอครับ ตอนนี้ชีวิตของนายใหญ่ก็ดีมากอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้มีปัญหาภายหลัง” การ์ดยังคงแสดงความเป็นห่วง
“ติดตรงที่ฉันลืมไม่ได้” เธียรวิชญ์เหลือบตามองวิชิต ด้วยสายตาบางอย่างทำให้อีกฝ่ายรู้ทันที ว่าไม่มีอะไรสามารถยั้งความคิดของเขาได้ เธียรวิชญ์เลื่อนดูเบอร์มือถือของอันนาอย่างมีแผนการ ในขณะที่รถของเขากำลังแล่นไปยังโรงแรมหรูที่พักอาศัย
“วิชิต”
“ครับนายใหญ่”
“ฉันจะอยู่เมืองไทยอีกสักพัก บ้านที่ย่านสาทรของฉัน นายช่วยให้คนไปทำความสะอาดด้วย ฉันจะกลับไปอยู่ที่นั่นภายในวันพรุ่งนี้” หลังจากถึงโรงแรมระดับห้าดาวแล้ว เธียรวิชญ์หันไปพูดกับการ์ดคนสนิทเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปพักผ่อน
“ครับนาย” การ์ดหนุ่มก้มศีรษะลงรับคำสั่ง แล้วรีบดำเนินการในทันที เพราะรู้ว่านิสัยนายใหญ่นั้น ไม่ชอบรออะไรนาน ทุกนาทีของเขามีค่าเสมอ
“ถึงเวลาแล้ว ไอ้องอาจ!ฉันจะทำให้แกเจ็บปวดเจียนตาย ต้องคุกเข่าอ้อนวอน ขอความเมตตาจากคนอย่างฉัน” เธียรวิชญ์กำมือแน่น มองตัวเองในกระจก
ภาพในอดีตหวนปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน บ้านและทรัพย์สินทุกอย่างที่เหลือหลังจากไฟไหม้ในครั้งนั้น ถูกนายองอาจเดินเรื่องบังคับคดียึดทรัพย์ไปจนหมด ด้วยเพราะเล่ห์กลของคนชั่วที่ถือตัวอยู่เหนือกฎหมาย รวมหัวกันอยากได้ในทรัพย์สินของคนอื่น แม้เขายังเด็กนักในตอนนั้น แต่เรื่องราวของบิดาก็ถูกคนสนิทถ่ายทอดให้ฟังเสมือ จวบจนเขาเสียชีวิตไปในที่สุด
นับจากนั้นเธียรวิชญ์เก็บความคับแค้นใจไว้ในส่วนลึก พร้อมดิ้นรนต่อสู้ด้วยตัวเอง เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เริ่มตัดสินใจเดินทางเข้าสู้วงการสีเทา เข้าไปตีสนิทกับพวกนักการเมืองและนักธุรกิจ เรียนรู้ชีวิตจากพวกเขา เอามาปรับใช้จนตัวเองประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้ ผ่านความเป็นความตาย ผ่านการโกงและหักหลังจากคนรอบข้างมานับไม่ถ้วน แต่นั่นมันยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวัน เพื่อรอวันกลับมาชำระความแค้นในอดีต
เธียรวิชญ์หันมาหยิบมือถือ กดเลื่อนไปยังเบอร์โทรของอันนา ยังคงยิ้มที่มุมปากเช่นเคย ด้วยเพราะมั่นใจว่าคนอย่างเขาจะสามารถเอาชนะใจหญิงสาวคนนี้ได้ไม่ยากนัก ก่อนอีเมลของลูกน้องจะรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับข้อมูลของอันนาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการศึกษา พื้นฐานครอบครัว หรือแม้แต่อาชีพที่อันนาทำอยู่ก็ตาม เขาเดินมาทิ้งตัวลงนั่ง ดวงตาคมสองชั้นจับจ้องไปยังข้อมูลในมือถือ ปลายจมูกโค้งสูง รวมถึงเรียวปากได้รูปยิ้มแกมเจ้าเล่ห์ออกมาด้วยความพอใจ พร้อมกับอ่านข้อมูลทวนซ้ำอย่างถี่ถ้วน ก่อนเปลี่ยนใจโทรหาเป้าหมาย ด้วยเบอร์ติดต่องานแทนที่จะเป็นเบอร์ส่วนตัว
