บทที่ 19 เดินทางไปตลาดดอกไม้
“ฉันไม่ได้อยู่ไทยแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่กัมพูชา”
“เธอว่าอะไรนะ!” เสียงแหลมตะโกนเข้ามา ทำให้อันนาต้องเอามือถือออกหากจากหูตัวเอง
“นี่เธอไปอยู่กัมพูชา อย่าบอกนะว่า...อยู่กับ..กับคุณเธียร”
“เธอรู้ได้ยังไง” แพทตี้แทบหัวใจหยุดเต้น ไม่คิดว่าเธียรวิชญ์จะรวบรัดอันนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
“เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า” แพทตี้ถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า...เธอเป็นอะไรแพท ทำไมร้อนรนแบบนั้น” เสียงของอันนาทำให้แพทตี้หลับตานึกถึงเงินก้อนโต ที่รับจากเธียรวิชญ์มา เธอไม่คิดว่าเขาจะใช้วาจาล่อลวง ให้อันนาถึงกับต้องบินตามมาอยู่ด้วยที่กัมพูชา
“เปล่า แต่ฉันอยากรู้ ว่าเธอไปที่นั่นทำไม คุณเธียรเขาข่มขู่อะไรเธองั้นเหรอ”
“ใจเย็น ๆ นะแพท คุณเธียรเขาไม่ได้ทำอะไร เขาแค่หางานให้ฉันเพื่อไปพิสูจน์กับคุณพ่อเรื่องร้านดอกไม้ มันก็เท่านั้นเอง”
“แค่นั้นจริง ๆ เหรอ”
“ก็แค่นี้น่ะสิ เธอคิดว่ามีอะไรมากกว่านั้นเหรอ”
“เปล่า..ฉันก็ไม่น่าตกใจเกินเหตุ ถ้าเขาจะรวบรัดเธอจริง ๆ ทำที่ไทยก็ได้ ไม่เห็นจะต้องพาไปกัมพูชาให้เปลืองแรงเลย เธอว่าไหม” แพทตี้พูดพร้อมกับแกล้งหัวเราะ
“โอเค ดูแลตัวเองด้วยนะ ถ้าเธอมาไม่ได้ ฉันไปชวนยัยส้มโอดีกว่า เท่านี้นะ” อันนาปล่อยยิ้ม พลางส่ายศีรษะหลังจากเพื่อนรักกดวางสายไป ก่อนจะเอื้อมไปดับไฟที่หัวเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้นวิชิตเป็นคนพาอันนาขึ้นรถไปยังตลาดดอกไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ระหว่างสองข้างทางมีตึกสูงหลายแห่ง แสดงถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก
“ที่นี่เจริญกว่าที่ฉันคิดเอาไว้” อันนาพูดกับวิชิต ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มออกมา
“หลายปีมานี้กัมพูชามีผู้ลงทุนจากต่างชาติเข้ามาสูง ผมยอมรับว่าเขามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วถ้าเทียบกับเมื่อก่อน คุณอันนาดูตึกสูงสองฝั่งนี้นะครับ” เขาชี้มือไปยังตึกด้านข้างที่รถกำลังจะเคลื่อนตัวไปถึง
“ตอนที่นายใหญ่มาเปิดกาสิโน ตึกสองแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จเลย เผลอแป๊บเดียวทุกอย่างก็เสร็จหมดแล้ว”
“วิชิตสนิทกับคุณเธียรมากเลยสินะ เขาถึงวางใจขนาดนี้” ยังไม่ทันที่วิชิตจะตอบอันนา เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
“ครับนายใหญ่” เขาหยุดฟังคำสั่งครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ
“ตอนนี้ผมอยู่กับคุณอันนาครับ...เอาแบบนั้นเหรอครับ...ได้ครับ” หญิงสาวจับใจความได้ไม่มากนัก หากแต่วิชิตหันกลับมาหาเธอพร้อมรอยยิ้ม
“นายใหญ่เสร็จธุระพอดี กำลังขับรถตามมา นายใหญ่จะเป็นคนพาคุณอันนาเดินดูตลาดดอกไม้ด้วยตัวเอง” หญิงสาวพยักหน้าเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้
ไม่นานนักรถก็มาจอดที่ตลาดดอกไม้ขนาดใหญ่ พร้อมกับรอเธียรวิชญ์อีกครู่หนึ่ง ไม่นานนักรถสีดำคันหรู จึงจอดเทียบข้าง ๆ ก่อนร่างสูงจะเดินมาหาหญิงสาว
“วิชิตนายกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะดูแลอันนาต่อเอง”
“ครับนายใหญ่” อันนากับเธียรวิชญ์ยืนมองรถตู้คันใหญ่แล่นออกไปจนสุดสายตา แล้วหันมาจับมืออันนาเดินไปยังทางเข้าของตลาด หญิงสาวทอดสายตามองด้วยความตื่นตาตื่นใจ แผงดอกไม้ขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายวางขายแข่งกันจนสุดสายตา
“ร้านนี้ใหญ่จังเลยค่ะ” หญิงสาวหันมาทำดวงตาแวววาวใส่ ก่อนเขาจะยิ้มแหย ๆ ออกมา
“ผมลืมไป ผมฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่อง แล้วก็ให้วิชิตกลับไปแล้วด้วย” อันนาแอบขำใบหน้าซีดของเขาก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้มาดูก่อน วันหน้าค่อยมาถามราคาก็ได้ ไปดูร้านนั้นดีไหมคะ” คราวนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายจูงมือเขาแทน เธอลากชายหนุ่มเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านเดินกันขวักไขว่ไปมา เธียรวิชญ์แอบมองอันนาในตอนเธอเผลออยู่หลายครั้ง
อันนาเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นธรรมชาติในตัวเองสูงมาก เธอมักยิ้มให้กับอะไรง่าย ๆ อยู่เสมอ ภายในแววตาประกายแสดงความสดใสออกมาให้เห็นเป็นระยะ พร้อมลักยิ้มมุมปากน้อย ๆ จะเผยออกมาเมื่อเธอหันมายิ้มสบตากับเขา
“ดอกไม้นี้แปลกจังเลยนะคะ” อันนาหยิบดอกไม้สีเหลืองรูปร่างแปลกตาขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นอ่อน ๆ ของมันลอยขึ้นมาเตะจมูก
