1.นางสมันล่อนายพราน
*** ทักทายคร้า ***
รถยนต์สีดำคันใหญ่วิ่งไปตามถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานบันเทิงชื่อดังของเมืองไทย นักท่องราตรีทั้งกระเป๋าหนักและนักเที่ยวหน้าใหม่ไม่มีใครที่ไม่รู้จักอาร์ซีเอย่านสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยแสงสีและอบายมุขทุกรูปแบบ ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาตรวจตราเป็นระยะ
จิมมี่ ฮิลล์ นักธุรกิจสายเลือดไทย-อเมริกัน เจ้าของเส้นทางการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียอาคเนย์นั่งมองความวุ่นวายนอกตัวรถด้วยแววตาเรียบเฉย ใช่ว่าเขาชอบมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ แต่ที่มาวันนี้ก็เพราะผู้ขอร่วมทุนต้องการเลี้ยงต้อนรับการมาเมืองไทย ถ้าจะบอกปัดก็ดูจะไม่เหมาะ จิมมี่เลยจำต้องรับคำเชิญอย่างเลี่ยงไม่ได้ รถยนต์คันใหญ่วิ่งผ่านไฟแสงสีแต่ละร้านไป พร้อมกับที่ดวงตาคมกริบช่างสังเกตของอังเดร กวาดมองรอบตัวเพื่อระวังภัยให้เจ้านายหนุ่ม
ในที่สุดรถก็วิ่งมาจอดที่หน้าอาคารหลังใหญ่ที่มีป้ายชื่อขนาดใหญ่เขียนว่าแฮปปี้ไนต์โชว์หราอยู่ด้านหน้า
“ดูท่าทางนายคณิตลงทุนมากกว่าทุกครั้งนะครับบอส” อังเดรเอ่ยพลางมองกระจกเบื้องหน้าเพื่อหาความผิดปกติ
ริมฝีปากได้รูปของคนที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังเหยียดยิ้ม
“มันจะได้รู้ว่าคิดผิดที่ใช้ของพวกนี้ล่อฉัน” จิมมี่บอกเสียงเรียบ สายตาคมมองไฟกะพริบที่วิ่งวนอยู่รอบตัวอักษรขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีน้ำพุพุ่งสลับกันขึ้นลงหยอกเย้าแสงไฟ ตรงกลางมีนางอัปสรายืนส่งยิ้มเชื้อเชิญคนที่เดินผ่านให้เข้าไปในร้าน
เมื่อไม่มีความผิดปกติใด ๆ อังเดรก็ก้าวลงไปเปิดประตูให้เจ้านายหนุ่ม
“เชิญครับ”
เสียงของคนสนิทดึงสายตาคมมองไปที่ทางเข้าร้านซึ่งมีเด็กหนุ่มสองคนอยู่ในชุดสูทผูกเนกไทยืนต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้า ร่างสูงสง่าสวมกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนถึงข้อศอกก้าวลงจากรถอย่างสง่า
สาวสวยที่นั่งเรียกแขกอยู่หน้าร้านต่างหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนจะวิ่งกรูกันมาต้อนรับ แต่สายตาคมกริบใต้คิ้วเข้มแข็งกร้าวขึ้น พวกนางจึงพากันเบรกจนตัวโก่งเพราะรังสีดุดันแผ่กระจายอยู่รอบกายของจิมมี่จนพวกเธอไม่กล้าเข้าไปใกล้ แม้ว่าเขาจะหล่อลากดินแค่ไหนก็เถอะ
“เชิญค่ะท่าน แฮปปี้ไนต์ยินดีต้อนรับค่ะ”
ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ยอมชายตาแลสาวงามทั้งสามแม้แต่น้อย
จิมมี่และอังเดรเดินผ่านประตูเข้ามาโดยไม่ต้องยื่นบัตร เมื่อหลุดเข้ามาข้างในทั้งสองก็ต้องหยุดเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัว
วายุ มือขวาของนายคณิตเดินมารับไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นของลูกค้าวีไอพี
“สวัสดีครับคุณจิมมี่ รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่คุณรับคำเชิญของเรา”
จิมมี่ยื่นมือไปจับตามมารยาท แต่หางตาคมเหลือบมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายนายคณิต ร่างกลมกลึงอยู่ในชุดราตรีสีดำยาวเหนือเข่า เรียวขายาวกระทบแสงไฟนวลเนียนจนเขาต้องก้มมองอย่างเลี่ยงไม่ได้
นายคณิตเห็นชายหนุ่มสนใจของกำนัลที่จงใจนำมาใส่พานให้ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
“มณีจันทร์ น้องสาวผมเองครับ เธอจะเทกแคร์คุณขณะที่เราเจรจาธุรกิจ”
จิมมี่มองดวงตาเรียวรูปไข่เต็มตา ก่อนจะหันไปมองคณิต
“คุณคงรู้นะว่าผมไม่ร่วมธุรกิจกับใครง่าย ๆ บางทีการเจรจาอาจยาวนานเป็นปี”
คณิตหัวเราะในลำคอ
“มณีจันทร์จะเทกแคร์ จนกว่าคุณจะใจอ่อนยอมขนส่งสินค้าให้กับทีแท็คเอนเตอร์ไพรส์”
เมื่อทักทายกันพอสมควร คณิตก็เชิญแขกนั่ง มณีจันทร์รู้หน้าที่ขยับเข้าไปนั่งใกล้โซฟาตัวเดียวกับชายหนุ่มที่เธอต้องดูแลเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง
กลิ่นกายหอมกรุ่นจากกายสาวกระทบปลายจมูกจนจิมมี่ต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ขอผมดูรายละเอียดอีกครั้งก่อนก็แล้วกัน ถ้าสินค้าของทีแท็คไม่มีปัญหาเราก็ยินดีส่งให้”
คณิตหันไปมองมณีจันทร์ที่นั่งฟังการเจรจาอยู่เงียบ ๆ
“สินค้าของเราไม่เคยมีปัญหาค่ะ เรามีใบส่งออกไปที่ปลายทางอย่างชัดเจน ทางคุณสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว”
สีหน้าบึ้งตึงของนายคณิตคลายออกเมื่อหญิงสาวเป็นฝ่ายตอบแทน จิมมี่กระตุกยิ้ม สายตาคมกริบมองใบหน้าสวย
“ไม่รู้สิ ยังไงผมก็ต้องพิสูจน์สินค้าด้วยตัวเองเสียก่อนว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือเปล่า”
ความหมายในคำพูดของชายหนุ่มทำเอามณีจันทร์ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า คณิตเห็นแววตาพึงพอใจของจิมมี่ที่มองหญิงสาวก็ยิ้มอย่างพอใจ
“ได้ทุกเมื่อครับ ทางเราพร้อมจะให้คุณตรวจสอบทุกอย่าง” คณิตบอกนัยน์ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
จิมมี่ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ
“ทุกอย่างเลยเหรอ” มือหนาวางแก้วลงบนโต๊ะเล็กด้านหน้า ก่อนจะเหลือบตามองคณิตที่นั่งอยู่ตรงหน้า
คณิตเข้าใจความหมายในสายตาคมก็หันไปสบตาคมโตของน้องสาวต่างมารดา
“แน่นอนครับ” คณิตบอกอย่างมั่นใจ
มณีจันทร์มองแววตาเรืองรองของคณิตอย่างหวั่นใจ เธอกลัวว่าเงื่อนไขที่ตกลงกับเธอจะเปลี่ยนไปโดยที่อีกฝ่ายไม่บอกตรง ๆ
“ดี...ถ้างั้นพรุ่งนี้อังเดรกับทีมงานของผมจะเข้าไปเยี่ยมชมทีแท็ค” จิมมี่สรุปพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ลำแขนแข็งแรงวางไปตามความยาวของพนักพิง มณีจันทร์ขยับตัวมาด้านหน้าเพราะกลัวว่ามือหนาจะเผลอวางบนบ่าบาง ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มน้อย ๆ คณิตขึงตาใส่หญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“ผมคิดว่าคุณจะเข้าไปดูเองเสียอีก”
คณิตเอ่ยอย่างผิดหวังนิด ๆ ก่อนจะมองหน้าอังเดรที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังคนเป็นนาย
“พรุ่งนี้ผมตั้งใจจะไปพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว คงใช้เวลาอยู่ที่นั่นอีกหลายวัน อังเดรจะรายงานทุกอย่างที่เขาเห็น เพราะฉะนั้นเขาเห็นอะไรผมก็เห็นเหมือนกัน” จิมมี่บอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วยื่นมือไปตรงหน้ามณีจันทร์
“เต้นรำเป็นเพื่อนหน่อยสิคุณผู้หญิง”
มณีจันทร์มองหน้าคณิตอย่างไม่สบายใจ แต่ดูเหมือนพี่ชายต่างมารดาจะเห็นผลประโยชน์มากกว่าความรู้สึกของเธอแล้วตอนนี้
“แต่ฉันเต้นไม่เก่ง กลัวจะทำให้คุณขายหน้านะคะ” เธอหาทางเลี่ยง จิมมี่มองคณิตเพื่อขอความเห็น
“ไปสิจันทร์ คุณจิมมี่อุตส่าห์ให้เกียรติแล้วยังเล่นตัวอีก” คณิตกดเสียงต่ำพร้อมกับบังคับเธอด้วยสายตา มณีจันทร์จำต้องลุกขึ้นยืนแล้ววางมือบนฝ่ามือใหญ่ จิมมี่จับมือบางเดินไปกลางฟลอร์ ลำแขนแข็งแรงโอบเอวบางแล้วรั้งเข้าไปชิด มือบางข้างหนึ่งดันอกกว้างไว้
“คุณกอดแน่นไปหรือเปล่าคะ” เธอเตือนเขาเสียงสั่น
“คุณว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด” จิมมี่ทำเป็นได้ยินไม่ถนัด โน้มใบหน้าลงไปหาจนปลายจมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มนวล มณีจันทร์หน้าแดงเบือนหน้าหนี หัวใจเต้นแรงรัวอย่างไม่เคยเป็น เสียงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดซอกคอขาว
“ฉันรู้ว่าคุณได้ยิน แต่คุณต้องการแกล้งฉัน” เธอเงยหน้าขึ้นสบตาคม
จิมมี่คลี่ยิ้มแววตาเป็นประกายเรืองรอง วงแขนแกร่งโอบประคองเธอเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเสียงเพลง
“ผมไม่เคยแกล้งผู้หญิง นอกจากทำให้หมดแรง”
คำพูดตรงไปตรงมาของเขาทำให้เธอต้องหลุบตามองแผงอกกว้าง พูดไปก็ถูกเขาย้อนจนได้อาย สู้สงบปากสงบคำน่าจะดีกว่า แต่จิมมี่ไม่ยอมให้เธอเงียบอย่างที่ต้องการ เอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“คุณทำงานตำแหน่งอะไรในทีแท็ค”
“การตลาดค่ะ”
เธอตอบสั้น ๆ และแกล้งเหยียบเท้าใหญ่เพื่อจะให้เขาเจ็บ แต่จิมมี่เหมือนจะรู้ขยับเท้าไปด้านหลัง วงแขนกอดรัดเอวบางแน่นจนเธอต้องเตือน
“คลายมือออกสิคะ ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ”
“อย่าดิ้นสิ นายคณิตมองอยู่ไม่เห็นเหรอ ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจ ผมอาจจะไม่บรรทุกสินค้าของทีแท็คไปอเมริกาก็ได้นะ”
“ไม่ต้องมาขู่ ไม่มีคุณเราก็หาเจ้าใหม่ได้” เธอบอกหน้าตึง ใบหน้าคมก้มลงไปคลอเคลียข้างแก้มอีกครั้ง หญิงสาวหันไปขึงตาใส่ ทำให้ริมฝีปากเขาและเธอประกบกันอย่างไม่ตั้งใจ
***
