4.ป๋าพร้อมเปย์
*** ทักทายคร้า ***
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป มณีจันทร์ก็ขยับไปเบียดประตูอีกฟาก ใบหน้างามบึ้งตึงอย่างไม่พอใจแม้เขาจะช่วยไว้ก็เถอะ ในเมื่อช่วยแล้วพูดกวนประสาทแบบนี้เธอคงไม่ต้องรักษามารยาทแล้ว
บรรยากาศในรถก็เริ่มอึดอัดต่างคนต่างเงียบ หากหางตาคมมองปลีน่องเรียวนวลเนียนที่ตรึงสายตาตั้งแต่แรกเห็นอย่างอดใจไม่อยู่ แต่เมื่อรถไม่ได้ไปในทิศทางที่ต้องการ มณีจันทร์ก็นิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป
“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอหันไปถามเขาทั้งตัว ก่อนจะมองออกไปนอกตัวรถอย่างหวั่น ๆ
ร่างสูงขยับตัวจัดสูทตัวนอกให้เข้าที่...นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็กลัวเขาเหมือนกัน...จิมมี่พึมพำในใจอย่างเป็นต่อ
“ผมไม่รู้นี่ว่าคุณจะไปไหน คนของผมก็ขับไปที่โรงแรมที่ผมพักสิครับ”
มณีจันทร์ตาโตจ้องเขาเขม็ง ในขณะที่อีกฝ่ายมองออกไปนอกตัวรถอย่างไม่เดือดร้อน เมื่อไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบหญิงสาวก็เดือดพล่านขยับกายเข้าไปใกล้
“ฉันบอกคุณอังเดรแล้วว่าจะไปโรงพยาบาล” มณีจันทร์ตระโกนใส่หน้าเขา จิมมี่หันขวับมาเผชิญหน้า หญิงสาวผงะแต่ถอยห่างไม่ทันปลายจมูกเล็กรั้นชนกับปลายจมูกโด่ง ทั้งเขาและเธอนิ่งงันราวต้องมนตร์ ลมหายใจเป่ารดกันและกันจนหัวใจดวงน้อยหวั่น ๆ กับความใกล้ชิด ครั้นจะผละห่าง วงแขนแข็งแรงก็โอบรัดเอวคอดไว้และรั้งเข้าไปชิด มือบางเลยยกขึ้นยันอกกว้างไว้
“นี่คุณปล่อยนะ!”
“เข้ามาอ่อยป๋าเองนะสาวน้อย”
เขายั่วแววตาเป็นประกาย จมูกกดลงบนแก้มนุ่มพร้อมกับสูดความหอมเข้าจนเต็มปอด
“ผู้ชายฉวยโอกาสนิสัยแย่ขนาดนี้ ฉันไม่อ่อยให้เมื่อยหรอก ปล่อย แล้วก็บอกคนของคุณจอดรถฉันจะลง”
เธอมองเขาตาเขียว แต่จิมมี่กลับอารมณ์ดีอย่างประหลาด ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นพูดแบบนี้ป่านนี้เขาคงจัดการลงโทษให้อ่อนระโหยโรยแรงไปแล้ว
“ใครจะรู้ บางทีนายคณิตอาจจะส่งคุณมาทำรถเสียให้ผมช่วย ไม่ต้องใช้แผนนี้ก็ได้ ยังไงป๋าก็ไปหาแน่” เขาบอกแววตาล้อเลียน แต่เธอมองมาตาเขียวปัด
“ป๋าลามก ฉันกับพี่คณิตไม่เคยคิดชั่วแบบนั้น ไม่มีคุณทีแท็คก็อยู่ได้”
“แน่ใจ?” เขาถามพลางไล้แก้มนวลเบา ๆ แล้วซุกไซ้ด้วยปลายจมูก ปากก็จูบซับจนเธอสะท้าน ความหอมหวานที่ได้สัมผัสทำให้จิมมี่ไม่คิดจะหยุด
“อย่านะไอ้ป๋าบ้า ปะ” นั้นเป็นคำต่อว่าต่อขานครั้งสุดท้าย เพราะริมฝีปากได้รูปเคลื่อนไปปิดกลีบปากนุ่มและบดขยี้อย่างเร่าร้อน มณีจันทร์หัวใจแทบหยุดเต้น ลมหายใจเหมือนถูกเขากระชากออกจากร่าง จิมมี่จูบและเล็มริมฝีปากและดูดดึงหนักเบาสลับกันไปมาจนเธอจับต้นชนปลายไม่ได้ แรงกดคลึงทำเอาเธอเจ็บแทบน้ำตาร่วง ร่างงามเริ่มอ่อนแรงเพราะถูกเขาปลุกเร้าแรงปรารถนาที่ซุกตัวอยู่ในกายให้ลุกโชนขึ้น
จากตอนแรกที่ต้องการแค่หยุดคำบริภาษ หากเวลานี้เขาก็หยุดไม่ได้ เพราะริมฝีปากนุ่มทำให้เขาต้องตักตวงความหวานนั้นไว้ ลิ้นสากพยายามแทรกผ่านเข้าไปสัมผัสความหวานด้านใน แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ยอม เม้มปากแน่นอย่างดื้อดึง
“ฮึ่ม” จิมมี่ครางอย่างขัดใจ มือใหญ่เคลื่อนไปตามแผ่นหลังบางอย่างเล้าโลม และเสือร้ายก็ใช้ชั้นเชิงที่เหนือชั้นเคลื่อนฝ่ามือไปตามสีข้าง แล้วลากฝ่ามือผ่านทรวงอวบอัดที่ดันชุดราตรีออกมา ร่างงามสะดุ้ง เอนตัวออกห่างและดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง
“อื้ม...อื้ม”
เธอครางประท้วง พร้อมกับเบือนใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า ลิ้นสากที่รอจังหวะอยู่แล้วก็เคลื่อนเลื่อนไหลเข้าไปในโพรงปากชื้นได้สำเร็จ จากนั้นก็จัดการดูดซับความหวานดุจน้ำค้างกลางหาวอย่างอิ่มเอม แถมปลายลิ้นสากยังหยอกเย้าตวัดกวาดคว้านจนเธออ่อนระทวย
ฝ่ามือที่ทำหน้าที่เหนือทรวงอวบก็ลูบคลำเคล้นคลึงไม่หยุด ร่างงามขานรับความเสน่หาแสนร้ายกาจของเขาจนไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน
เขาจูบซับเรียวปากหวานดูดดื่มเนิ่นนาน จนมณีจันทร์รู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดอากาศหายใจลงทุกขณะ ร่างกายอ่อนแรงแต่สัญชาตญาณของการปกป้องตัวเองตอกย้ำใจให้ฮึดสู้
หญิงสาวรวบรวมกำลังที่เหลือดันแผงอกกว้างออกห่าง จิมมี่รู้ว่าเธอกำลังต้องการอากาศหายใจ ใบหน้าคมสันหล่อเข้มเต็มไปด้วยเสน่ห์จึงเคลื่อนต่ำไปตามดวงหน้า ลำคอระหง แล้วลากไล้ริมฝีปากไปตามบ่าขาว
“อย่าค่ะ พอได้แล้ว” เธอบอกเสียงสั่น เรือนกายตึงเครียด ความรู้สึกทางธรรมชาติที่ซ่อนเร้นอยู่ในกายตื่นตัว หากความสดใหม่หอมละมุนทำให้จิมมี่ไม่ยอมห่าง ตั้งหน้าตั้งตาตักตวงความหอมอย่างเอาเป็นเอาตาย มณีจันทร์หลุบสายตามองลำคอแกร่ง และก้มลงไปกัดมวลมัดกล้ามที่บ่ากว้างเพื่อหยุดการกระทำชวนสยิวของเขาจนจมเขี้ยว
“อ๊ากกก” จิมมี่ร้องพลางยกตัวออกห่าง หญิงสาวก็ตามติดชนิดกัดไม่ปล่อย มือหนาบีบปลายคางมนจนเธอยอมถอนเขี้ยวออก ดวงตาสองคู่สบกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
“ชอบรุนแรงก็ไม่บอก ป๋าจะได้ตอบสนองให้ถึงใจเลยทูนหัว” เขาบอกเสียงพร่า ดันแผ่นหลังบางติดกับพนักพิง
ดวงตาคมโตตื่นตระหนก ยกมือดันใบหน้าที่โน้มลงมาชิด
“อย่านะคุณจิมมี่ ก็คุณเอาแต่จูบทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ใครเขาจะยอม” เธอเบือนหน้าหนีจมูกโด่งที่คลอเคลียข้างแก้ม
***
