บทที่ 8 ความบังเอิญ
แสงแดดยามบ่ายเป็นอะไรที่รินดาเกลียดที่สุด มันแผดเผาผิวขาวๆ ของเธอ รินดาเดินเข้ามาที่ไซด์งานที่ยังไม่ได้ขึ้นโครงสร้างแต่ มีเพียงทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นทำเลที่เหมาะสุดๆ กับการสร้างรีสอร์ทหรือโรงแรม เธอเดินเข้าไปด้วยหน้าตาเนือยๆ เหมือนคนจะหลับตลอดเวลา ตอนนี้มีกลุ่มพี่ๆ ที่ทำงานของเธอกำลังยืนคุยกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวออร่าจัด สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีดำพอดีตัว คล้ายๆ กับว่าเธอเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน
“อ้าวรินดามาแล้ว”
คนตัวเล็กยิ้มให้ชาญชัย เธอยกมือขึ้นไหว้เขาด้วยความนอบน้อม ผู้ชายตัวสูงหันมามองเธอ ทั้งคู่ถึงกับชะงัก
“คุณรินดา”
“คุณน่านฟ้า”
น่านฟ้าเป็นคนมาดูงานในครั้งนี้ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ หญิงสาวยิ้มแก้มแตก เมื่อรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับเขา น่านฟ้าก็เช่นกันสายตาดูดีใจไม่น้อย ที่เห็นรินดาอยู่ตรงนี้ ผู้หญิงที่เขาแอบชอบตั้งแต่แรกเห็น ได้มาร่วมงานกัน การทำงานครั้งนี้คงมีความสุขน่าดู
“รู้จักกันแล้วเหรอครับ”
ชาญชัยเอ่ยถามทั้งคู่ด้วยความสงสัย ว่าทั้งสองไปรู้จักกันตอนไหน
“รู้จักกันแล้วครับ...เจอกันบนเครื่องพอดีที่นั่งติดกัน”
“บังเอิญจังเลยนะคะ”
“นั่นสิ...พรหมลิขิตรึเปล่านะ หึๆ”
น่านฟ้าเอ่ยพึมพำเบาๆ กับตัวเองคนเดียวไม่ได้ให้คนอื่นได้ยิน
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะคะ?”
รินดาเอียงคอมอง พลางจ้องหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
“เปล่าครับไม่มีอะไร...เรามาเริ่มคุยรายละเอียดงานกันเลยดีไหมครับ”
“ได้ค่ะ ไปข้างในกันดีกว่า”
รินดาเดินนำน่านฟ้าไปที่แคมป์ที่สร้างไว้สำหรับเข้าประชุม พวกเขาคุยงานกันอยู่สักพักใหญ่ น่านฟ้าบอกรายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบโครงการที่เขาอยากได้ พอมาอยู่หน้างานรินดาก็ได้เห็นภาพชัดขึ้น ว่าควรจะปรับแต่งตรงไหนให้เหมาะสม มีการรับแสง รับลมให้โล่งโปร่งสบาย รายละเอียดที่ยิบย่อยพวกนี้เธอต้องประเมินหมด นอกจากความสวยงาม สิ่งเหล่านี้ต้องมาควบคู่กันด้วย แล้วยังต้องได้มาตรฐานนี่คือสิ่งสำคัญ เพราะเธอเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสกับการทำงานมาก
“คุณน่านฟ้าดูแบบอีกทีนะคะ”
คนตัวสูงขยับตัวเอียงมาหารินดาที่เปิดหน้าจอ Note Book ให้เขาดู รินดาต้องรีบเอี้ยวตัวหนีทันที เพราะมันใกล้กันจนแทบจะสิงร่างเธออยู่แล้ว ลมหายใจอุ่นพ่นรดต้นคอระหง จนขนอ่อนของเธอลุกตั้ง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“ผมว่าโอเคแล้วนะแต่...เดี๋ยวให้หุ้นส่วนอีกคนผมมาดูอีกทีดีกว่าครับว่ามันโอเคไหม เขายิ่งเรื่องมากอยู่ด้วย ฮ่าๆ แต่สำหรับผมโอเคเลยสวยมากครับ”
รินดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอคิดว่าเขาจะเป็นคนตัดสินเองได้ทั้งหมดเสียอีก
“แล้วเขาจะมายังคะ”
“เดี๋ยวตามมาพรุ่งนี้ครับ”
“ออค่ะ...งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ทีเดียวเลย”
“ครับผม”
รินดาพับ Note Book ทันทีที่การประชุมจบลง พลางหันไปส่งยิ้มให้น่านฟ้า ที่ยังจ้องมองเธอไม่ละตา จนเธอทำตัวแทบไม่ถูก
“เอ่อ...มีอะไรรึเปล่าคะ จ้องดาขนาดนั้น”
รินดาเอ่ยขึ้นดึงสติคนตัวสูงที่นั่งข้างกายเธอ น่านฟ้ายิ้มแหยๆ เมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองสาว
“เปล่าครับๆ”
“เอ่อ...คุณรินดาทานข้าวมายังครับ ไปทานข้าวกันไหม?”
“ตั้งแต่ลงจากเครื่องผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ”
น่านฟ้าเอ่ยปากชวนรินดา พลางยิ้มให้เธอตาหยี ชาญชัยที่นั่งอยู่ด้วยถึงกับกระแอมเบาๆ เขาทำราวกับว่าไม่มีชาญชัยนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเลย
“ชวนแต่น้องดาคนเดียวเหรอครับ ผมก็หิวนะครับ”
พี่ใหญ่ในบริษัทขัดคอขึ้น เพราะเห็นหน้ารินดาแล้วเธอคงไม่อยากไปกับน่านฟ้าสองต่อสอง ถึงแม้เธอจะแอบปลื้มในความหล่อเหมือนโอป้าของเขา แต่รินดาก็ไม่ชินกับการอยู่กับผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก เธอเป็นโรคกลัวผู้ชายที่เข้ามาจีบแบบเชิงรุกมากๆ และเพิ่งยิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อไม่นานมานี้เธอยิ่งคิดหนัก
“งั้นพี่ชาญชัยก็ไปด้วยกันเลยสิคะ...ได้ไหมคะคุณน่านฟ้า”
“ดะ...ได้ครับ”
น่านฟ้าตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียง เขาอุตส่าห์อยากอยู่กับรินดาตามลำพังสองต่อสอง แต่ดันมีก้างขวางคอเสียนี่
“คุณรินดาเลือกร้านได้เลยนะครับ”
รินดาคิดในใจให้เธอเลือกจะเป็นอย่างภูวิศไหม กินแล้วท้องเสีย พวกผู้ดีแบบนี้กินของข้างทางไม่ได้แน่ๆ
“คุณน่านฟ้าเลือกเลยค่ะ...ดากินอะไรก็ได้”
“อ่อ...งั้นได้ครับ ไปรถผมนะครับ เดี๋ยวผมโทรเรียกคนขับรถก่อน”
พูดจบน่านฟ้าก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาพนักงานขับรถทันที ไม่นานรถยุโรปคันสีดำก็เทียบจอดที่หน้าแคมป์คนงาน เขาผายมือให้รินดาเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนเขาก็นั่งตามเธอไปติดๆ และตามด้วยชาญชัยคนที่คอยเป็นก้างขวางคอเขา
รถเทียบจอดที่ร้านอาหารสุดหรู พวกเขาพากันลงมาจากรถ น่านฟ้าเป็นคนเดินนำรินดาและชาญชัยเข้าไปด้านใน เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในร้านตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นกระจกใสโปร่งโล่งสบายตา ฝ้าเพดานยกสูงยิ่งทำให้ภายในร้านดูโมเดิร์น การตกแต่งด้านในดูแปลกตาน่ามอง
“นั่งก่อนครับ”
น่านฟ้าขยับเก้าอี้ให้รินดานั่ง เธอค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งอย่างว่าง่าย พลางเอ่ยขอบคุณเขา
“สั่งเต็มที่เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ”
คนตัวสูงเอ่ยขึ้นพลางหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ รินดา ส่วนชาญชัยนั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่ ไม่นานพนักงานก็เดินเอาเมนูอาหารมาให้พวกเขาทั้งสาม
“เอาอันดูอิลเลตต์ ที่นึงครับ”
น่านฟ้าเอ่ยขึ้นกับพนักงาน รินดาและชาญชัยหันไปสบตากัน กับเมนูอาหารที่พวกเขาไม่เคยทาน ไม่รู้จะสั่งอะไร พวกเขาสองคนเลยสั่งตามน่านฟ้าไป
“พวกเราเอาเหมือนคุณน่านฟ้าค่ะ”
“ออครับ”
“น้องครับเอามา 3 เลยครับ แล้วก็เอาขาแกะย่าง 1 ครับ”
พูดจบน่านฟ้าก็ยื่นเมนูอาหารส่งคืนให้กับพนักงาน
“เอาอะไรเพิ่มกันอีกไหมครับ”
ทั้งคู่ส่ายหัวไปมา พวกเขาไม่รู้จะสั่งอะไร แล้วไอ้ที่สั่งมาไม่รู้จะกินได้รึเปล่าด้วย ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟหน้าตาน่าทาน มันเป็นไส้กรอกแบบไม่รมควัน ทำจากไส้และเนื้อหมู ผสมผ้าขี้ริ้วของลูกวัว แล้วปรุงรสด้วยหัวหอม สมุนไพร เกลือ และพริกไทยดำ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงเช่น มันฝรั่งบดหรือมันฝรั่งทอด จุดเด่นของไส้กรอกชนิดนี้คือกลิ่นที่ฉุนมากๆ เล่นทำเอารินดาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เพราะเธอทานมันไม่ได้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
รินดายิ้มแหยๆ ให้กับน่านฟ้า ไม่กล้าแตะอาหารที่อยู่ตรงหน้าเลย เพราะเธอไม่ชอบกลิ่นของมัน
“ดากินไม่เป็นค่ะ กลิ่นมันฉุนมาก”
เธอตอบไปตรงๆ อย่างไม่อาย เธอทานไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็นพวกข้าวผัดก็ว่าไปอย่าง นี้เมนูอะไรของเขากันเนี่ย แต่ชาญชัยทานได้หมด เขาเป็นคนลิ้นจระเข้อยู่แล้ว
“งั้นเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ดาไม่หิว”
“แน่ใจนะครับ...ตอนนั่งมาบนรถผมได้ยินเสียงคุณท้องร้องตลอดทางเลย”
คนตัวสูงที่นั่งข้างๆ เธอเอ่ยแซว เล่นทำเธอเสียอาการ ใช่ตอนนี้เธอหิวมาก แต่เลือกที่จะไม่กินดีกว่า เพราะว่าไอ้อาหารที่อยู่ตรงหน้ากลิ่นมันไม่พึงประสงค์เอาเสียเลย
“นี่ครับ งั้นลองกินขาแกะย่างดูนะครับ อร่อยมากครับร้านนี้...มาภูเก็ตผมแวะประจำ”
น่านฟ้าหั่นขาแกะย่างใส่จานให้รินดา เธอนั่งพิจารณาดูอยู่สักพัก แกะเหรอเธอไม่กล้ากิน แต่ทำอย่างไรได้ถ้าไม่ทานก็ดูน่าเกลียด เธอเลยต้องจำใจจิ้มมันใส่ปากแล้วรีบเคี้ยวๆ กลืนลงคอไปซะ
“อร่อยไหมครับ”
น่านฟ้าเอ่ยถาม พลางจ้องมองรินดาด้วยความอยากรู้ ว่าเธอชอบรสชาติของมันเหมือนเขาไหม รินดายิ้มให้น่านฟ้าพลางพยักหน้าให้เขา
“อร่อยค่ะ”
“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะครับ”
“ค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ”
รินดาพยักแล้วเอ่ยขอบคุณเขา น่านฟ้าแสดงทีท่าสนใจรินดาอย่างเห็นได้ชัด จนเธอวางตัวไม่ถูก เขาหล่อกระชากใจก็จริงหรอก แต่เล่นประชิดตัวแบบนี้มันรู้สึกเกร็งๆ
“พรุ่งนี้หุ้นส่วนคุณน่านฟ้าจะเข้ามาที่ไซด์งานตอนช่วงเช้าเลยไหมคะ”
รินดาเอ่ยถามเพราะเธออยากรู้เหมือนกัน คนที่เขาว่าเรื่องมากนี่หน้าตาจะเป็นแบบไหน
“ครับเข้ามาช่วงเช้าเลยครับ”
“โอเคค่ะ งั้นพรุ่งนี้ 09.00 น. เจอกันนะคะ”
