บทที่ 3 ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม
รินดาร้องไห้สะอึกสะอื้น พยายามขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผล มันเอาใบหน้าสากลากเลื่อนมาที่เนินอกอิ่ม ซุกไซ้ราวกับหิวกระหายมาแรมปี สัมผัสที่หยาบโลนมันทำให้รินดารู้สึกสะอิดสะเอียนเต็มทน ทำอย่างไรเธอถึงจะหลุดพ้นจากเหตุการณ์ตอนนี้ไปได้
“ปล่อยนะไอ้บ้า ฮือๆ อย่างทำฉัน”
มือหนาเตรียมจะกระชากชุดสวยออก แต่มันก็ต้องกระเด็นไปติดกำแพง ภูวิศกระโดดถีบไอ้แท็กซี่หื่นอย่างจัง พลางรีบพยุงตัวรินดาให้ลุกขึ้น รินดาโผลเข้ากอดภูวิศแน่น ในที่สุดก็มีคนมาช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือไอ้สารเลวนี่แล้ว
“ไปรอที่รถ”
คนตัวสูงเอ่ยเสียงเข้ม เธอทำตามอย่างว่าง่าย รินดาวิ่งไม่คิดชีวิต ไอ้แท็กซี่หื่นเมื่อตั้งหลักได้เตรียมที่จะสาวหมัดใส่ภูวิศ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อปืนกระบอกสีดำถูกจ่อเข้าที่กลางหน้าผากของมัน
“มึงเข้ามา...กูยิง”
แท็กซี่โฉดชูมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อบอกเป็นกลายๆ ว่าเขายอมแพ้แล้ว หน้ามันซีดขาวราวกับผี เมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์โกรธจัดของภูวิศ ที่จ้องมองมา ราวกับจะกระชากวิญญาณมันให้ลงหลุม
“ปล่อยผมไปเถอะนะครับ”
มันเอ่ยขอร้องภูวิศ แววตาของภูวิศมองคนตรงหน้าไม่ลดละ คิดจะให้ปล่อยมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอภูวิศคิดในใจ
“มือข้างไหนบ้างที่มึงจับผู้หญิงคนนั้น”
เขาเค้นเสียงออกมาจากลำคอ พลางเอาปืนจ่อเข้าไปที่หน้าผากของแท็กซี่หื่นคนนั้นด้วยความเดือดดาล จนมันเดินถอยหลังติดชิดกับกำแพงสูง
“อ้อ...ไม่ต้องตอบหรอก ทั้งสองข้างสินะ”
ปัง!! ปัง!!
“โอ๊ยยยยยย”
เสียงปืนดังลั่นสองนัด กระสุนทะลุเจาะผ่านฝ่ามือทั้งสองข้างของไอ้หื่นกาม มันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ภูวิศกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ สายตาเย็นยะเยือกจ้องมองคนตรงหน้าเอาเรื่อง
“รีบไสหัวไปก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ เอากระสุนเจาะเข้าไปในกะโหลกมึงแทน”
ไอ้แท็กซี่หื่นรีบลนลานไปที่รถของตัวเอง ทั้งๆ ที่มือทั้งสองข้างอาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด ภูวิศเมื่อจัดการกับไอ้หื่นกามได้แล้ว ก็รีบวิ่งกลับไปที่รถของตัวเองเพื่อที่จะไปดูรินดา ตอนนี้หญิงสาวร้องไห้จนตัวโยน พลางกอดเข่าคุดคู่แลดูน่าสงสาร หยาดน้ำตาสีใสไหลอาบแก้มนวล เนื้อตัวเธอมอมแมมไปหมด ภูวิศเปิดประตูรถเข้ามาหย่อนก้นนั่งที่เบาะนุ่ม เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะตัวของรินดา เธอสะดุ้งสุดตัวด้วยความหวาดกลัว จ้องมองภูวิศด้วยสายตาตื่นตระหนก ตอนนี้เธอไม่กล้าไว้ใจใครแล้ว
“ผมเองๆ ผมขอโทษที่ทิ้งคุณไว้ตรงนั้น...ไม่ต้องกลัวผมไม่ทำอะไรคุณแน่นอน”
เขาเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด เมื่อได้ยินสิ่งที่ภูวิศเอ่ยรินดาถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ใช่ถ้าเขาไม่ทิ้งเธอไว้ตรงนั้น เธอคงไม่ต้องมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่เขาย้อนกลับมาช่วยเธอไว้ให้พ้นจากเงื้อมมือของไอ้สารเลวนั่นได้ทันเวลา
“ฉันอยากกลับบ้าน”
คนตัวเล็กเอ่ยทั้งน้ำตา พลางเอามือถูตามเนื้อตัวที่ไอ้หื่นกามมันซุกไซ้ จนผิวขาวๆ เป็นรอยแดงเต็มไปหมด ภูวิศมองดูการกระทำของรินดาก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เขายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปกันใหญ่ นี่คงเป็นตราบาปในหัวใจเธอเลยสินะ
“ได้ๆ คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
รินดาไม่ตอบอะไรได้แต่มองออกไปผ่านกระจกทึบ เหม่อลอยไร้จุดหมาย ภูวิศรู้สึกผิดไม่น้อยที่เขาเป็นต้นเหตุให้หญิงสาวที่ร่าเริงกลับกลายเป็นคนเศร้าหมองแบบนี้
รถซุปเปอร์คาร์คันสีดำขับพุ่งทะยานออกจากจุดเกิดเหตุ มุ่งตรงไปที่บ้านรินดาทันที ไม่นานรถของภูวิศก็เทียบจอดที่บ้านของรินดา เป็นบ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่มากเพราะเธออยู่คนเดียว เธอเลยเลือกซื้อบ้านโครงการเล็กๆ
“คุณอยู่คนเดียวเหรอ”
รินดาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงภูวิศเอ่ยถาม เธอไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าให้ภูวิศ ดวงตายังคงเหม่อลอยไร้จุดหมาย ตอนนี้เธอเพิ่งผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา แถมยังต้องมาอยู่บ้านคนเดียว แบบนี้คงหวาดระแวงน่าดู
“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม”
ภูวิศเอ่ยขึ้นกับคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ ราวกับตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณที่ช่วย”
มือเรียวปลดเข็มขัดนิรภัยออก ภูวิศจับแขนเรียวเล็กเอาไว้ รินดารีบดึงกลับอย่างไว เธอยังคงตกใจไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอระแวงไปหมด
“เดี๋ยวผมให้ลูกน้องเอารถมาให้นะ”
“ค่ะ”
“อยู่คนเดียวได้จริงๆ ใช่ไหม”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ภูวิศรู้สึกเป็นห่วงรินดาขึ้นมาจับใจ โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง ที่ปล่อยเธอทิ้งไว้ตรงนั้น
“อยู่ได้ค่ะ”
“ไม่เอาผมอยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
พูดจบเขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูรถก้าวลงรถทันที คนตัวสูงวิ่งไปฝั่งคนนั่งเปิดประตูรถให้รินดา เขาพยุงตัวเธอออกมาอย่างทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน แต่ก็ถูกเธอสะบัดตัวออกให้ห่างจากตัวเธอ
“เอ๊ะ!!...บอกว่าอยู่ได้ก็อยู่ได้สิ คนที่น่ากลัวที่สุดคือคุณ คุณทำให้ฉันต้องเจอเรื่องแบบนั้น อึก”
พอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รินดาก็อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ รินดารีบพาตัวเองเข้าไปในบ้านอย่างไว แต่ภูวิศกับถือวิสาสะเดินตามไปติดๆ โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของรินดาเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมหน้าด้านจัง”
“ผมก็เป็นของผมแบบนี้อยู่แล้ว ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณน่ะดีแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องกลัว”
“ก็บอกแล้วไงไม่ต้อง...คนที่ฉันกลัวคือ คุณ!! คุณ!! คุณ!!”
รินดาโกรธจัดที่ภูวิศยังคงดื้อดึงไม่ฟังคำเธอ เขาทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายไม่พอ ยังจะมายุ่งวุ่นวายกับเธออีก นี่เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่
“ผมเป็นห่วงคุณนี่ กลัวคุณจะอยู่ไม่ได้”
ภูวิศเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ เขารู้สึกเป็นห่วงรินดา ไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียว อย่างน้อยมีเขาอยู่กวนประสาทไม่ให้เธอต้องคิดมากก็ยังดี
“เป็นห่วงเด็กกะโปโลแบบฉันด้วยเหรอ?”
รินดาขมวดคิ้วยู่เข้าหากันทันที พลางนึกในใจไหนบอกว่าไม่สนใจเด็กกะโปโลแบบเธอไง แล้วตอนนี้จะมาห่วงทำไม
“ก็ใช่น่ะสิ...ยิ้มหน่อยยัยเด็กน้อย”
ภูวิศพยายามสร้างรอยยิ้มให้กับรินดา เขาอยากเห็นเธอยิ้มมากกว่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ ตอนที่เธอยิ้มน่ารักกว่าเป็นไหนๆ รอยยิ้มที่เขาเห็นตอนที่เธออยู่กับกชมนและเพื่อน มันดูเหมือนโลกทั้งใบสดใสไปหมด
“ฉันไม่ใช่เด็กน้อย แล้วฉันก็ไม่รู้จักคุณด้วย อยู่ๆ จะมานอนบ้านคนอื่นทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเนี่ยนะ”
คนตัวเล็กรู้สึกฉุนไม่น้อยที่ภูวิศดื้อดึง ไม่ยอมออกไปจากบ้านเสียที วันนี้เธอเหนื่อยมามากพอแล้ว เธออยากพักผ่อน ไม่อยากมายืนต่อปากต่อคำกับเขาสักหน่อย อยากจะอาบน้ำนอนแล้ว รู้สึกขยะแขยงคราบน้ำลายของไอ้หื่นนั่นเต็มทน
“ก็ทำความรู้จักกันสิครับ”
“ไม่จำเป็น...เชิญค่ะ”
รินดาดันตัวภูวิศให้ออกไปจากบ้านของเธอด้วยความทุลักทุเล แล้วรีบปิดประตูบ้านอย่างไว
“ชื่อยังไม่รู้จักเลย จะมานอนบ้านคนอื่น อีตาบ้า...คนบ้าอะไรหน้ามึน”
คนตัวเล็กบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่จะรีบไปอาบน้ำชำระล้างคราบสกปรก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกขยะแขยงเต็มทน ภูวิศยังคงไม่ไปไหนเขานั่งอยู่ในรถของตัวเอง เมื่อไฟในบ้านดับลงเขาจึงขับรถออกไปจากตรงนั้นทันที
“ทำไมต้องห่วงขนาดนี้ด้วยวะ ไม่ได้เป็นอะไรกับเราสักหน่อย”
ภูวิศบ่นพึมพำกับตัวเองขณะขับรถอยู่ ตาก็มองถนนปากก็พร่ำบ่นอยู่อย่างนั้น ในใจคิดไปต่างๆ นา นา ว่าเธอจะนอนร้องไห้ไหม เธอจะเหม่อลอยเหมือนตอนอยู่บนรถไหม เธอจะกลัวไหม แล้วเธอจะเกลียดเขาไหม ที่ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนั้น
รถหรูจอดเทียบที่คอนโดฯ ใหญ่ใจกลางเมือง ภูวิศก้าวขาออกมาจากรถแล้วขึ้นลิฟต์ส่วนตัวไปชั้นบนห้องของตัวเอง คนตัวสูงเดินหยุดอยู่ตรงหน้าห้องก่อนที่จะหยิบคีย์การ์ดมาแตะและกดรหัสผ่านเข้าไปด้านใน เขาพาตัวเองไปนั่งอยู่บนโซฟาสีเบจตัวนิ่ม ก่อนที่จะกดเบอร์หาวายุ ลูกน้องของเขาให้เอารถของรินดาไปจัดการส่งคืนให้เธอถึงที่บ้าน
“คืนนี้เธอจะนอนร้องไห้ไหมนะยัยเด็กกะโปโล”
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
รถญี่ปุ่นคันเก่าของรินดาถูกจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าบ้านของเธอแล้ว เธอเดินไปดูรอบๆ รถก็พบว่า ภูวิศจัดการเปลี่ยนยางให้เธอหมดทั้งสี่เส้นเลย ไม่ใช่แค่ยางหน้าข้างขวาที่แบนติดดินข้างเดียว
“เปลี่ยนใหม่ให้หมดเลยเหรอ...โอ๊ะ ดีจังไม่ต้องเสียตังค์เอง ประหยัดไปหลายบาทเลย”
ใช้ว่าเงินเดือนสถาปนิกคนเก่งแบบเธอจะน้อย แต่รายจ่ายมันก็มากพอกับรายรับ เลยต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ไหนจะต้องส่งไปให้ทางบ้านอีก น้องสาวตัวแสบของเธอก็กำลังเรียนหนังสือ แล้วไหนจะค่าผ่อนบ้าน และจิปาถะมากมาย อะไรที่ประหยัดได้เธอก็ประหยัด ถ้ามีเวลาเธออยากหารายได้เสริมเสียด้วยซ้ำ
_________________
ไม่รู้จักกันจะมานอนบ้านเค้าได้ไงอีพี่นี่
