บทย่อ
“มั่นใจได้...ผมไม่เอาเด็กกะโปโลทำเมียหรอกครับ” เขาเอ่ยอย่างมั่นใจ รินดาคิดในใจ “คอยดูนะเด็กกะโปโลคนนี้จะเอานายทำผัวให้ได้เลย!!!” . . . “เด็ดไม่พอขอไม่เอาต่อนะคะ คุณเด็ดไม่ได้ครึ่งนึงของพี่โคเรย์เลย...กลืนน้ำลายตัวเองเป็นยังไงบ้างคะ? อยากรู้จังรู้สึกยังไง? แต่สำหรับฉันรู้สึกสนุกจังเลย ได้ปั่นหัวคนเล่นสะใจดี จาก.เด็กกะโปโลที่คุณเคยบอกว่าจะไม่มีวันเอาทำเมีย”
บทที่ 1แย่งดอกไม้
หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีชมพู ด้านหน้าเผยให้เห็นหน้าอกอิ่ม ผมดำสลวยยาวถึงหลัง หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา เธอสูงประมาณ 163 เซนติเมตรเห็นจะได้ คนตัวเล็กกระโดดโลดเต้น กวักไม้กวักมือเรียกเพื่อนรัก ที่ตอนนี้อยู่ในฐานะเจ้าสาวให้มาถ่ายรูปด้วยกัน
“มนมาถ่ายรูปกัน”
รินดาสาวน้อยวัย 25 ปี เรียกเพื่อนสาวที่กำลังคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเจ้าบ่าว ให้เพื่อนเดินมาหาเธอและกรวี เพื่อนผู้ชายคนสนิทที่ตอนนี้ยืนข้างกายเธออีกหนึ่งคน ไม่นานเจ้าสาวป้ายแดงก็เดินเข้ามาเธอและกรวี รินดายิ้มร่าด้วยความดีใจที่เห็นเพื่อนรักกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา
“โห...สวยมากเลยแก”
รินดาเอ่ยชมเพื่อนของตัวเองที่สวมชุดไทยจักรีสีเลือดหมูสวยงาม พลางก้มมองตัวเองแล้วยิ้มแหยๆ
“ดูฉันสิ... สวยไม่ได้ครึ่งแกเลย”
คนตัวเล็กทำหน้ายู่เมื่อเอ่ยถึงตัวเอง เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในหน้าตาตัวเองสักเท่าไร ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนน่ารัก มองเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ ยิ่งมองยิ่งดูน่าค้นหา รินดาเหลือบไปมองสายตาของกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าว ที่กำลังพูดคุยกันดูเหมือนว่านั่งซุบซิบนินทาอะไรเธออยู่ แต่เธอเลือกที่จะไม่ใส่ใจ แล้วหันไปกดชัตเตอร์ถ่ายรูปกับเพื่อนรักรัวๆ ราวกับเด็กน้อย รอยยิ้มหวานฉีกกว้างเกือบถึงใบหูแลดูน่ารักน่าเอ็นดู
“เพื่อนน้องมนน่ารักเนอะ จีบไหมไอ้วิศ...มึงอยากมีเมียอ่ะ”
โคเรย์เพื่อนเจ้าบ่าวเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อน พลางชี้ไปให้ภูวิศดูรินดาที่กำลังตั้งท่าถ่ายรูปกับเจ้าสาวราวกับเด็กน้อย
“ไม่อ่ะ...น่ารักก็จริง แต่ทำตัวอย่างกับเด็กกะโปโล”
ภูวิศส่ายหน้าเบาๆ เสป็คเขาไม่ใช่ผู้หญิงโก๊ะๆ แบบนี้ ต้องเซ็กซี่ยั่วยวนน่าฟัด แบบนั้นสิถึงจะถูกใจเขา
“จ้า...พ่อคนหล่อเลือกได้”
โคเรย์เอ่ยขึ้นพลางไหวไหล่อย่างกวนๆ ให้กับเพื่อนรัก
.
.
งานเลี้ยงช่วงค่ำดำเนินไปอย่างราบรื่น ถึงเวลาที่สาวโสดทั้งหลายรอคอย นั่นก็คือดอกไม้จากมือเจ้าสาว เป็นอีกสิ่งที่รินดาอยากได้ มีสาวๆ หลายสิบชีวิตต่างพากันมาแย่งรุมกัน เพื่อที่จะรอรับช่อดอกกุหลาบขาว เจ้าสาวหันหลังให้แขกผู้มีเกียรติ เพื่อเตรียมพร้อมจะโยนดอกไม้ออกจากมือ
กชมนโยนดอกไม้ช่อสวยออกจากมือ รินดาเพื่อนสาวคนสวยของเธอ กระโดดเด้งสุดตัว เพื่อจะไปคว้าเอาช่อดอกกุหลาบสีขาว ที่หลุดออกมาจากมีเจ้าสาว คนตัวเล็กดีดขากระโดดสูงทั้งๆ ที่อยู่ในเดรสรัดรูปโดยไม่ห่วงสวยเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอเดินถอยหลังตามช่อดอกไม้แสนสวย ที่ลอยคว้างอยู่กลางฟ้า แล้วก็ต้องสะดุดนั่งลงบนตักของใครบางคน มือหนารวบเอวเธอเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอล้ม อีกมือหนึ่งจับช่อดอกกุหลาบสีขาวที่รินดาต้องการ
“โอ๊ย!!”
รินดาหันไปมองคนแปลกหน้าที่เธอนั่งทับอยู่บนตักเขา พลางเหลือบมองดอกไม้ที่อยู่ในมือของภูวิศ
“เอามานี่เลยนะ นี่มันของฉัน”
คนตัวเล็กพยายามยื้อแย่งดอกไม้ในมือของภูวิศ แต่เขากับไม่ยอมให้เธอ แกล้งหญิงสาวแสนสวยจอมแก่นกะโหลก ที่โวยวายเขาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกัน
“ผมได้มัน คุณไม่เห็นเหรอมันอยู่ในมือผม ไม่ใช่ของคุณสักหน่อย”
“แต่ฉันจะเอา...เมื่อกี้ถ้าคุณไม่ขวางฉันก็ได้มันแล้ว”
“อยากมีผัวนักเหรอครับคนสวย...ผมช่วยสนองให้ได้นะครับ”
“ไอ้บ้า!!...ฉันไม่เอาแล้วก็ได้!!”
ภูวิศส่งสายตากวนๆ พูดจายียวนกวนประสาทรินดา คนตัวเล็กไม่อยากอยู่ต่อปากต่อคำกับเขา เลยลุกจากตักแกร่ง เดินหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
“สงสัยจะเจอเนื้อคู่แล้วมึง”
โคเรย์เอ่ยขึ้นกับภูวิศ แต่เขากับส่ายหน้าพลางทำหน้าเหมือนเจอเรื่องสยองผองขน ทุกคนหัวเราะร่ากับท่าทางของภูวิศ
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!!... จะได้อยู่แล้วเชียว อีกนิดเดียวเอง...แย่งไปแล้วแถมปากหมาอีก ชิ!!”
คนตัวเล็กบ่นอุบอยู่คนเดียวอย่างอารมณ์เสีย เธอไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายปากร้ายแบบภูวิศ หน้าตาก็หล่ออยู่หรอกแต่ปากหมา รินดาคิดแล้วแค้นใจ เจอครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย
“บ่นเป็นหมีกินผึ้งมาเชียว เป็นอะไรของแก”
กรวีเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของรินดาเอ่ยขึ้น เขายกมือหนายีผมเธอจนฟูฟ่อง คนตัวเล็กขู่ฟ่อ ทำตาเขียวปั้ดใส่เขาอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมาเล่นตลกอะไรทั้งนั้น เพียงเพราะดอกไม้แค่ช่อเดียว
“โดนผู้ชายแย่งดอกไม้เจ้าสาว อ่ะดิ”
“เรื่องแค่เนี๊ย!!!”
กรวีส่ายหัวไปมาอย่างรู้สึกระอากับนิสัยเด็กน้อยของเพื่อนรัก เรื่องไร้สาระเธอก็เก็บเอามาใส่ใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรรินดาก็จะเก็บมาใส่สมองให้รกหัวไปหมด
“แค่นี้อะไร... แย่งดอกไม้ยังไม่พอ ไอ้ผู้ชายคนนั้นยังปากหมาใส่อีก น่าเจ็บใจชะมัด!!”
คนตัวเล็กบ่นอุบ สีหน้าท่าทางอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด กรวีได้แต่นั่งขำเพื่อนตัวเองที่ทำตัวราวกับเด็กน้อยโดนแย่งของเล่น
“ยัยมนอยู่ไหนเนี่ย...”
“สงสัยเข้าหอกันแล้วมั้ง เห็นคุณปริญอุ้มเข้าห้องไปแล้ว...กลับกันเถอะ”
กรวีเอ่ยเพราะเขาเห็นปริญอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องไปแล้ว และก็ไม่ได้ออกมาเลย
“รอมันออกมาก่อนไหม”
รินดาเอ่ยขึ้นมา หวังว่าจะรอเพื่อนเพื่อกล่าวลา แต่หารู้ไม่ว่าถ้าเธอรอคงจะต้องเป็นพรุ่งนี้เช้าเลย กว่าเจ้าบ่าวจะปล่อยตัวเจ้าสาวออกมาได้
“ไม่ต้องรอแล้ว นี่มันก็ดึกแล้ว...ป่ะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่รถ”
กรวีเอ่ยพลางเดินนำหน้ารินดาไป
“ไม่ต้องหรอกแก เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ อยู่แค่ตรงนี้เอง...บาย”
หญิงสาวโบกมือบ๊ายบายเพื่อนรัก กรวีพยักหน้าอย่างเข้าใจพลางเดินไปที่รถของตัวเองแล้วสตาร์ทรถออกไปทันที รินดาหันไปที่รถของตัวเอง แล้วสาวเท้าก้าวเดินไปอย่างไว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากกระจับได้รูป กำลังยืนพิงรถซุปเปอร์คาร์สีดำคันหรู สูบบุหรี่พ่นควันสีขาวอยู่
ภูวิศที่กำลังจะกลับบ้านพอดี แต่เขายืนสูบบุหรี่อัดเข้าปอดอยู่ เหลือบไปมองคนตัวเล็กที่กำลังก้าวเท้าเดินมาที่รถ แล้วอยู่ๆ เธอก็หยุดชะงัก
“แมร่งเจอไอ้บ้านี่อีกแล้ว”
รินดาบ่นพึมพำอยู่คนเดียว พลางเดินไปเปิดประตูรถเพื่อที่จะก้าวเท้าเข้าไปในรถของตัวเอง
“รถยางแบนอ่ะ จะขับไปได้ยังไง?”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น พลางเหลือบมองยางรถล้อหน้าข้างขวาของรินดาที่แบนติดพื้น รินดารีบวิ่งมาดูที่ล้อรถของตัวเองทันที ให้ตายเถอะยางเธอแบนจริงๆ ด้วย
“นี่นายแกล้งฉันใช่ไหม!!”
คนตัวเล็กโทษภูวิศที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยเลย แต่เขากับโดนกล่าวหาว่าทำยางรถเธอแบน คนตัวสูงหันขวับมามองรินดาด้วยสายตากวนๆ พลางโยนบุหรี่ลงพื้น แล้วใช้เท้าขยี้ดับไฟมัน มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำเอาไว้หลวมๆ
“นี่คุณอย่ามาโทษคนอื่นมั่วซั่วสิ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ก็นายอยู่ตรงนี้...แล้วเพิ่งมีเรื่องกับฉัน นายต้องแกล้งปล่อยลมยางฉันแน่ๆ”
“บ้าไปแล้ว...ผมจะรู้ได้ไงว่ารถคุณคันไหน สมองมีไหม คิดสิคิด”
จริงอย่างที่ภูวิศพูดเขาจะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันไหนเป็นของเธอ ความซวยมาเยือนเธอแล้ว รินดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางทำหน้ามุ่ยใส่ผู้ชายตัวสูงราว 183 เซนติเมตร เธอเงยหน้าขึ้นไปมองภูวิศอย่างเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ใช่คนทำ แต่เธอรู้สึกขัดหูขัดตายังไงไม่รู้
รินดาควานหาโทรศัพท์มือถือเพื่อที่จะต่อสายหากรวี มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอยู่เป็นสิบๆ สาย แต่กรวีก็ไม่ยอมรับสายเธอสักที จนสายสุดท้ายก็ได้ยินว่า “ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการฝากหมายเลขโทรกลับ” แบตโทรศัพท์มือถือของกรวีหมดไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้รินดาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขไม่รู้จะทำยังไงดี และยิ่งมีคนที่ไม่ชอบขี้หน้ายืนอยู่ตรงนี้ด้วย เธอยิ่งรู้สึกกดดันเข้าไปใหญ่
“ไงเพื่อนไม่รับสายเหรอ?”
“เรื่องขอฉัน”
“อุตส่าห์จะช่วย ไม่ช่วยดีกว่าปากหมาแบบนี้”
“นี่นาย!!!...ว่าใครปากหมา”
“มีใครอยู่บ้างล่ะตอนนี้”
ภูวิศทำหน้าตายแสร้งตีหน้ามึน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เขาพูดออกไป รินดาถึงกับกำหมัดแน่นโกรธหน้าแดงเป็นฟืนเป็นไฟ เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ปากร้ายเท่าเขามาก่อนเลย
“นี่คุณ...มาสงบศึกแล้วคุยกันดีๆ ให้ผมช่วยไหม เดี๋ยวผมไปส่ง แล้วเดี๋ยวผมให้ลูกน้องผมเอารถคุณไปจัดการ เสร็จแล้วจะเอาไปส่งให้ถึงที่เลย นี่ผมเสนอตัวขนาดนี้แล้วไม่สนใจหน่อยเหรอ เห็นแล้วสงสาร”
ภูวิศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทางออก
“ฉันขึ้นรถแท็กซี่กลับเองได้”
รินดายังคงดื้อดึงอยู่ไม่ยอมให้ภูวิศช่วยเหลือ ทั้งที่ใจลึกๆ แล้วกลัวการขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านมาก
“ไม่กลัวเหรอ ข่าวผู้หญิงถูกคนขับแท็กซี่ข่มขืนออกจะเยอะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
“........”
ภูวิศแกล้งพูดให้รินดากลัว ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไร ที่ทำตัวไม่เหมือนผู้หญิงที่น่ารักน่าทะนุถนอม แต่เขาก็ทนเห็นคนตกที่นั่งลำบากแล้วไม่ช่วยเหลือไม่ได้ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทของกชมนด้วย ถือว่าช่วยๆ กันไปก็แล้วกัน แม้จะไม่ค่อยถูกชะตาเท่าไรก็เถอะ
“นี่นายกำลังแกล้งขู่ฉันใช่ไหม?”
คนตัวเล็กทำตาโตใส่ภูวิศ มือกำหมัดแน่น แต่ในใจก็นึกกลัวอย่างที่เขาพูด การนั่งแท็กซี่ตอนกลางคืน เป็นอะไรที่เธอไม่กล้าเสี่ยงเลย แล้วผู้ชายคนนี้เธอจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหนกัน
“ผมไม่ได้ขู่ ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็ไม่เป็นไร งั้นผมกลับก่อนนะครับ ขอให้โชคดี”
“เดี๋ยว!!”
“อะไรอีกครับคนสวย”
“ให้นายช่วยก็ได้...แต่ฉันจะไว้ใจนายได้แค่ไหน?”
“มั่นใจได้...ผมไม่เอาเด็กกะโปโลทำเมียหรอกครับ”
_______________________
เรื่องนี้ความปากหมายกให้เฮียภูวิศเลยค่ะ ดูซิว่าจะปากหมาได้ซักกี่น้ำ

