บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 อาหารมื้อพิเศษ

เช้าวันทำงานของรินดา เธอเข้าออฟฟิศมาด้วยสีหน้าแววตาหม่นๆ จนเพื่อนๆ ต่างพากันสงสัยว่าเธอเป็นอะไร ทำไมถึงดูหงอยผิดปกติ เพราะปกติแล้วรินดาจะเป็นคนร่าเริง เข้ามาก็ทักทายคนอื่น เสียงดังมาก่อนตัวเลยเสียด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้เธอกับเงียบจนผิดวิสัย

“ไงเพื่อน...เมื่อคืนมือถือแบตหมด เพิ่งเห็นข้อความเมื่อเช้า แล้วกลับถึงบ้านดึกไหม?”

กรวีเอ่ยขึ้น รินดาถึงกับอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ใครได้รับรู้

“ไม่ดึกแก”

รินดาเอ่ยออกมาไม่เต็มเสียง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กรวีสงสัยแต่อย่างใด

“แล้วรถไปไหนทำไมถึงต้องนั่งแท็กซี่”

กรวีอดสงสัยไม่ได้ ทั้งๆ ที่เพื่อนก็เอารถไปงานเลี้ยงด้วย แต่ทำไมขากลับถึงต้องนั่งแท็กซี่กลับ มันเสี่ยงมากเลยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวเวลากลางคืนแบบนั้น แถมเธอก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่ด้วย จัดว่าน่ารักเลยทีเดียวก็ว่าได้

“รถยางรั่วเลยต้องเรียกแท็กซี่กลับ”

น้ำเสียงของรินดาเริ่มสั่นเครือ เธอรีบปรับโทนเสียงให้เป็นปกติโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้เพื่อนรับรู้ว่าเมื่อคืนเธอเจออะไรมาบ้าง

“แล้วรถอยู่ไหนตอนนี้ เอาไปเข้าอู่ยัง”

“เรียบร้อยแล้วแก”

“โอเค...นึกว่ายัง ฉันจะได้จัดการให้”

พูดจบกรวีก็หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานตัวสีดำ พร้อมเปิด Note Book ขึ้นมาทำงาน รินดาก็เช่นกันเปิด Note Book เครื่องประจำของเธอขึ้นมาดูแบบของลูกค้า มันเป็นโปรเจ็คใหญ่ที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำในครั้งนี้

เธอเป็นคนที่มีความสามารถ ละเอียดรอบคอบ และมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ บวกกับโปรเจ็กต์นี้มีมัณฑนากรมืออาชีพ เธอเลยไม่ค่อยห่วงอะไรมากนัก จึงได้รับความไว้วางใจให้ทำงานใหญ่นี้

“อาทิตย์หน้าฉันไม่อยู่ทั้งอาทิตย์เลยนะ ไปดูไซด์งานที่ภูเก็ต โปรเจ็คนี้เจ้าของเรื่องมากด้วย เฮ้อ”

รินดาเอ่ยบอกกรวีที่นั่งอยู่ข้างๆ พลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อได้ข่าวแว่วๆ มาว่าเจ้าของโปรเจ็คเรื่องมาก เอาแต่ใจตัวเอง

“ไปทั้งอาทิตย์เลยเหรอ?”

“อืม”

เธอตอบเสียงเนือยๆ พลางเปิดโปรแกรม Autocad ขึ้นมาเพื่อเขียนแบบที่ค้างไว้ แต่ในหัวกับคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืน จนไม่มีกระจิตกระใจทำงาน ตอนนี้เธอกลายเป็นคนหวาดระแวงไปหมดเลย

.

.

ภูวิศขับรถมาเทียบจอดที่คฤหาสน์ใหญ่ของปริญ เขารีบเปิดประตูลงจากรถแล้วสาวเท้าก้าวยาวๆ เพื่อไปหากชมน

“มนอยู่ไหน”

ภูวิศเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเพียงแค่ปริญนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงคนเดียว

“ไอ้นี่...มาถึงก็ถามหาเมียกูเลยนะ เดี๋ยวกูเอากระสุนเจาะหัวมึงเลยดีไหม?”

ปริญยังคงแอบคิด ว่าตอนนี้ภูวิศยังแอบมีใจให้กชมนอยู่รึเปล่า แต่ภูวิศและกชมนรู้สึกต่อกันเพียงพี่น้องก็เท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่านี้แล้ว ภูวิศเข้าใจดีว่ากชมนเลือกเพื่อนตัวเองไม่ใช่เขา

“มึงก็หึงไม่เข้าเรื่อง กูมีเรื่องอยากถามน้องมน”

คนตัวสูงเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างๆ ปริญ ปริญถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย

“เรื่องอะไรของมึง”

“เรื่องของกู”

“สัส!!...มึงออกจากบ้านกูไปเลย กูถามดีๆ”

ปริญตวัดหางตาใส่ภูวิศ พลางพูดพยักพเยิดหน้าใส่เขา ที่ทำท่าทีร้อนรนจนน่าสงสัย ไม่นานกชมนก็เดินออกมาจากด้านในตัวบ้าน ในมือถือจานผลไม้มาด้วย เธอเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมผลไม้ให้ปริญ

“อ้าวพี่ภูวิศมาแต่เช้าเลย จะไปไหนกันเหรอคะ”

กชมนคิดว่าภูวิศมาหาปริญจึงเอ่ยทักไปอย่างนั้น คนตัวเล็กหย่อนก้นนั่งข้างๆ สามีตัวเอง พลางเลื่อนจานผลไม้ให้ปริญ

“มาหาน้องมนแหละ”

กชมนขมวดคิ้วยู่เข้าหากันทันที ที่อยู่ๆ ภูวิศก็มาหาเธอแต่เช้า มันต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ เลย

“มาหามน...มาหามนทำไมคะ”

เธออดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้

“เพื่อนน้องมนชื่ออะไร มีเบอร์ไหม พี่ขอหน่อยสิ”

กชมนส่ายหัวไปมา พลางยิ้มแหยๆ ให้ภูวิศ ไม่มีทางเธอไม่ยอมให้เบอร์เพื่อนเธอไปกับภูวิศง่ายๆ แน่

“พี่ภูวิศจะจีบเพื่อนมนเหรอ ไม่เอาหรอกมนไม่บอก มนกลัวเพื่อนมนช้ำใจ มันไม่เคยมีแฟนมาก่อน แล้วชีวิตมันยิ่งน่าสงสารอยู่ด้วย ถ้าถูกพี่ภูวิศหักอกขึ้นมาจะทำไง”

ภูวิศถึงกับทำหน้ายู่คิ้วผูกโบ นี่เขาดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แค่เที่ยวตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ ใช้ชีวิตแบบไม่ได้คิดอะไรมากมายก็เท่านั้นเอง ถึงจะเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่เขาก็ชัดเจนกินครั้งเดียวจบไม่กินซ้ำ

“ไม่ได้จะจีบ...พี่ไม่จีบเด็กกะโปโลแบบเพื่อนน้องมนหรอก”

“แล้วจะเอาไปทำไมคะ”

“.......”

ภูวิศนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาจะโทรไปขอโทษเธออีกรอบ ที่ทิ้งเธอไว้เมื่อคืนจนเจอเรื่องร้ายๆ เพราะตอนนี้ภูวิศยังรู้สึกผิดไม่หาย แต่ภูวิศก็ไม่กล้าจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กชมนฟัง ถ้ากชมนรู้ว่าเขาทิ้งเพื่อนเธอไว้ จนโดนไอ้แท็กซี่หื่นลากเข้าป่า เขาต้องโดนด่ายับแน่ๆ

“เหอะน่าขอหน่อย”

“ไม่ให้และไม่บอกด้วยว่าชื่ออะไร!!”

“น้องมนใจร้ายจัง”

คนตัวสูงทำหน้าหงอย ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกชมน เธอเป็นห่วงเพื่อนเธอจริงๆ เพราะกชมนรู้จักนิสัยภูวิศดีว่าเป็นคนเจ้าชู้ ชอบเที่ยวผับเที่ยวบาร์ คารมดี มีสาวๆ มารุมล้อมเต็มไปหมด กลัวรินดาจะไปหลงคารมของภูวิศ แล้วโดนเขี่ยทิ้งให้ช้ำใจ

“มนให้มันไปเถอะ ไอ้วิศมันไม่กล้าทำให้เพื่อนหนูเสียใจหรอก ปกติพี่ไม่เคยเห็นมันกระตือรือร้น เข้าหาผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยนะ นอกจากหนู!! และก็เพื่อนหนู”

ปริญเน้นย้ำชัดถ้อยชัดคำเรื่องที่ภูวิศชอบกชมนในสมัยอดีต เขายังไม่ลืมแต่เลือกที่จะปล่อยผ่านไป เพราะตอนนี้เขาก็ได้ตัวและหัวใจของกชมนมาครอบครองแล้ว

“ก็ได้ค่ะ แต่สัญญาก่อนนะห้ามบอกมันเด็ดขาดว่าได้เบอร์มาจากมน”

“โอเคๆ พี่สัญญาจะปิดปากให้เงียบที่สุด”

ภูวิศยิ้มร่าเมื่อได้รับความร่วมมือจากกชมน

“ชื่อรินดาค่ะ เบอร์โทรเดี๋ยวส่งไปให้ทาง Line นะ”

“โอเคครับ...งั้นพี่ไปก่อนนะ”

“อ้าวเห้ย!!...พอได้แล้วก็ไปเลยเหรอวะ”

ปริญตะโกนไล่หลังเพื่อนที่วิ่งออกไป โดยไม่สนใจพวกเขาสองคน คนตัวสูงวิ่งมาที่รถซุปเปอร์คาร์สีดำ แล้วพาตัวเองเข้าไปด้านในรถก่อนที่จะรีบขับออกไปจากบ้านปริญทันที

“จะโทรไปขอโทษอีกรอบดีไหมวะ”

ภูวิศบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่คนเดียว เขาตัดสินใจเมมเบอร์ไว้ที่โทรศัพท์มือถือเฉยๆ ไม่ได้โทรหารินดา ส่วนหนึ่งที่อยากคุยกับเธออาจเป็นเพราะรู้สึกผิด ที่ทำให้เธอต้องเจอเรื่องแย่ๆ เมื่อคืนนี้

.

.

รถญี่ปุ่นคันสีขาวของรินดาขับมาจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน เธอเลื่อนกระจกรถมาเพื่อที่จะเปิดประตูรั้วอัตโนมัติ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นซุปเปอร์คาร์คันสีดำที่เธอนั่งมาเมื่อคืนนี้จอดอยู่ข้างๆ กำแพงบ้าน

“อีตาบ้า มาทำไม?”

เธอไม่ได้สนใจอะไร รินดาขับรถเข้าไปในตัวบ้านทันที แล้วรีบปิดรั่วบ้านก่อนที่จะมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาด้านใน แต่ก็ไม่ทันภูวิศ เขารีบสืบเท้าก้าวเดินมาอย่างไว แทรกตัวผ่านรั่วสเตนเลสเพื่อเข้าไปหารินดา คนตัวเล็กทำหน้ายู่ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม

“นี่คุณมาทำไมไม่ทราบ”

รินดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำท่าทางไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นคนตรงหน้า

“อยากชวนคุณไปทานข้าว ไถ่โทษที่ทิ้งคุณไว้เมื่อคืนนี้”

“ไม่จำเป็นค่ะ...สนใจความรู้สึกเด็กกะโปโลอย่างฉันด้วยเหรอ ฉันไม่ไป!!”

ไหนตอนแรกบอกว่า “ไม่สนใจเด็กกะโปโลแบบเธอ” แต่ตอนนี้กับมาวุ่นวาย รินดายกยิ้มมุมปาก นึกอยากแกล้งคน ไหนๆ ก็เสนอตัวขนาดนี้แล้ว เธอก็สนองให้ก็แล้วกัน ดูสิว่าเด็กกะโปโลคนนี้ จะทำให้เขาหลงหัวปักหัวปำได้รึเปล่า แต่วันนี้ของแกล้งให้สะใจเอาคืนเสียก่อนแล้วกัน

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว...ไปก็ได้ แต่ฉันต้องเป็นคนเลือกร้านนะ”

รินดาคิดแผนแกล้งภูวิศเอาไว้แล้ว ดูสิว่าร้านที่เธอจะพาไปเขาจะกินได้รึเปล่า

“ได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา ป่ะกันครับคุณรินดา”

“รู้จักชื่อฉันได้ไง ฉันยังไม่ได้บอกเลย”

“ผมรู้ก็แล้วกัน ผมอยากรู้อะไรก็ต้องรู้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ หึๆ”

พูดจบเขาก็เดินนำรินดาไปที่รถซุปเปอร์คันหรูของเขาทันที รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านของรินดา ไม่นานรถก็เทียบจอดอยู่ที่ร้านบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ ทะเลเผา ราคาหัวละ 299 บาท มีผู้คนแออัดยัดเยียดเต็มไปหมด กลิ่นควันไฟฟุ้งกระจายตลบอบอวล พื้นเป็นหินเกร็ดธรรมดาไม่ได้ปูกระเบื้อง

“กินได้ไหม ฉันอยากกินหมูกระทะ”

รินดาหันไปถามคนข้างๆ ที่ตอนนี้ทำหน้าเจื่อนขึ้นมาทันที เขาไม่เคยมากินอะไรแบบนี้ แล้วที่สำคัญ ภูวิศไม่ชอบอะไรที่ต้องมาแย่งกันกิน แออัดยัดเยียดแบบนี้ แถมร้านยังดูเก่าๆ โทรมๆ สุขอนามัยจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะให้เขาพาไปร้านอาหารหรูๆ แพงๆ เสียอีก

“กินที่นี่จริงๆ น่ะเหรอ?”

“กินไม่ได้?”

“ดะ...ได้”

ภูวิศตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก พลางลอบกลืนน้ำลายลงคอ

“ได้ก็ลงสิมัวรออะไรอยู่ล่ะ”

พูดจบรินดาก็ปลดเข็มขัดนริภัย แล้วเปิดประตูรถเดินนำภูวิศเข้าไปด้านในทันที ตอนนี้ไม่มีที่นั่งให้เลือกมาก พวกเขาเลยต้องนั่งกลางแจ้งไร้หลังคาปกคลุม แสงแดดตอน 17.30 น.มันยังพอทำให้รู้สึกร้อนอยู่ ภูวิศต้องนั่งตากแดดหัวแดงอยู่อย่างนั้น นั่งมองคนตัวเล็กย่างหมูในกระทะ และปิ้งกุ้งที่เตาเผา อย่างช่ำชอง

“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่กินเหรอเดี๋ยวฉันย่างให้”

พูดจบคนตัวเล็กก็คีบหมูที่ย่างสุกแล้วใส่จานให้ภูวิศ และแกะกุ้งให้เขา

“กินสิฉันอุตส่าห์ทำให้เลยนะ ปกติไม่เคยย่างให้ใครกินเลย”

ภูวิศพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ เหมือนไม่อยากจะกิน เขากลัวท้องเสีย เพราะตัวเองลำไส้ไม่ค่อยดีอยู่ด้วย กินอะไรผิดสำแดงนิดหน่อยก็ท้องเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องจำใจกินของที่รินดาคีบมาใส่จานให้จนหมด เพื่อรักษาน้ำใจเธอ

“อืม...ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด”

เมื่อได้ชิมรสชาติ มันก็ไม่แย่อย่างที่เขาคิด กับอร่อยเสียอีกด้วย ภูวิศนั่งคีบหมูใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อยราวอดอยาก เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาได้เจอในวันนี้ “บุฟเฟ่ต์หมูกระทะ” กับ “เด็กกะโปโลที่เขาบอกว่าไม่มีทางเอามาทำเมีย”

------------------------------------------

เปิดประสบการณ์ใหม่ไปเลยค่ะอีพี่ อย่ากินเยอะนะเดี๋ยวท้องเสีย ห้าๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel