บท
ตั้งค่า

ตอนที่4.

“เรามันจะทำอะไรได้ งานบริหารไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ อย่าอวดเก่งเลย กลับไปเรียนให้จบโทก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกที” เสียงของคนพูด มีรอยหงุดหงิดเห็นได้ชัด

“อาไทไม่ให้เพิร์ลยุ่งกับงานของคุณพ่อ เพราะอาไทอยากฮุบสมบัติของเพิร์ลใช่ไหมคะ! ”มุกรินขึ้นเสียง อย่างลืมตัว

นั่นเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยฉลาดนัก เทพไทมองหลานสาวคนเดียวด้วยแววตาลุกวาว เขาเงียบจนน่ากลัว ไม่ต่อคำกับมุกรินสักคำ จนหญิงสาวรู้สึกหวั่นใจ แต่ยังกัดฟันเชิดหน้าสู้สายตาดุนั้น อย่างไม่เกรงกลัว

“เพิร์ล ไม่ยอมให้อาไท มาชุบมือเปิบง่ายๆหรอกค่ะ”

“หนูเพิร์ล! อย่ามาพูดแบบนี้กับอานะ หนูไม่รู้อะไรอย่ามากล่าวหาอา” เทพไทเอ่ยเสียงเครียด เขาจ้องหน้าหลานสาวนิ่ง แววตานิ่งจนดูน่ากลัว

“ถ้าเสร็จงานศพพี่เทวา อาจะส่งหนูกลับออสเตรเลีย ไปเรียนต่อให้จบโท ตามที่พ่อของหนูต้องการ อย่าดื้อกับอา ไม่อย่างนั้นอาจะลงโทษหนู”

“อาไม่มีสิทธิ์มาบังคับเพิร์ล!” มุกรินไม่ยอมแพ้ เถียงสู้

เทพไทถอนหายใจแรงๆ ทำหน้าเคร่ง “หนูโตแล้วนะ มีเหตุผลหน่อย ถ้าหนูดื้ออาอาจจะต้องจำกัดงบค่าใช้จ่ายของหนู ตอนนี้อามีสิทธิ์ดูแลทรัพย์สินทุกอย่างให้หนู ในฐานะผู้ดูผลประโยชน์ ตามพินัยกรรมที่พ่อหนูสั่งไว้” เขาใช้ไม้ตาย

มุกรินกัดฟันแน่น อาของเธอเล่นตรงจุดอ่อนของเธอ เขาใช้ข้อได้เปรียบนี้บีบบังคับเธอ หลังจากเสร็จพิธีศพ ทนายได้เปิดพินัยกรรม สิ่งที่บิดาของเธอเขียนไว้ คือการแต่งตั้งเทพไทเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์แทนหลานสาว จนกว่ามุกรินจะมีอายุครบยี่สิบห้าปี หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่าบิดา จะเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่จะทำอะไรได้ เมื่อทุกอย่างถูกรับรองตามกฎหมายไปแล้ว

“ก็ได้ค่ะ เพิร์ลจะกลับไปเรียนต่อ” มุกรินจำต้องก้มหน้า ทำตามที่คนเป็นอาบอกทั้งน้ำตา

หลังจากงานศพผ่านไป เทพไทจัดการส่งมุกรินไปต่างประเทศ แต่มุกรินแอบบินกลับมาและมาอาศัยบ้านของญาติฝ่ายมารดาเป็นที่พักพิง โดยไม่ให้คนเป็นอารู้

“น้าไพคะ เพลินจะกระชากหน้ากาก คนที่ทำเรื่องนี้ให้ได้! ”

มุกรินประกาศความตั้งใจของตัวเองอีกครั้ง ต่อให้มีขุนเขาหรือทะเลเพลิงอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีทางที่คนอย่างมุกรินจะถอยหนี

แต่การเป็นเทอราปิสนี่...มันยากกว่าข้ามเขาหรือลุยไฟไหมหนอ หญิงสาวแอบหวั่นใจนิดๆ

รถโฟล์คเต่าสีขาวเลี้ยวเข้าจอดบริเวณที่จอดรถของสุนทรียะสปา ประตูรถด้านคนขับเปิดออก ร่างสูงเพรียวสวมกระโปรงสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเข้ารูป ลงมายืนข้างรถมือข้างหนึ่งเท้าเอว แล้วหมุนซ้ายหมุนขวา มองเงาของตัวเองในกระจกข้างรถ เอียงใบหน้าที่ตบแต่งมาอย่างดี ส่องกระจกเงา แล้วหยิบตลับแป้งมาซับหน้าให้ผ่องขึ้น พร้อมกับหยิบลิปสติกมาแต้มริมฝีปาก

“สวยแล้วค่ะ... คุณดาวฤกษ์” เสียงใสๆดังมาจากอีกฝั่งของรถ

คนที่โดยสารมาด้วยเกาะหลังคอรถ มองท่าทางของเพื่อนสาวด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย ยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนจะส่ายหน้าระอา ดาวฤกษ์เสียเวลาเมคอัพและแต่งตัวร่วมชั่วโมง กว่าจะยุรยาตรออกมาได้ ส่วนมุกรินแค่รวบผมกับเติมหน้าอีกเล็กน้อยก็พร้อมเดินทาง

“อ่ะ... เสร็จแล้ว สวยครบสูตรแล้ว พร้อมลุย” ดาวฤกษ์กดปุ่มปิดรถ แล้วเดินนำหน้ามุกรินเข้าไปด้านในด้วยท่าทีมาดมั่น

สองสาวเดินมาตามเส้นทางเก่า มุกรินมองหาคุณป้าใจดี ที่เคยพาเธอกับดาวฤกษ์ไปส่งที่ออฟฟิศเมื่อคราวก่อน หากไม่มีแม้แต่เงาของหญิงสูงวัยใจดีคนนั้น

“มองหาใครเหรอเพลิน” ดาวฤกษ์ถามขึ้นมา

มุกรินหันมามองหน้าเพื่อน “ฉันอยากเจอคุณป้าน่ะ เสียดายที่ไม่ได้ถามชื่อ ไม่รู้ว่าทำงานอยู่แผนกไหน”

“ฉันว่าเรารีบเดินดีกว่านะ จวนได้เวลานัดแล้ว” ดาวฤกษ์เร่ง สาวเท้าเดินเร็วขึ้น

ทั้งสองมาถึงด้านหน้าออฟฟิศ เลขาสาวคนเดิมเปิดประตูออกมาต้อนรับ ในห้องนั้นมีคนมารอการสัมภาษณ์ก่อนหน้าสองสาวอยู่สามคน มุกรินกับดาวฤกษ์นั่งรอคิวสัมภาษณ์อย่างใจเย็น

“ท่าทางเก่งๆกันทั้งนั้น เราจะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” ดาวฤกษ์กระซิบกระซาบกับเพื่อนคู่หู

“เราน่าจะผ่านการคัดเลือกสักคน ฉันมั่นใจ” มุกรินกวาดสายตา มองคนที่มาสัมภาษณ์คนอื่นอย่างประเมิน

ผู้มาสัมภาษณ์ทยอยกันเข้าไปทีละคน จนคนสุดท้ายเข้าไปจวนจะถึงคิวของสองสาว เลขาหน้าห้องเดินมาหาคนที่เหลืออยู่

“อีกสักครู่ คุณเรมินจะสัมภาษณ์คุณทั้งสองคน ไม่ทราบว่าพร้อมหรือเปล่าคะ” เลขาสาวหน้าแฉล้มถามอย่างอารี

“พร้อมค่ะ! ” สองสาวประสานเสียงตอบพร้อมกัน ท่าทางกระตือรือร้น

“ถ้าอย่างนั้นดิฉัน ขอตัวนำเอกสารไปส่งให้คุณเรมินก่อนนะคะ พวกคุณก็เตรียมตัวให้พร้อม สักครู่ดิฉันจะเชิญไปพบท่าน”

เลขาสาวหยิบเอกสารการสมัครงานของทั้งคู่ เดินหายเข้าไปในห้อง ครู่ต่อมาก็เปิดประตูออกมา พร้อมกับคนที่เข้าไปสัมภาษณ์งานก่อนหน้า แล้วกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง สองสาวมองประตูห้องพร้อมกับเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน

“คุณคะ...ท่านให้เข้าไปพบค่ะ” เลขาหน้าแฉล้ม เปิดประตูออกมาเรียก

สองสาวลุกขึ้นพร้อมกันแต่ถูกท้วงเสียก่อน “เข้าไปทีละคนค่ะ”

“ฉันไปก่อนนะ เธอจะได้มีเวลาหายใจ” ดาวฤกษ์ขยิบตาให้เพื่อนสาว ตบบ่าแรงๆก่อนจะปรับสีหน้าให้มาดมั่นเดินตามเลขาสาวเข้าไปในห้อง

ครู่ต่อมาร่างสูงเพรียวของดาวฤกษ์ก็ออกมา มีรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ท่าทางราวกับคนเคลิ้มฝัน เลขาสาวเดินตามออกมามองอาการของผู้สัมภาษณ์งานคนแรก ก่อนจะยิ้มบางๆแววตาคล้ายขบขันแกมเอ็นดู

“เชิญค่ะ...” เสียงเรียกทำให้มุกรินสูดลมหายใจแรงๆ แล้วลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านใน

ประตูเปิดออกมองเห็นเจ้าของห้องนั่งนิ่งบนเก้าอี้นวม วงหน้าคมคายหล่อเหลาเรียบเฉยเย็นชานัก ดวงตาสีนิลดำขลับวาวระยับเหมือนประกายเพชรจ้องมองผู้มาเยือนนิ่ง

มุกรินชะงักงัน... หัวใจวิบไหว เต้นรัวแรง... ร่างกายเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นโดนลมพัดปลิว

อาการนิ่งงันราวกับต้องมนต์ของสตรีร่างบางตรงหน้า ทำให้ริมฝีปากหยักโค้งแย้มออกเล็กน้อย มองเห็นไรฟันขาวสะอาด เรียวคิ้วดกหนาบนจมูกเป็นสันโด่งงามยกสูงขึ้น

“อะแฮ่ม... นี่คือคุณเรมิน เจ้าของสปาแห่งนี้ค่ะ” เลขาสาวกระแอมดังๆ พลางแนะนำให้ผู้มาสัมภาษณ์รู้จักเจ้าของห้อง

“เอ่อ...สะ...สวัสดีค่ะ”

มุกรินได้สติเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก บ้าจริง!ทำไมต้องใจสั่นด้วยนะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนร้าย หญิงสาวนึกว่าตัวเองในใจ

เรมินมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจ ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับริมฝีปากอิ่มเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อน ดวงตากลมโตแต้มแต่งด้วยเครื่องสำอางบางๆมีแววสดใส ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกรวบไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นช่วงคองามระหง รูปร่างของเจ้าหล่อนบอบบางเพรียวอย่างกับนางแบบหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่น นี่หรือคนที่จะมาสมัครเป็นเทอราปิส

“เชิญนั่งก่อนสิ” เจ้าของสปาผายมือไปยังเก้าอี้

“ขอบคุณค่ะ” มุกรินรีบนั่งลงตรงกันข้ามทันที “ดิฉันจะมาสมัครเป็นเทอราปิสค่ะ”

หลังจากตั้งสติได้แล้ว หญิงสาวพยายามระงับความตื่นเต้นให้ลดน้อยลง ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าเจ้าของสปาหนุ่มนิ่ง

นี่หรือ... นายเรมิน ศัตราวัชร เจ้าของสุนทรียะสปา เชอะ...ฉันไม่มีวันหลงเสน่ห์นายหรอก ไอ้ผู้ชายหน้าขาว มุกรินบอกตัวเองในใจ

เรมินหยิบเอกสารการสมัครงานมาตรวจดูอีกครั้ง พลางตั้งข้อสังเกตในใจ หญิงสาวคนนี้เจาะจงตำแหน่งเทอราปิสตำแหน่งเดียวเลยหรือไง รูปร่างหน้าตาแบบนี้เหมาะจะเป็นรีเซฟชั่นคอยต้อนรับลูกค้ามากกว่า เจ้าของสปากราดสายตาไปทั่วร่างบางอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยถามว่า

“คิดยังไงถึงมาสมัครเป็นเทอราปิส”

“ดิฉันอยากเป็นเทอราปิสค่ะ” มุกรินตอบเสียงดังฟังชัด

เป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดินที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ทำเอาคนถามส่ายหน้า นี่เจ้าหล่อนไม่คิดจะหาคำตอบที่ฟังดูเข้าท่ากว่านี้ มาตอบเขาบ้างหรือยังไง เจ้าของสปาหนุ่มถอนหายใจยาว จ้องหน้าหญิงสาวนิ่งน้ำเสียงจริงจัง

“เทอราปิสไม่ใช่งานที่ใครอยากทำก็ทำได้ รู้ไหมเป็นเทอราปิสน่ะเหนื่อยนะ”

“ดิฉันแน่ใจว่าทำได้ค่ะ” มุกรินยืนยันน้ำเสียงหนักแน่น

“คุณไม่เหมาะที่จะเป็นเทอราปิสหรอก รูปร่างหน้าตาอย่างคุณ เหมาะจะเป็นรีเซฟชั่นมากกว่า เท่าที่ดูวุฒิการศึกษาของคุณ ผมว่าคุณทำงานในตำแหน่งนี้ได้”

เสียงที่เอ่ยราวกับไม่มั่นใจในความสามารถ แววตาคมทอดมาคล้ายจะประเมินศักยภาพของหญิงสาวในที ทำให้คนถูกมองรู้สึกหน้าร้อน กับสายตากึ่งสบประมาทของอีกฝ่าย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel