2.นางสมันล่อนายพราน
*** ทักทายคร้า***
มณีจันทร์ถึงกับนิ่งงันไม่ยอมขยับเขยื้อน จังหวะนั้นไฟในห้องก็ถูกหรี่จนเกือบมืด เสียงพิธีกรดังขึ้นโดยมีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ
“สามนาทีแห่งความมืดมิดของราตรีเพื่อให้คู่รักได้บอกรักกันให้หวานสุดใจครับ”
สิ้นเสียงพิธีกรหนุ่ม จิมมี่ก็กดคลึงริมฝีปากอิ่มอย่างหนักหน่วง และขบเม้มทั้งบนและร่างเบา ๆ มณีจันทร์วาบหวามในอกงงงวยกับจูบแรกที่ถูกเขาปล้นเอาอย่างไม่ทันตั้งตัว มือหนาที่จับมือบางเคลื่อนไปกอดรัดร่างงามไว้ทั้งตัว กว่าจะครบสามนาทีเธอก็แทบอ่อนระทวยจนยืนด้วยตัวเองไม่ได้
เมื่อครบสามนาทีไฟในห้องก็สว่างขึ้น จิมมี่จำต้องถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ขนตางอนยาวกะพริบปริบ ๆ สติยังมาไม่เต็มร้อย จิมมี่ยิ้มให้ดวงตาคมโตที่จ้องมองเขม็งแล้วไล้แก้มปลั่งสีแดงเบา ๆ
“ถ้าจะให้ป๋าใจอ่อน จูบต้องเป็นสับปะรดมากกว่านี้สาวน้อย” เขากระซิบบอกข้างใบหูเล็ก ก่อนจะยื่นริมฝีปากไปเม้มเบา ๆ แต่ทำเอาเธอขนลุกไปทั้งตัว
“คนบ้า ฉันจะฟ้องพี่คณิตว่าคุณไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาคิด” ร่างกลมกลึงเบี่ยงตัวออก เขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี มณีจันทร์เดินหน้าตึงกลับไปนั่งที่เดิมโดยมีร่างสูงเดินตามหลังมา
“ไม่สนุกเหรอครับคุณจิมมี่” คณิตถามพลางส่งแก้วเครื่องดื่มให้
“ผมชอบคู่เต้นที่เต็มใจมากกว่า”
ความหมายในคำพูดของชายหนุ่มทำให้คณิตตวัดสายตาไปมองมณีจันทร์อย่างไม่พอใจ
“แกไปขัดใจอะไรคุณจิมมี่ยัยจันทร์”
หญิงสาวขยับตัว ตาคมตวัดค้อนเขาอย่างโกรธกรุ่นที่ทำให้เธอถูกดุ ในขณะที่เขายังคงนั่งมองใบหน้าแดงระเรื่อของเธออย่างอารมณ์ดี
“จันทร์เปล่านะคะ แต่แขกพี่เขา...” มณีจันทร์หยุดพูดเพียงเท่านั้น จิมมี่เลยยิ้มให้ แววตาเป็นประกายอย่างเป็นต่อ
“เขาทำไม ฉันก็เห็นเขาเต้นรำกับแกอยู่ดี ๆ”
“เอาละครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน รู้สึกเหนื่อย ๆ อยากพักผ่อน” จิมมี่ลุกขึ้นยืนทำให้ทุกคนต้องลุกตาม เมื่อยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ คณิตจึงลองต่อรองอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ผมอยากให้คุณจิมมี่ไปดูงานในทีแท็คด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่คุณต้องเดินทางไปเกาะพรุ่งนี้ ถ้าเดินทางช้าอีกวันสองวัน ผมว่าจะให้จันทร์เขาไปเป็นเพื่อน คุณจะได้ไม่เหงา”
“พี่คณิต!” มณีจันทร์เรียกพี่ชายต่างแม่อย่างตกใจ
เมื่อมีคนเสนอ มีหรือเสือผู้หญิงอย่างจิมมี่จะไม่สนอง เพราะความหวานนุ่มของริมฝีปากนุ่มยังหอมกรุ่นติดตรึงในใจ
“ผมชักอยากไปดูทีแท็คแล้วสิ” เขาบอกพลางชำเลืองมองดวงหน้าสวย
คณิตแอบยิ้มในใจที่เสือยอมกินเหยื่อที่ใช้ล่อ
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้” พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้อง
คณิตแทบกระโดดตัวลอยอย่างดีใจ เพราะจิมมี่ไม่เคยสนใจบริษัทที่จะร่วมงานมากขนาดนี้ แต่คนที่ไม่รู้ตัวว่ากลายเป็นเหยื่อนั้นหน้าตึงเพราะถูกเขารังแก
“ทำไมพี่ต้องแคร์เขามากขนาดนั้นด้วยคะ ถึงไม่มีเขาเราหาบริษัทอื่นก็ได้นี่”
คณิตหุบยิ้มแล้วจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากนูนแรง ๆ จนมณีจันทร์หน้าหงายไปข้างหลัง
“แกมันโง่แบบนี้น่ะสิ พ่อถึงไม่ยอมยกสมบัติให้ หมอนั่นมันมีทั้งเงินและอิทธิพล ถ้ามันบรรจุสินค้าเราไปสิงคโปร์ ด่านแต่ละประเทศที่สินค้าเราผ่านก็จะไม่ถูกตรวจสอบ เพราะมีชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างฮิลล์กรุ๊ปการันตี”
“สินค้าเรามีคุณภาพอยู่แล้วทำไมต้องกลัวคะ”
“เรื่องนี้แกไม่ต้องยุ่ง ยุ่งเรื่องหาเงินไปผ่าตัดก้อนมะเร็งในตัวแม่แกออกมาก็พอ ถ้างานนี้แกทำให้เขาเซ็นสัญญาขนสินค้าให้เราได้ ฉันจะออกค่ารักษาให้น้าอุไรทั้งหมด” คณิตเอาเรื่องแม่ของหญิงสาวที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมาขู่
แม้จะกังวล แต่มณีจันทร์ก็ดีใจที่แม่เธอมีโอกาสได้ผ่าตัด เพราะลำพังเงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดคงไม่พอที่จะรักษาแม่เป็นแน่ ในเมื่อเธอไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น ยังไงก็ต้องรับข้อเสนออย่างไม่มีเงื่อนไข
“แต่นายคนนี้ไม่ได้อ่อนอย่างที่เราคิดนะคะพี่” เธอค้านอย่างกังวลขณะเดินมาที่รถซึ่งจอดอยู่ด้านหน้า
“มันแข็งแกก็ทำให้มันอ่อนสิจะยากอะไร ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้ความนุ่มนวลและเอาอกเอาใจของผู้หญิงทั้งนั้น ยอมให้มันจับมันกอดหน่อย ขี้คร้านมันจะหลงแกจนโงหัวไม่ขึ้น”
“หมายความว่าพี่จะให้จันทร์เลือกระหว่างชีวิตแม่กับขายศักดิ์ศรีตัวเองอย่างนั้นเหรอ” มณีจันทร์โวยวาย
คณิตแสยะยิ้มขณะมองหน้าน้องสาวต่างมารดา
“ศักดิ์ศรีที่แกหวงนักหนาใช้ต่อชีวิตให้แม่แกได้ไหม เงินต่างหากที่จะตัดมะเร็งได้”
หญิงสาวถึงกับเงียบกริบ คณิตรู้ว่าเธอรักแม่มาก เพราะฉะนั้นเขาจำต้องใช้วิธีนี้บีบบังคับให้น้องสาวต่างมารดาทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
“จันทร์ขอคิดดูก่อนก็แล้วกันค่ะ”
คณิตไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้
มณีจันทร์มองตามท้ายรถของคณิต จนกระทั่งลับตาร่างงามจึงเดินไปขึ้นรถคูเปอร์คู่ใจแล้วขับไปนอนเป็นเพื่อนมารดาที่โรงพยาบาล
***
