บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 ล่อเหยื่อสำเร็จ

“ไม่เป็นไร พูดถึงความต้องการของนายใหญ่แกมาดีกว่า ธุรกิจที่ว่าคืออะไร” นายองอาจไม่อยากเสียเวลาจึงเข้าเรื่อง

“นายใหญ่ผมอยากเช่าโกดังนี้”

“ก็ได้นี่..โกดังนี้ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว”

“ปัญหาคือ นายผมอยากเช่าทำกาสิโน” ส.ส.องอาจ ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเดินเข้าไปใกล้นายวิชิตด้วยท่าทางเอาเรื่อง

“ฉันเป็นใคร พวกนายรู้ดี ฉันไม่ยอมทำเรื่องผิดกฎหมายให้ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอก” ชายกลางคนพูดพลางเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของนายวิชิต ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินขึ้นรถ

“ค่าเช่าเดือนละ สิบล้าน” นายองอาจชะงักเมื่อได้ยินตัวเงินที่อีกฝ่ายเสนอมา เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังหูฝาด จึงหันกลับมายังนายวิชิตอีกครั้ง

“ค่าเช่าเดือนละสิบล้าน ท่านฟังไม่ผิดหรอก นายใหญ่ผมต้องการโกดังนี้มาทำเป็นกาสิโน”

“หึ!โกดังตั้งมากมายในประเทศ ก็ไปหาเอาสิ” ชายกลางคนทำทีไม่สนใจ

“ไม่ใช่โกดังของใครก็ได้ แต่ต้องเป็นโกดังของท่าน ส.ส.องอาจเท่านั้นครับ”

“ทำไมต้องเป็นฉัน”

“เพราะนายใหญ่ ไม่ต้องการให้ตำรวจเข้ามารู้เห็น และฝีมือระดับท่าน ส.ส. จะทำให้กาสิโนของนายใหญ่ล่องหน มีอยู่..แต่ก็เหมือนไม่มี” วิชิตพูดเสร็จ จึงก้าวเท้าเข้ามาหาชายกลางคนอย่างตั้งมั่น

“เดือนละสิบล้าน ยังไม่รวมเปอร์เซ็นต์ที่นายใหญ่จะแบ่งให้กับท่านต่างหากด้วยนะครับ รวม ๆ แล้วเดือนละ สิบสองสิบสามล้าน” ท่าทางของนายองอาจ ทำให้วิชิตพลันหันหลังเดินกลับมา

“ถ้าท่าน ส.ส.ไม่ตกลงล่ะก็ นายใหญ่ผมก็มีสำรองไว้อีกหลายคน ไม่เป็นไรหรอกครับ กลับกันเถอะพวกเรา” ชายหนุ่มหันไปบอกพวกเตรียมตัวเดินทางกลับ

“นายใหญ่แกเป็นใคร” ก่อนที่นายองอาจจะรีบกล่าวถาม วิชิตยิ้มอ่อน

“นายผมไม่อยากเผยตัว” เขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้ม แล้วตอบแบบคนเหนือกว่า

“งั้นฉันขอไม่ร่วมงานเสี่ยง ๆ แบบนี้กับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า” นายองอาจตอบแบบไม่ไยดีเช่นกัน ก่อนจะหันเดินตรงไปยังรถคันหรู

“ถ้าวันนี้เราตกลงกันได้ เอาไปก่อนสองล้าน เงินสดไม่มีโอน”

“ท่านครับ เอาไงดี ดูท่ามันจะเงินหนาใช่ย่อย” คนสนิทกระซิบ ก่อนที่ชายกลางคนจะเบี่ยงตัวหันกลับมา

“ตกลง” เขารีบคว้าเอากระเป๋าเงินไปอย่างง่ายดาย โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการเสียดายเงินแม้สักนิด

“ถ้าตกลงแล้ว เดือนหน้านายใหญ่ผมขอดำเนินการสร้างกาสิโนเลยแล้วกันนะ ที่สำคัญท่านได้โปรดช่วยเป็นหูเป็นตาอย่าให้ตำรวจมาวุ่นวายละกัน” วิชิตกะโกนบอก ก่อนที่รถคันหรูจะแล่นจากไป พร้อมกับข้อตกลงที่ดูเหมือนจะครึ่ง ๆ กลาง ๆ

“สำเร็จแล้วกลับกันเถอะ” วิชิตหันไปบอกเพื่อน ก่อนที่รถตู้สีขาวจะแล่นออกจากบริเวณนั้นเช่นกัน

เสียงฝีเท้าของการ์ดคนสนิทเดินดุ่ม ๆ เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ในย่านสาทร

“วันนี้สำเร็จไหม” เธียรวิชย์ยกชาขึ้นดื่ม พลางทอดสายตามองตรงไปยังวิชิต ที่ดูเหมือนจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่านายใหญ่ของเขาจะนั่งรออยู่ที่โถงด้านล่าง

“สำเร็จครับนาย แต่ผมกลัวว่า เงินที่เราใช้ล่อมันสองล้านจะหายไป..อย่างไร้ร่องรอยน่ะสิครับ” วิชิตเข้ามานั่งแล้วแสดงสีหน้ากังวล ก่อนรอยยิ้มของเธียรวิชญ์ จะปล่อยออกมาด้วยความมั่นใจ

“หึ!คนละโมบอย่างมัน ไม่มีทางปล่อยให้รายได้เดือนละสิบล้านหลุดมือไปหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ

“แล้วมันจะคุ้มเหรอครับนาย”

“คุ้มสิ ฉันวางแผนไว้หมดทุกอย่างแล้ว นายมีหน้าที่ทำตามสิ่งที่ฉันสั่งเท่านั้นก็พอ พรุ่งนี้นายเดินทางกลับไปกัมพูชาก่อน ไปจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับอันนา ยังไงซะเธอจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของฉันอย่างแน่นอน” สายตาคมกริบ มองภาพในอนาคตออกมาเป็นฉาก ๆ

“จากประวัติของคุณอันนา เธอเป็นคนดีมากเลยนะครับ จากข้อมูลที่ได้มา เพื่อนของเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีอย่างมาก นายใหญ่คิดจะทำอะไรเหรอครับ”

“ฉันไม่เอาถึงตายหรอกน่ะ ต่อให้เป็นคนดีแค่ไหน ฉันก็ไม่สน ช่วยไม่ได้อยากโชคร้ายเกิดมาเป็นลูกของไอ้องอาจทำไม” เธียรวิชญ์วางถ้วยชาลง แล้วลุกเดินขึ้นห้องไปด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนเดิม

พร้อมกับเหล่าแม่บ้านพากันแยกย้ายกลับห้องพัก วิชิตทิ้งตัวลงนั่งพลางทำสีหน้าตึงเครียด ด้วยเพราะรู้สึกเป็นห่วงนายใหญ่ของเขาอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากอาบน้ำเสร็จ อันนาเดินมายังเตียงนอนสีหวานของตัวเอง วันนี้เป็นวันที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมี เธียรวิชญ์ที่ใครหลายคนต่างพูดกันว่าเขาเป็นหนุ่มเนื้อหอม เป็นผู้ชายแสนเย็นชายากหาใครเปรียบ เมื่อได้ใกล้ชิดแล้วกลับกลายเป็นชายหนุ่มแสนอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ

ทำให้อันนาหยิบมือถือขึ้นมา แล้วเลื่อนดูประวัติของเขาในกูเกิล ปรากฏว่าไม่มีรายนามของหญิงที่เขาเคยคบด้วยเลยแม้แต่คนเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel