บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ความบังเอิญ2

ยามค่ำคืนของหญิงสาวที่อยู่ตัวคนเดียวในเมืองภูเก็ต รินดานั่งมองท้องฟ้าเพราะไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน ตอนนี้เธอยังไม่อยากหลับทั้งๆ ที่กลางวันง่วงเสียเหลือเกิน อยู่โรงแรมก็เบื่อไม่รู้จะทำอะไร รินดาเลยคิดว่าจะออกไปเที่ยวข้างนอกสักหน่อย เธอเลือกที่จะไปหาที่นั่งดื่มชิลๆ คนตัวเล็กเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว โชคดีที่เธอเอาเสื้อผ้าสำหรับใส่เที่ยวติดมาด้วย แม้กระทั่งชุดว่ายน้ำเธอก็หยิบใส่กระเป๋ามา

เมื่ออาบน้ำเสร็จคนตัวเล็กก็เดินมานั่งที่หน้ากระจก หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางมาแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า จากสาวเรียบร้อยดูเปรี้ยวจัดในพริบตา ชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำรัดรูปความยาวเลยหัวเข่ามาสองฝ่ามือ ด้านหน้าเผยให้เห็นเนินอกอิ่มเล็กน้อย แลดูไม่โป๊มากนัก เมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินทางไปที่ผับที่ดังที่สุดในเมืองภูเก็ตทันที

แสงไฟในผับกระทบผิวกายเหล่าบรรดานักท่องราตรี พวกเขาต่างโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม รินดาเลือกที่นั่งในมุมมืด เพราะเธอไม่ค่อยชอบคนพลุกพล่านนัก แต่จะให้ไปนั่งโซน VIP เธอคงไม่ยอมเสียเงินจ่ายแน่นอน

เมื่อนั่งดื่มไปสักพัก เธอก็เริ่มอยากขยับโยกกาย คนตัวเล็กเดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำ ยื่นโยกย้ายส่ายสะโพกไปมาแลดูเซ็กซี่ชวนมอง จนหนุ่มๆ หลายคนต่างพากับจับจ้องมองมาที่เธอ จังหวะที่รินดากำลังเงยหน้าขึ้นไปมองชั้นสองของโซน VIP มุมที่ดีที่สุด เธอถึงกับต้องขมวดคิ้วเป็นปมเข้าหากันทันที

รินดาเห็นภูวิศกำลังนั่งคลอเคลียกับหญิงสาว ราวกับกำลังจะเปิดศึกราคะ ณ ตรงนั้น เธอเอามือขยี้ตาตัวเองคิดว่าตัวเองตาฝาด พลางนึกในใจเมื่อเช้ายังนอนแหมบอยู่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ อยู่เลย แล้วตอนนี้มาโผล่อะไรที่ภูเก็ต

“ใช่อีตาบ้ารึเปล่าวะ หรือตาฝาด”

เธอพยายามเพ่งสายตาไปมองคนด้านบน ที่มือไม้อยู่ไม่เป็นสุข ลูบคลำตามเนื้อตามตัวหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสะสวย “ใช่จริงๆ ด้วย” เขามาโผล่ที่นี่ได้อย่างไรกัน แล้วหายท้องเสียแล้วเหรอ หรือที่อยู่โรงพยาบาลแกล้งทำเป็นท้องเสีย เพื่อแกล้งให้เธอเฝ้าไข้เขากันแน่ เกิดคำถามมากมายในใจ จนทำให้เธออดไม่ไหวที่จะต้องหาคำตอบ

คนตัวเล็กตัดสินใจเดินขึ้นไปด้านบน เพื่อดูให้เต็มตาว่าใช้ภูวิศจริงๆ ใช่ไหม สองเท้าก้าวเดินขึ้นไปอย่างช้าๆ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงคู่หนุ่มสาวที่กำลังนัวเนียกันอยู่ มือเรียวคว้าที่บ่าเล็กแล้วดึงตัวหญิงสาวออก เพื่อที่จะได้เห็นหน้าผู้ชายได้อย่างเต็มตา

“เฮ๊ย!!...ใครวะ”

คนที่ถูกขัดจังหวะเอ่ยออกมาอย่างหัวเสีย

“นี่คุณจริงๆ ด้วย มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...แล้วหายท้องเสียแล้วเหรอ?”

ภูวิศถึงกับตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นรินดายืนอยู่ตรงหน้า เขารีบผลักหญิงสาวที่กอดก่ายกันเมื่อคู่ออกไปจากตัวทันที ผู้หญิงคนนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก นี่มันเรื่องอะไรกัน อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาดึงเธอให้ตกสวรรค์ซะอย่างนั้น

“ทำไมผมจะมาอยู่ตรงนี้ไม่ได้”

“คุณแกล้งท้องเสียแล้วให้ฉันไปเฝ้าไข้ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่”

คนตัวใหญ่รูปร่างกำยำเอ่ยปฏิเสธออกมาทันควัน เขาไม่ได้แกล้งท้องเสียจริงๆ

“แล้วไหนบอกว่ามาทำงาน ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ?”

ภูวิศถามกลับทันที พลางมองรินดาสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เธอแต่งตัวแบบนี้มันเซ็กซี่น่ามอง จนเขาเองก็อดที่จะมองไม่ได้

“เรื่องของฉัน...ฉันไปล่ะ เห็นหน้าก็หายข้องใจแล้วว่าใช่คุณจริงๆ หรือเปล่า อย่าให้รู้นะว่าแกล้งหลอกให้เฝ้าไข้”

รินดาเตรียมที่จะเดินกลับไปแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อถูกภูวิศกระชากแขนเรียวเล็ก จนเธอเซถลาล้มลงไปอยู่ที่แผงอกแกร่ง ล้มทับผู้หญิงคนนั้นอีกที

“อร๊ายยยย...ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!”

“ออกไปก่อน”

ภูวิศเอ่ยไล่ผู้หญิงที่เขาเรียกมาใช้บริการ เขาเลือกที่จะรั้งรินดาให้อยู่กับเขาแทน หญิงสาวทำสีหน้าท่าทางไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำใจเดินสะบัดก้นออกไปจากตรงนั้นทันที

“ก็จะคุยกับคุณไง ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้ว นั่งดื่มด้วยกันก่อนสิ”

ภูวิศเอ่ยพลางเรียกเด็กมาชงเหล้าให้รินดา

“ไล่ไปทำไม...ไม่เอาแล้วเหรอ เมื่อกี้กำลังเข้าได้เข้าเข็มเลย”

“จิ๊!!...ก็คุณมาขัดจังหวะทำไมล่ะ”

คนตัวสูงเอ่ยขึ้นพลางยื่นแก้วเหล้าให้รินดา เธอรับมันมาแต่ไม่ได้ดื่ม รินดาวางแก้มเหล้าไว้ตรงหน้า พลางหรี่ตามองภูวิศราวกับว่าจ้องจับผิดเขาอยู่

“ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะหรอกนะ แค่อยากรู้ว่าใช่คุณไหม อยากรู้ว่าหลอกฉันให้เฝ้าไข้รึเปล่า ฉันไม่อยากเป็นอีโง่เข้าใจไหม?”

คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยคิ้วผูกโบทันที เหมือนรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกเลย เพราะตอนเช้ายังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล พอตกดึกมาโผล่ที่ภูเก็ต นั่งคลอเคลียอยู่กับสาวแบบนี้ เป็นใครก็คิดแบบเธอ

“ไม่ได้หลอกจริงๆ”

ภูวิศพูดพลางกระดกเหล้าเข้าปาก แล้วเอามือข้างขวาดันแก้วเหล้าให้รินดาดื่มตามเขา

“อย่าเสียมารยาทสิ”

“ฉันไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับคุณย่ะ”

ถึงแม้จะพูดว่าไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับเขา แต่รินดาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม พลางคิดในใจ วันนี้ได้กินของดี ของฟรีสบายกระเป๋า ไม่ต้องควักตังค์จ่ายเอง แบบนี้ใครจะไม่กิน

“ทำไมไม่หาแฟนเป็นตัวเป็นตน มานั่งมั่วผู้หญิงแบบนี้ไม่กลัวบ้างเหรอ?”

หญิงสาวเอ่ยถามราวกับสนิทสนมกันมานาน พลางกระดกเหล้าเข้าปากตัวเอง ไม่ใช่ว่าเธอจะดูถูกอาชีพพวกนี้หรอกนะ แต่เธอแค่สงสัยเฉยๆ

“ผมไม่ได้มั่วนะคุณ”

“เชื่อตายล่ะ...เมื่อกี้เห็นเต็มสองตา”

“นานๆ ที ไม่ได้มีบ่อยสักหน่อย”

รินดาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี นานๆ ที แบบนี้มันก็ไม่ใช่แค่คนเดียวป๊ะ

“เหรอ...พ่อคนหล่อเลือกได้”

“แล้วคุณล่ะมีแบบนี้บ้างรึเปล่า...เที่ยวผู้ชายไรงี้”

ภูวิศเอ่ยถามหน้าตาเฉย เหลือบสายตาไปมองหญิงสาว พร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปาก นี่เธอเป็นผู้หญิงนะ จะให้ทำตัวแบบผู้ชายได้อย่างไรกัน ให้ตายเถอะเขาใช้ตรรกะอะไรมาคิดเนี่ย ถึงได้กล้าตั้งคำถามแบบนี้กับเธอ

“นี่คุณ...ฉันเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชาย ที่จะนอนกับใครก็ได้แบบคุณ”

คนตัวเล็กขมวดคิ้วยู่เข้าหากันทันที สายตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“หรือไม่มีใครอยากนอนกับเด็กกะโปโลแบบคุณล่ะสิถ้า หึๆ”

ภูวิศเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พลางทำท่าทางกวนๆ ใส่รินดา เธอถึงกับควันออกหู ถึงเธอจะไม่เคยมีแฟน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเธอนะ อย่างน้อยก็น่านฟ้าคนหนึ่งล่ะ

“หึ๊ย!!...นี่ปากคนหรือปากหมากันแน่เนี่ย คำก็เด็กกะโปโล สองคำก็เด็กกะโปโล อย่ามาหลงเด็กกะโปโลคนนี้ก็แล้วกันนะ”

“ไม่มีวันซะหรอก”

“ถึงฉันจะกะโปโลอย่างน้อยวันนี้ก็มีคนมาจีบฉันก็แล้วกันย่ะ”

“ใคร?”

เมื่อได้ยินที่รินดาเอ่ยภูวิศถึงกับหันไปถามเสียงเข้มด้วยความอยากรู้ ว่าใครกันที่มันมาจีบเธอ

“จะรู้ไปทำไมเรื่องของเด็กกะโปโลอย่างฉันสิ”

“..........”

ภูวิศนั่งจ้องมองรินดาตาขวางที่เธอไม่ยอมตอบคำถามเขา แถมยังพูดจายียวนกวนประสาทอีก เขาอุตส่าห์ถามดีๆ พวกเขาทั้งคู่นั่งดื่มไปทะเลาะกันไปตลอดทั้งคืนจนผับเกือบปิด รินดาเมาแทบไม่ได้สติ จนภูวิศต้องเป็นคนพากลับโรงแรม แต่โรงแรมที่ว่าไม่ใช่โรงแรมที่รินดาอยู่นะ เป็นโรงแรมของภูวิศที่จองไว้ต่างหาก

“อื้อ...จะพาฉันไปไหน”

“ก็พาไปนอนไง บอกว่าอย่ากินเยอะๆ เล่นซะเมากลับโรงแรมไม่ถูกเลย ชื่อโรงแรมยังจำไม่ได้ ให้ตายเถอะ ถ้าไม่เจอผมคุณจะทำยังไงเนี่ย”

ภูวิศบ่นอุบที่เห็นสภาพหญิงสาวเมาจนขาดสติ มือข้างขวาล้วงคีย์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำตัวหรู แล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภูวิศพารินดาไปนอนที่เตียงนุ่ม พลางยืนจ้องมองหญิงสาวที่นอนหมดสภาพอยู่ตรงหน้า แล้วหันหลังเดินไปหยิบรีโมทแอร์เพื่อที่จะเปิดมัน

“ร้อน”

ไม่พูดเปล่ารินดายังถอดชุดสวยออกจนหมด เหลือเพียงแพนตี้ตัวจิ๋ว กับบาร์เซียลายลูกไม้สีดำ ที่ขลับผิวเธอให้ขาวนวลเนียน ภูวิศหันมาตามเสียงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้กลางกายชายของเขาพองขยายอย่างห้ามไม่ได้

ใบหน้าน่ารักแอบเซ็กซี่เล็กๆ หน้าอกที่ใหญ่เกินตัว รับกับเอวที่คอดกิ่วและสะโพกที่ผึ่งผายได้รูป สายตาเขาไล่ระดับไปที่หน้าท้องแบนราบ ลามไปยันเรียวขายาวที่ไร้ไขมันส่วนเกิน มันช่างสมส่วนพอดิบพอดี หุ่นเธอน่าฟัดจนเขาอยากจะกลืนน้ำลายตัวเอง ที่ว่า “ไม่มีวันเอาเด็กกะโปโลอย่างเธอทำเมียหรอก” 

“นี่ทำบ้าอะไรของคุณ...ถอดออกทำไม?”

ภูวิศพยายามใส่ชุดที่คนตัวเล็กถอดออกเมื่อครู่ อย่างทุลักทุเล แต่กับไม่ได้รับความร่วมมือ มือเรียวคล้องที่ต้นคอแกร่งเพื่อประคองตัวเองเอาไว้ไม่ให้หล่นไปที่พื้น ตอนนี้เลือดในกายชายพลุ่งพล่าน จนเขาเองทนไม่ไหว เพราะเนื้อตัวเสียดสีกันไปมา มันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ใคร่ในกายของชายหนุ่ม

“ร้อนอ่ะ...อยากอาบน้ำ พาไปอาบน้ำหน่อย อื้อออ”

“บอกให้พา.....”

ยังไม่ทันที่รินดาจะได้พูดอะไรต่อ ริมฝีปากหยักก็ทาบประกบทับริมฝีปากบางของหญิงสาว พลางสอดแทรกเรียวลิ้นร้อน กวาดต้อนควานหารสหวานภายในโพรงปากอุ่น ลิ้นสากเกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างช่ำชอง จนคนตัวเล็กอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน สัมผัสที่เธอไม่เคยได้รับมันมาก่อน มันรู้สึกวาบหวาม จนเธอเคลิบเคลิ้มตามไปกับรสสัมผัสที่นุ่มนวล และเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ

____________________

เดี๋ยวๆ ไหนบอกไม่เอาเด็กกะโบโลคนนี้ไง ใจเย็นๆ ก่อนอีพี่อย่ากลืนน้ำลายตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel