บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 คนเฝ้าไข้2

แสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านที่เปิดไว้ริมหน้าต่างบานใส รินดาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงร้องโอดครวญของชายหนุ่ม ภูวิศกำลังนอนดิ้นตัวงออยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาหน้าซีดเผือดถึงแม้จะได้รับยาแก้ปวดแล้ว แต่มันก็ยังคงทรมานอยู่ดี

“ปวดมากไหม เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้”

คนตัวเล็กจับที่ต้นแขนแกร่งของคนตัวใหญ่รูปร่างกำยำ ที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย พลางเอ่ยถามอาการของภูวิศ ตอนนี้แลดูไม่ค่อยสู้ดีนัก

“ไม่ต้องหรอก หมอมาแล้วตอนคุณหลับอยู่”

“อ้าว...ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ”

“เห็นคุณหลับเลยไม่อยากกวน โอยยย...ทรมานชิบ”

“ขอโทษที่พาไปกินหมูกระทะจนคุณต้องเป็นแบบนี้”

คนตัวเล็กทำตาปริบๆ พลางเม้มริมฝีปากตัวเองเป็นเส้นตรง ภูวิศเห็นสีหน้าท่าทางของรินดา แล้วนึกอยากแกล้งขึ้นมาทันที โทษฐานที่ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้

“งั้นถ่ายโทษโดยการเช็ดตัวให้ผมแล้วกันเช้านี้...ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

ภูวิศส่งสายตาเป็นประกาย กระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ส่วนคนตัวเล็กที่ยืนเกาะขอบเตียงอยู่ ถึงกับเอามือเรียวตีที่ต้นแขนแกร่งของภูวิศทันที

“จะบ้าเหรอ ให้พยาบาลเช็ดให้สิ”

“ผมบอกพยาบาลไปแล้วว่าเดี๋ยวจะให้คุณเช็ดให้ พยาบาลไม่เข้ามาแล้ว”

“นี่คุณ...จะใจร้าย ปล่อยให้ผมนอนเน่าอยู่อย่างนี้เหรอ”

ภูวิศเอ่ยพลางแสร้งทำหน้าหงอยแลดูน่าสงสาร จนรินดาต้องจำใจยอมเช็ดตัวให้เขา คนตัวเล็กเตรียมน้ำและผ้ามาเพื่อเช็ดตัวให้ภูวิศ มือเรียวค่อยๆ ดึงสายที่ผูกเสื้อผู้ป่วยออกทีละเส้น แต่ใบหน้าไม่ยอมหันมามองคนที่อยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย

ภูวิศเห็นแล้วอดที่จะขำไม่ได้ เขาดึงเสื้อออกเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง หน้าท้องที่เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน เป็นลอนสวยเหมือนผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก

“นี่คุณไม่มองแล้วจะเช็ดได้ไหม ผมถอดให้แล้วเสื้ออ่ะ”

คนตัวเล็กค่อยๆ หันมามองเธอถึงกับตาค้าง ภาพตรงหน้าทำเอาเธอมวนท้องไปหมด มันรู้สึกวาบหวามอย่างไรบอกไม่ถูก หน้าใสๆ เริ่มแดงเป็นลูกตำลึง เธอไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้าต่อหน้ามาก่อนเลย แล้วหุ่นเขาดีมาก มากจนเธอเองก็อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ พลางคิดในใจอยากจะเอามือไปลูบไปคลำให้หนำใจ ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นผู้หญิงเธอคงทำไปแล้ว

“จ้องซะขนาดนั้น ให้ผมถอดให้หมดเลยไหม”

“มะ...ไม่ต้อง ถอดแค่นี้แหละ”

รินดาค่อยๆ เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดตัวให้ภูวิศจนสะอาด เธอลูบวนไปที่ท้องน้อยของเขาเล่นเอาภูวิศเสียววาบไปทั้งตัว กลางกายชายแข็งขืนขึ้นมาทันที

“เช็ดข้างล่างด้วยนะ”

เขาเหลือบตามองมายังน้องชายตัวเอง ให้รินดาเช็ดทำความสะอาดให้เขาด้วย เธอถึงกับค้อนขวับมองหน้าคนป่วย ที่ได้แต่นอนออกคำสั่งอยู่บนเตียง

“นี่คุณ!!”

“มันตื่นมาทักทายคุณแล้ว”

“อะไร?”

“น้องชายผม...ดูสิน่ะ”

ไม่พูดเปล่าภูวิศยังจับมือเรียวมากุมที่เป้าของตัวเองอย่างจัง รินดารับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่พองขยายใหญ่โตเป็นลำๆ เธอพยายามจะชักมือออก แต่ภูวิศก็แกล้งดึงมือเธอไว้ให้จับมันอยู่อย่างนั้น

“เล่นแบบนี้ใช่ไหม...ได้!!”

มือเรียวรวบท่อนเอ็นอันใหญ่ กอบกำไข่ทั้งสองข้างแล้วบีบขยำมันเต็มแรงมือ จนภูวิศใบหน้าเหยเก ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รีบดึงมือของรินดาออกทันที

“โอ๊ยๆๆๆ ปล่อยๆๆ พอแล้วๆๆ”

คนตัวเล็กยืนขำคิกคักที่แกล้งให้คนบนเตียงให้เสียอาการได้ ตอนนี้ภูวิศทั้งเจ็บน้องชายแล้วก็ปวดท้องในเวลาเดียวกัน

“เล่นบ้าอะไรของคุณ ถ้ามันใช่งานไม่ได้ขึ้นมาคุณต้องรับผิดชอบ”

“คุณอยากให้ฉันจับเองช่วยไม่ได้”

พูดจบรินดาก็ทำการเช็ดตัวภูวิศต่อจนเสร็จ แล้วเอาข้าวต้มที่แม่บ้านนำมาเสิร์ฟมาป้อนภูวิศราวกับคนรักกัน ปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดีจนคนป่วยรู้สึกดีไม่น้อย ขนาดไม่ได้เป็นอะไรกันยังดูแลดีขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันจะดูแลขนาดไหนภูวิศนึกใจยิ้ม แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้

“ยิ้มอะไร...มากินข้าวคุณ กินเสร็จจะได้นอน ฉันจะได้กลับบ้านไปอาบน้ำ”

รินดาพูดไป ป้อนข้าวต้มภูวิศไป เขาอ้าปากรับข้าวต้มที่รินดาป้อน พลางมองหน้าหญิงสาวที่เขาเคยบอกว่าเป็นเด็กกะโปโลไม่ละตา ยิ่งดูเธอยิ่งน่ารักจนภูวิศอดที่จะมองไม่ได้ แต่ก็เท่านั้นเธอยังเป็นแค่เด็กกะโปโลในสายตาเขาอยู่ดี

“มองอะไร?”

“มองเด็กกะโปโลกำลังป้อนข้าวผม”

ภูวิศเอ่ยพลางยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เขาเริ่มถูกชะตากับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเข้าให้แล้ว เธอมีอะไรที่น่าค้นหาอีกเยอะเลย นิสัยที่กวนๆ น่ารักๆ แสบๆ ของรินดา มันทำให้ภูวิศอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้

“ไหนบอกไม่สนใจเด็กกะโปโลแบบฉันไง”

“แล้วใครบอกว่าสนใจล่ะ ผมไม่ได้บอกว่าสนใจคุณสักหน่อย”

“หึ๊ย!!! มันน่าป้อนให้ไหมเนี่ย!!”

รินดาทำหน้ายู่คิ้วผูกโบว์ขึ้นมาทันที พลางคิดในใจ “คอยดูนะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้นายหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลย” คนตัวเล็กตักข้าวต้มคำโตยัดใส่ปากภูวิศไม่ให้พูดมาก เพราะยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าหูเธอเอาเสียเลย

“ฉันจะกลับแล้ว นี่โทรศัพท์ โทรให้เพื่อนคุณมาเฝ้าเองแล้วกัน”

รินดายื่นโทรศัพท์ให้ภูวิศ เขายื่นมือไปรับมาอย่างงงๆ

“อ้าว...แล้วคืนนี้ใครจะเฝ้าผมล่ะ”

“ก็หาคนเฝ้าเองสิ ฉันไม่เฝ้าหรอก ป่านนี้น้ำยังไม่ได้อาบเลย ฉันจะกลับไปนอนแล้ว”

รินดาทำท่าจะเดินหันหลังออกไป แต่ก็ต้องเซถลาเข้ามาหาคนบนเตียง เพราะถูกภูวิศดึงรั้งไว้ ริมฝีปากบางประกบจูบกับริมฝีปากหยักอย่างจัง ภูวิศขลบเม้มริมฝีปากบางหยอกล้อให้คนตัวเล็กตกใจเล่น รินดารีบผละตัวขึ้นมาทันที

“ปากนิ่มจัง”

“อีตาบ้า...ทำอะไรของคุณเนี่ย”

“จูบเบาๆ”

“หึ๊ย!!!...ฉันจะไม่ไหวกับคุณแล้วนะ จะเอาอะไรกับฉันอีก ฉันจะกลับบ้าน”

รินดาเค้นเสียงออกมาจากลำคอ สายตาจ้องมองคนที่อยู่บนเตียงด้วยความแค้นเคือง ที่อยู่ๆ มาขโมยจูบเธอเสียนี่ เธอไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเลย 

“จะให้คุณอยู่เฝ้าผม เพราะคุณเป็นคนพาผมไปกินไอ้หมูกระทะนั่นจนผมท้องเสียเนี่ย”

“ไม่!!...ก็เฝ้าแล้วไงเมื่อคืนนี้”

ภูวิศแสร้งทำหน้าหงอยราวกับเด็กน้อยโดนทิ้ง

“เฮ้อ!!!....ให้มันได้ยังงี้สิรินดาเอ๊ย เวรกรรมอะไรของแกวะเนี่ย”

คนตัวเล็กบ่นพึมพำออกมาจากลำคอ สีหน้าท่าทางหงุดหงิดไม่ค่อยพอใจนัก เธออดที่จะสงสารภูวิศไม่ได้ ถ้าเธอไปใครจะอยู่เฝ้าเขา จะทิ้งให้อยู่คนเดียว ก็กลัวจะเดินเข้าห้องน้ำเองไม่ได้ แต่ตอนนี้อาการเขาก็ดีขึ้นมากแล้ว

“นะ นะ นะ พรีสสสสส”

“จ้างฉันสิ...ฉันถึงจะเฝ้า ชั่วโมงละพัน”

รินดาแกล้งพูดไปอย่างนั้นเพราะคิดว่าภูวิศจะไม่เอา แต่ที่ไหนได้เขาดันตอบตกลง

“ตกลง ดิลชั่วโมงละพัน”

“เฮ๊ย!!...นี่เอาจริงดิ”

“ก็จริงน่ะสิ ก็ดิลแล้วไง...ห้ามกลับคำเด็ดข้าม ถ้ายกเลิกโดนปรับ 3 เท่าตัว”

รินดาทำหน้าเซ็งๆ ก่อนที่จะขอตัวภูวิศกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกเขาลังเลกลัวว่ารินดาจะชิ่งทิ้งเขาไว้ที่นี่ แต่เธอรับประกันโดยการทิ้งกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือไว้ ภูวิศเลยยอมปล่อยตัวเธอกลับบ้านไป

เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง รินดาก็เปิดประตูเข้ามา เธอถึงกับต้องรีบวิ่งเข้าไปหาภูวิศ เพราะเขาล่วงลงมาจากเตียงผู้ป่วย แล้วคลานเข่าเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ รินดารีบพยุงตัวคนตัวสูงขึ้นมาอย่างไว

“จะเข้าห้องน้ำทำไมไม่กดออดเรียกพยาบาล”

คนตัวเล็กหน้าเสียเมื่อเห็นเลือดเต็มสายน้ำเกลือ

“เจ็บไหม?”

“เจ็บสิถามได้ โอยยย...พาผมเข้าห้องน้ำหน่อย”

คนตัวโตเอ่ยขึ้นพลางเบ้หน้า ยกแขนขึ้นมาดึงสายน้ำเกลือออกจากมือ เลือดสีแดงสดไหลเต็มหลังมือของภูวิศ รินดารีบหาสำลีมาเช็ดเลือดออกอย่างไว เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอันไหนก่อนลนลานไปหมด

“จะดึงทำไมเลือดไหลหมดแล้ว”

“ก็มันรำคาญนี่นา...โดนยิงยังไม่ทรมานเท่าท้องเสียเลยให้ตายเถอะ สาบานได้จะไม่ไปกินหมูกระทะร้านนั้นกับคุณอีกเลย”

ภูวิศบ่นอุบกับอาการที่เป็นอยู่มันทรมาน ทั้งปวดท้อง ทั้งจะอาเจียน คลื่นไส้ ผสมปนเปไปหมด

“โดนยิง...คุณเคยโดนยิงด้วยเหรอ?”

“...........”

ภูวิศลืมตัวเขานิ่งเงียบไปชั่วขณะ รินดาไม่รู้ว่าเขาเป็นมาเฟียที่ทำธุรกิจอสังหาฯ บังหน้า แต่เบื้องหลังกับค้าอาวุธ เรื่องโดนยิงมันธรรมดาไปแล้ว ความตายมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมตลอดเวลา ถ้าเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เธอคงไม่กล้าเข้าใกล้เขาอย่างแน่นอน

“เปล่าพูดไปอย่างนั้นแหละ...พาผมไปห้องน้ำผมไม่ไหวแล้ว”

รินดารีบพยุงภูวิศเข้าห้องน้ำทันที คนตัวเล็กนั่งรออยู่หน้าห้องน้ำเกือบสิบห้านาที

“นี่คุณตายคาชักโครกแล้วมั้ง”

“ยังไม่ตาย...เข้ามาเฝ้าผมข้างในไหมล่ะ บ่นอยู่นั่นแหละ”

ภูวิศเอ่ยย้อนสวนขึ้นมาอย่างกวนๆ ทำเอารินดาหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับ เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนกวนประสาทและปากดีเท่าภูวิศมาก่อนเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel