แผนรักซาตานร้าย

71.0K · จบแล้ว
ทรายสีเงิน
48
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ไปไหน” เธอพึมพำตามองหาเจ้าของห้องแต่ก็ไม่เห็น ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ แล้วหันกลับไปที่ประตู แต่หน้าผากนูนก็ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างอย่างจัง “โอ๊ย!” มณีจันทร์ร้องตกใจ ร่างเซไปข้างหลังจนเกือบจะล้ม ดีว่ามีวงแขนแข็งแรงรวบเอวบางไว้และกอดกระชับเธอแนบอก “จะไปไหนอีกล่ะ” เสียงทุ้มดังอยู่บนศีรษะทำให้เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง และอกสั่นขวัญหายเมื่อมองไรขนบนอกกว้าง หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อเมื่อทั้งตัวเขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มเพียงตัวเดียว ลำแขนกลมกลึงยกขึ้นกั้นกลางระหว่างเขาและเธอ “ไม่เห็นคุณนี่คะ จะให้อยู่ทำไม” เธอบอกพลางดิ้นออกจากวงแขน จิมมี่กอดกระชับแน่นและจับปลายคางมนเชยขึ้น “ไม่กล้าสู้ความผิดสิไม่ว่า” เขาบอกด้วยเสียงหน้าเคร่งเครียด หญิงสาวสะบัดหน้าหนีเขาก็บีบปลายคางไว้จนเธอต้องจับมือใหญ่นั้นไว้ “ไม่มีหลักฐานอย่าปรักปรำคนอื่น บางทีคนของคุณอาจจะแอบทำเสียเอง” เธอกล่าวหาเขาเสียงห้วน จิมมี่แสยะยิ้มและเป็นยิ้มที่มณีจันทร์เย็นยะเยือกไปทั้งตัว ปลายนิ้วแข็งแรงไล้แก้มนวลจนเธอต้องผละห่างอย่างหวั่นๆ “อย่าเบี่ยงประเด็นสิคุณ ผมต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น” “ฉันจะไปหาคำตอบให้ คุณก็ไม่ยอมให้ไป แล้วฉันจะมีคำอธิบายอะไรให้ล่ะ” เธอสบตาคมอย่างเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเตรียมจะพูดต่อ แต่เขาก็ฉกวูบลงไปจูบหนักๆ แล้วถอยห่างออกมา “อื้อ คนฉวยโอกาส” เธอมีโอกาสอีกเพียงเท่านั้นเสียงต่อว่าก็เงียบหายในลำคอ เพราะถูกริมฝีปากอุ่นร้อนปิดกั้น ตามมาด้วยความซ่านสะท้านด้วยสัมผัสเสน่หา…

นิยายรักโรแมนติกประธานพลิกชีวิตเศรษฐีโรแมนติก18+

1.นางสมันล่อนายพราน

*** ทักทายคร้า ***

รถยนต์สีดำคันใหญ่วิ่งไปตามถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานบันเทิงชื่อดังของเมืองไทย นักท่องราตรีทั้งกระเป๋าหนักและนักเที่ยวหน้าใหม่ไม่มีใครที่ไม่รู้จักอาร์ซีเอย่านสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยแสงสีและอบายมุขทุกรูปแบบ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาตรวจตราเป็นระยะ

จิมมี่ ฮิลล์ นักธุรกิจสายเลือดไทย-อเมริกัน เจ้าของเส้นทางการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียอาคเนย์นั่งมองความวุ่นวายนอกตัวรถด้วยแววตาเรียบเฉย ใช่ว่าเขาชอบมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ แต่ที่มาวันนี้ก็เพราะผู้ขอร่วมทุนต้องการเลี้ยงต้อนรับการมาเมืองไทย ถ้าจะบอกปัดก็ดูจะไม่เหมาะ จิมมี่เลยจำต้องรับคำเชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ รถยนต์คันใหญ่วิ่งผ่านไฟแสงสีแต่ละร้านไป พร้อมกับที่ดวงตาคมกริบช่างสังเกตของอังเดร กวาดมองรอบตัวเพื่อระวังภัยให้เจ้านายหนุ่ม

ในที่สุดรถก็วิ่งมาจอดที่หน้าอาคารหลังใหญ่ที่มีป้ายชื่อขนาดใหญ่เขียนว่าแฮปปี้ไนต์โชว์หราอยู่ด้านหน้า

“ดูท่าทางนายคณิตลงทุนมากกว่าทุกครั้งนะครับบอส” อังเดรเอ่ยพลางมองกระจกเบื้องหน้าเพื่อหาความผิดปกติ

ริมฝีปากได้รูปของคนที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังเหยียดยิ้ม

“มันจะได้รู้ว่าคิดผิดที่ใช้ของพวกนี้ล่อฉัน” จิมมี่บอกเสียงเรียบ สายตาคมมองไฟกะพริบที่วิ่งวนอยู่รอบตัวอักษรขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีน้ำพุพุ่งสลับกันขึ้นลงหยอกเย้าแสงไฟ ตรงกลางมีนางอัปสรายืนส่งยิ้มเชื้อเชิญคนที่เดินผ่านให้เข้าไปในร้าน

เมื่อไม่มีความผิดปกติใด ๆ อังเดรก็ก้าวลงไปเปิดประตูให้เจ้านายหนุ่ม

“เชิญครับ”

เสียงของคนสนิทดึงสายตาคมมองไปที่ทางเข้าร้านซึ่งมีเด็กหนุ่มสองคนอยู่ในชุดสูทผูกเนกไทยืนต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้า ร่างสูงสง่าสวมกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกก้าวลงจากรถอย่างสง่า

สาวสวยที่นั่งเรียกแขกอยู่หน้าร้านต่างหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนจะวิ่งกรูกันมาต้อนรับ แต่สายตาคมกริบใต้คิ้วเข้มแข็งกร้าวขึ้น พวกนางจึงพากันเบรกจนตัวโก่งเพราะรังสีดุดันแผ่กระจายอยู่รอบกายของจิมมี่จนพวกเธอไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้ว่าเขาจะหล่อลากดินแค่ไหนก็เถอะ

“เชิญค่ะท่าน แฮปปี้ไนต์ยินดีต้อนรับค่ะ”

ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ยอมชายตาแลสาวงามทั้งสามแม้แต่น้อย

จิมมี่และอังเดรเดินผ่านประตูเข้ามาโดยไม่ต้องยื่นบัตร เมื่อหลุดเข้ามาข้างในทั้งสองก็ต้องหยุดเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัว

วายุ มือขวาของนายคณิตเดินมารับไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นของลูกค้าวีไอพี

“สวัสดีครับคุณจิมมี่ รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่คุณรับคำเชิญของเรา”

จิมมี่ยื่นมือไปจับตามมารยาท แต่หางตาคมเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายนายคณิต ร่างกลมกลึงอยู่ในชุดราตรีสีดำยาวเหนือเข่า เรียวขายาวกระทบแสงไฟนวลเนียนจนเขาต้องก้มมองอย่างเลี่ยงไม่ได้

นายคณิตเห็นชายหนุ่มสนใจของกำนัลที่จงใจนำมาใส่พานให้ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ

“มณีจันทร์ น้องสาวผมเองครับ เธอจะเทกแคร์คุณขณะที่เราเจรจาธุรกิจ”

จิมมี่มองดวงตาเรียวรูปไข่เต็มตา ก่อนจะหันไปมองคณิต

“คุณคงรู้นะว่าผมไม่ร่วมธุรกิจกับใครง่าย ๆ บางทีการเจรจาอาจยาวนานเป็นปี”

คณิตหัวเราะในลำคอ

“มณีจันทร์จะเทกแคร์ จนกว่าคุณจะใจอ่อนยอมขนส่งสินค้าให้กับทีแท็คเอนเตอร์ไพรส์”

เมื่อทักทายกันพอสมควร คณิตก็เชิญแขกนั่ง มณีจันทร์รู้หน้าที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้โซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่มที่เธอต้องดูแลเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง

กลิ่นกายหอมกรุ่นจากกายสาวกระทบปลายจมูกจนจิมมี่ต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด

“ขอผมดูรายละเอียดอีกครั้งก่อนก็แล้วกัน ถ้าสินค้าของทีแท็คไม่มีปัญหาเราก็ยินดีส่งให้”

คณิตหันไปมองมณีจันทร์ที่นั่งฟังการเจรจาอยู่เงียบ ๆ

“สินค้าของเราไม่เคยมีปัญหาค่ะ เรามีใบส่งออกไปที่ปลายทางอย่างชัดเจน ทางคุณสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว”

สีหน้าบึ้งตึงของนายคณิตคลายออกเมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายตอบแทน จิมมี่กระตุกยิ้ม สายตาคมกริบมองใบหน้าสวย

“ไม่รู้สิ ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์สินค้าด้วยตัวเองเสียก่อนว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือเปล่า”

ความหมายในคำพูดของชายหนุ่มทำเอามณีจันทร์ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า คณิตเห็นแววตาพึงพอใจของจิมมี่ที่มองหญิงสาวก็ยิ้มอย่างพอใจ

“ได้ทุกเมื่อครับ ทางเราพร้อมจะให้คุณตรวจสอบทุกอย่าง” คณิตบอกนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง

จิมมี่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ

“ทุกอย่างเลยเหรอ” มือหนาวางแก้วลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้า ก่อนจะเหลือบตามองคณิตที่นั่งอยู่ตรงหน้า

คณิตเข้าใจความหมายในสายตาคมก็หันไปสบตาคมโตของน้องสาวต่างมารดา

“แน่นอนครับ” คณิตบอกอย่างมั่นใจ

มณีจันทร์มองแววตาเรืองรองของคณิตอย่างหวั่นใจ เธอกลัวว่าเงื่อนไขที่ตกลงกับเธอจะเปลี่ยนไปโดยที่อีกฝ่ายไม่บอกตรง ๆ

“ดี...ถ้างั้นพรุ่งนี้อังเดรกับทีมงานของผมจะเข้าไปเยี่ยมชมทีแท็ค” จิมมี่สรุปพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ลำแขนแข็งแรงวางไปตามความยาวของพนักพิง มณีจันทร์ขยับตัวมาด้านหน้าเพราะกลัวว่ามือหนาจะเผลอวางบนบ่าบาง ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อย ๆ คณิตขึงตาใส่หญิงสาวอย่างไม่พอใจ

“ผมคิดว่าคุณจะเข้าไปดูเองเสียอีก”

คณิตเอ่ยอย่างผิดหวังนิด ๆ ก่อนจะมองหน้าอังเดรที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังคนเป็นนาย

“พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว คงใช้เวลาอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน อังเดรจะรายงานทุกอย่างที่เขาเห็น เพราะฉะนั้นเขาเห็นอะไรผมก็เห็นเหมือนกัน” จิมมี่บอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยื่นมือไปตรงหน้ามณีจันทร์

“เต้นรำเป็นเพื่อนหน่อยสิคุณผู้หญิง”

มณีจันทร์มองหน้าคณิตอย่างไม่สบายใจ แต่ดูเหมือนพี่ชายต่างมารดาจะเห็นผลประโยชน์มากกว่าความรู้สึกของเธอแล้วตอนนี้

“แต่ฉันเต้นไม่เก่ง กลัวจะทำให้คุณขายหน้านะคะ” เธอหาทางเลี่ยง จิมมี่มองคณิตเพื่อขอความเห็น

“ไปสิจันทร์ คุณจิมมี่อุตส่าห์ให้เกียรติแล้วยังเล่นตัวอีก” คณิตกดเสียงต่ำพร้อมกับบังคับเธอด้วยสายตา มณีจันทร์จำต้องลุกขึ้นยืนแล้ววางมือบนฝ่ามือใหญ่ จิมมี่จับมือบางเดินไปกลางฟลอร์ ลำแขนแข็งแรงโอบเอวบางแล้วรั้งเข้าไปชิด มือบางข้างหนึ่งดันอกกว้างไว้

“คุณกอดแน่นไปหรือเปล่าคะ” เธอเตือนเขาเสียงสั่น

“คุณว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด” จิมมี่ทำเป็นได้ยินไม่ถนัด โน้มใบหน้าลงไปหาจนปลายจมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มนวล มณีจันทร์หน้าแดงเบือนหน้าหนี หัวใจเต้นแรงรัวอย่างไม่เคยเป็น เสียงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดซอกคอขาว

“ฉันรู้ว่าคุณได้ยิน แต่คุณต้องการแกล้งฉัน” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคม

จิมมี่คลี่ยิ้มแววตาเป็นประกายเรืองรอง วงแขนแกร่งโอบประคองเธอเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเสียงเพลง

“ผมไม่เคยแกล้งผู้หญิง นอกจากทำให้หมดแรง”

คำพูดตรงไปตรงมาของเขาทำให้เธอต้องหลุบตามองแผงอกกว้าง พูดไปก็ถูกเขาย้อนจนได้อาย สู้สงบปากสงบคำน่าจะดีกว่า แต่จิมมี่ไม่ยอมให้เธอเงียบอย่างที่ต้องการ เอ่ยถามอย่างใคร่รู้

“คุณทำงานตำแหน่งอะไรในทีแท็ค”

“การตลาดค่ะ”

เธอตอบสั้น ๆ และแกล้งเหยียบเท้าใหญ่เพื่อจะให้เขาเจ็บ แต่จิมมี่เหมือนจะรู้ขยับเท้าไปด้านหลัง วงแขนกอดรัดเอวบางแน่นจนเธอต้องเตือน

“คลายมือออกสิคะ ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ”

“อย่าดิ้นสิ นายคณิตมองอยู่ไม่เห็นเหรอ ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจ ผมอาจจะไม่บรรทุกสินค้าของทีแท็คไปอเมริกาก็ได้นะ”

“ไม่ต้องมาขู่ ไม่มีคุณเราก็หาเจ้าใหม่ได้” เธอบอกหน้าตึง ใบหน้าคมก้มลงไปคลอเคลียข้างแก้มอีกครั้ง หญิงสาวหันไปขึงตาใส่ ทำให้ริมฝีปากเขาและเธอประกบกันอย่างไม่ตั้งใจ

***