แผนพรางรัก

139.0K · จบแล้ว
รวิญาดา ผการุ้ง นักเขียน
67
บท
10.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การตายอย่างปริศนาของบิดา ทำให้ มุกริน ต้องสวมบทสาวบ้านๆ นามว่า เพลิน เพื่อเข้าไปสมัครงานเป็นเทอราปิสในสปาดัง หนึ่งในธุรกิจของ เรมิน นักธุรกิจหนุ่ม ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ท่าม กลางความวุ่นวายของการทำงานในสปาที่มีสารพัดปัญหาชวนหัวปั่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานตัวแสบ หรือลูกค้าขี้หลี พร้อมกับเรื่องลึกลับ ชวนสยองขวัญที่ทำให้มุกรินต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันชวนขนหัวลุก แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็ทำให้มุกรินได้ใกล้ชิดกับเรมิน จนเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในหัวใจ หญิงสาวจะทำยังไงกับหัวใจของตัวเอง เมื่อเรมินคือผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนทำให้บิดาของเธอเสียชีวิต เรมินอยู่เบื้องหลังเรื่องราววุ่นๆ นี้จริงหรือ... มุกรินจะค้นพบความจริงเกี่ยวกับการตายปริศนาของบิดาหรือไม่ และใครกันคือคนร้ายตัวจริง?

นิยายรักโรแมนติกนิยายสืบสวนสอบสวนนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตนางเอกเก่งเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที 1.

“ที่นี่เหรอ...ดาว” เสียงใสๆดังขึ้น

เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวร่างเพรียวใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบไว้ด้านหลังเผยให้เห็นลำคอเรียวระหง ดวงตากลมโตจดจ้องตัวอักษรบนกำแพงก่อนที่สายตาจะแลเลยไปยังด้านใน

ประตูทางเข้าเปิดกว้างแลเห็นทางเดินปูด้วยหินแกรนิตทอดยาวเข้าสู่ตัวอาคาร ซึ่งเป็นตึกกึ่งไม้กึ่งปูนสองชั้นหลังใหญ่ทาสีเหลืองนวล หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาสีน้ำตาลเข้ม ลักษณะของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตกได้อย่างลงตัวบริเวณโดยรอบปลูกไม้ประดับและไม้ยืนต้นไว้ แลดูร่มรื่นน่าพักผ่อน บนผนังกำแพงด้านหน้ามีป้ายไม้แกะสลักติดไว้ว่า “สุนทรียะสปา”

“ใช่... ที่นี่แหละ สุนทรียะสปา เรามาถูกแล้วยายเพลิน”

เจ้าของร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด ที่ยืนพิงกระโปรงรถโฟล์คเต่าสีขาวพยักหน้ารับ ในมือถือหนังสือพิมพ์พับครึ่งไว้

“สุนทรียะสปา รับสมัครพนักงานหญิงหลายตำแหน่ง ติดต่อได้ที่สุนทรียะสปาทุกสาขา”

เจ้าหล่อนอ่านทวนข้อความ ในประกาศรับสมัครงานทางหน้าหนังสือพิมพ์ ให้เพื่อนสาวฟัง ดวงตาเรียวยาวเขียนอายไลท์เนอร์สีดำเข้มตัดขอบตาคมกริบ แผงขนตาปัดมาสคาร่าจนงอนโค้ง มองดูป้ายเปรียบเทียบกับข้อความบนหนังสือพิมพ์ให้แน่ใจอีกครั้ง พลางเคาะปลายนิ้วบนกระโปรงรถไปมา

“ไม่รู้เขาปิดรับสมัครหรือยัง” หญิงสาวหันมามองเพื่อน สายตามองข้อความในหนังสือพิมพ์

“หวังว่าเราสองคนคงจะโชคดีนะดาว”

“จะโชคดีหรือโชคร้าย ก็ต้องลองสักตั้ง”

ดาวฤกษ์ชูกำปั้น หน้าตาขึงขัง ก่อนจะยัดหนังสือพิมพ์ใส่กระเป๋าผ้าฝ้ายสีสดที่สะพายไหล่ เปลี่ยนท่าทีเป็นกระฉับกระเฉงขึ้น

“มาถึงนี่แล้ว ต้องลุยกันให้มันรู้ดำรู้แดง”

ใช่! มาถึงแล้ว ต้องลุยลูกเดียว... มุกรินมองประตูทางเข้าสปา หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเดือนก่อนขึ้นมา

“สุนทรียะสปา รับสมัครเทอราปิสหญิงจำนวนมาก สนใจติดต่อตามที่อยู่ด้านล่าง”

ข้อความประกาศรับสมัครงานบนหนังสือพิมพ์ แบบนี้มีให้เห็นอยู่เต็มหน้ากระดาษ หากข้อความนี้ทำให้คนอ่าน เขม้นมองพร้อมอ่านทวนข้อความนั้นซ้ำอีกรอบ

“ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว” มุกรินจ้องข้อความนั้น ด้วยแววตาวาววับ

หญิงสาวเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ หันไปมองรูปถ่ายของชายวัยกลางคน ที่ติดไว้บนผนังห้องนั้น ดวงตากลมโตอ่อนแสงลง หยาดน้ำตาคลอคลองหน่วยตาจนรู้สึกร้อนผ่าว

“หนูเพิร์ล หิวหรือยังลูก” เสียงหนึ่งดังขึ้น

เจ้าของเสียงคือไพลินผู้มีศักดิ์เป็นน้าสาวของมุกรินนั่นเอง ไพลินเดินเข้ามาในห้อง มองหน้าหลานสาวด้วยสายตาห่วงใย

“ยังค่ะน้าไพ นี่ป้านวลไปไหนคะ เพิร์ลไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

มุกรินกะพริบตาแรงๆ ไล่ความผ่าวร้อนให้หายไป ก่อนจะยิ้มให้น้าสาว แล้วถามหาป้านวลปรางพี่สาวของมารดา เจ้าของบ้านที่เธอมาอาศัยอยู่ด้วย

“พี่นวลไปเยี่ยมเจ้าเพลิน ลูกสาวเขาน่ะ ป่วยเป็นไข้เลือดออกอยู่โรงพยาบาล”

นวลปรางมีลูกสาววัยเดียวกับมุกรินชื่อเพลินพิศ ชื่อเล่นว่าเพลิน มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของมุกริน หญิงสาวไม่เคยเจอญาติผู้พี่คนนี้เลยสักหน ตั้งแต่คุณวรรณามารดาของมุกรินเสียชีวิตมุกรินก็ไม่ได้พบกับญาติฝ่ายมารดาเท่าใดนัก

“น้าไพนั่งสิคะ” มุกรินดึงแขนไพลินให้นั่งลงข้างๆ วางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วฉีกหน้าที่มีประกาศรับสมัครงานพับเก็บไว้

“หนูเพิร์ลทำอะไรคะนั่น” ไพลินมองเศษกระดาษในมือมุกรินอย่างสงสัย

มุกรินส่งกระดาษแผ่นนั้นให้แทนคำตอบ เมื่อไพลินเปิดออกดูก็หันมามองหน้าหลานสาวสาว แววตามีคำถาม

“เพิร์ลจะไปสมัครงานที่สุนทรียะสปา” มุกรินเฉลยข้อข้องใจ

“หนูจะไปสมัครที่นั่นทำไมคะ” ไพลินหน้าตาตื่น มองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อหู

“เพิร์ลไม่เชื่อว่าคุณพ่อ ตายเพราะหัวใจวาย ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังการตายของคุณพ่อแน่ๆ เพิร์ลสงสัยว่าอาไทกับนายเรมินเจ้าของสปานั่น ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” มุกรินบอกเหตุผลสำคัญให้น้าสาวรับรู้

“มันอันตรายนะลูก ถ้าเขาจับได้หนูจะทำยังไง” ไพลินอดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้

“ก็อย่าทำให้เขาจับได้สิคะ”

มุกรินไม่เดือดร้อนกับปัญหานี้สักนิด หญิงสาวมีแผนการบางอย่างในใจแล้ว แค่เตรียมการอีกนิด รับรองว่าแผนการครั้งนี้ ฉลุยแน่...

“เข้าไปกันเหอะเพลิน สายแล้ว” ดาวฤกษ์แตะแขนมุกริน

มุกรินพยักหน้าให้เพื่อนสาว ที่พบกันในโรงเรียนสอนนวดไทยเมื่อเดือนก่อน เธอเตรียมตัวมาสมัครงานที่สปาแห่งนี้โดยขอร้องให้ไพลินและนวลปรางช่วยเหลือ ทั้งสองพยายามห้ามหลานสาว แต่มุกรินไม่ยอมเลิกล้มแผนการนี้ ในที่สุดหญิงสาวก็ได้ทำตามที่ตัวเองตั้งใจสมใจ เมื่อเพลินพิศยอมให้มุกรินใช้เอกสารรวมถึงวุฒิบัตรการศึกษาของเธอ มุกรินลงทุนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเพลินพิศชื่อเดียวกับลูกสาวของนวลปราง นั่นทำให้การปลอมตัวครั้งนี้แนบเนียนยิ่งขึ้น

มุกรินในชื่อใหม่ว่าเพลินไปสมัครเรียนนวดไทย และได้พบกับดาวฤกษ์ที่โรงเรียนแห่งนั้น รู้สึกถูกชะตาจนสนิทสนมกัน สองสาวมีเป้าหมายในการสมัครงานที่เดียวกัน นั่นทำให้มุกรินรู้สึกว่าแผนการของเธอคงไม่ยากอย่างที่นึกกลัว...

“เราต้องได้ทำงานที่นี่!”

หญิงสาวทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆคล้ายต้องการเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปด้านใน

ต้นพลับพลึงปลูกเป็นพุ่มจัดแต่งเป็นระเบียบดูไม่รกเรื้อ เรียงแถวยาวล้อมรอบทางเดิน ออกดอกสีขาวชูช่อพร่างตาส่ายไหวไปมากลางใบอวบใหญ่สีเขียวเข้ม บริเวณทางเดินวางอ่างกระเบื้องเคลือบสีเขียวใบย่อม ลอยดอกไม้เรียงรายตลอดทาง มุกรินชะลอฝีเท้าหยุดมองดูอย่างสนใจ พลอยทำให้เพื่อนคู่หูหยุดมองบ้าง ลักษณะการลอยดอกไม้ที่สปาแห่งนี้ใช้ดอกบัวหลวงสีชมพูอ่อนพับกลีบอย่างประณีต ลอยกระจายเต็มอ่างดูสวยงามแบบไทยๆ เสียงดนตรีดังแว่วมาเบาๆ ท่วงทำนองนุ่มนวลละมุนโสต ผสานกลมกลืนกับบรรยากาศงดงามของทิวทัศน์รอบกายราวกับอยู่ในสวนสวรรค์ เรียกความสนใจจากผู้มาเยือนทั้งสอง

“เพลงอะไรน่ะเพลิน เพราะดีนะ”

ดาวฤกษ์เอ่ยขึ้น ละสายตาจากความงามของกระถางลอยดอกไม้ มองหาต้นเสียงซึ่งหญิงสาวค้นพบว่าดังมาจากลำโพงใบเล็กที่ติดไว้บนต้นไม้ใหญ่บริเวณนั้น ลำโพงอีกหลายอันติดอยู่ตามเสาและซอกกำแพง แต่ละอันอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา เป็นความฉลาดของเจ้าของสถานที่แห่งนี้ ในการจัดการเทคโนโลยีให้กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

“ดนตรีบำบัดจ้ะ เขานิยมเปิดในสปาให้ลูกค้ารีแล็กส์ไง” มุกรินให้คำตอบ

“ฉันฟังแล้วง่วงนอน” เสียงหาวมาพร้อมกับคำพูด ทำเอาคนมองยิ้มขำ

“อย่าเพิ่งง่วงตอนนี้ ไปสมัครงานก่อน” มุกรินส่ายหน้า ลากแขนเพื่อนให้เดินต่อ

จากทางเดินเข้าไปไม่ไกลนัก สองสาวพากันมาถึงบริเวณล็อบบี้รับแขกซึ่งเป็นด้านหน้าของตัวตึก สร้างเป็นอาคารหลังเล็กมีทางเชื่อมกับตึกหลังใหญ่ ประตูทางเข้าเป็นกระจกใสบานใหญ่ มองเห็นด้านในชัดเจน

“สวัสดีค่ะ สุนทรียะสปา ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานต้อนรับในชุดผ้าไหมสีฟ้าสด พนมมือไหว้อย่างชดช้อย พร้อมรอยยิ้มกระจ่างตา

มุกรินดึงหนังสือพิมพ์ออกมาชู ปลายนิ้วเรียวชี้ข้อความประกาศรับสมัครพลางบอกจุดประสงค์

“สวัสดีค่ะ เรามาสมัครงานค่ะ”

“เตรียมหลักฐานการสมัคร มาพร้อมหรือยังคะ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามอย่างอารี

“เรียบร้อยครบถ้วนทุกอย่างค่ะ” ดาวฤกษ์ตอบแทนเพื่อน พลางส่งยิ้มผูกไมตรี

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญด้านนี้ค่ะ เดินไปตามทางเรื่อยๆจะเห็นออฟฟิศค่ะ”

พนักงานต้อนรับของสปาดัง ผายมือไปด้านซ้ายมือของตนเอง สองสาวมองตามเห็นประตูอีกบานติดกระจกใส มองเห็นทางเดินเข้าสู่ด้านในตัวอาคารหลังใหญ่ จึงไหว้ลาคนบอกทางอย่างนอบน้อมตามประสาคนมืออ่อน ก่อนจะพากันเดินผ่านเข้าไป

“เข้ามาด้านในได้กลิ่นหอมฟุ้งไปหมด”

พอคล้อยหลังดาวฤกษ์ก็เอ่ยออกมา พร้อมกับทำท่าสูดลมหายใจแรงๆหน้าตาชื่นอกชื่นใจ จนมุกรินอดขำไม่ได้ เท่าที่เธอเคยศึกษามาบ้างกลิ่นหอมที่เพื่อนสาวกำลังสูดดมอย่างพออกพอใจนี้ มาจากน้ำมันหอมระเหย ที่เรียกว่า ‘อโรม่า เทอราปี’

“ที่เธอได้กลิ่นน่ะเขาใช้น้ำมันหอมระเหยจ้ะ โดยการจุดเตาเผาน้ำมันให้กลิ่นหอมระเหยออกมา เพื่อสร้างบรรยากาศให้ลูกค้า ได้รับความผ่อนคลายอย่างเต็มที่” หญิงสาวอธิบายให้เพื่อนฟัง

ดาวฤกษ์พนักหน้ารับรู้ พลางหันไปมองพนักงานต้อนรับอีกครั้ง

“รีเซฟชั่นที่นี่สวยอย่างกับนางสาวไทย ไม่รู้เขาจะคัดเทอราปิส ตามหน้าตาด้วยหรือเปล่า”

ดาวฤกษ์เปลี่ยนเรื่องคุย ในใจอดเปรียบเทียบหน้าตาตัวเองกับพนักงานสาวไม่ได้ เธอเคยได้ยินว่าบางแห่งคัดเลือกพนักงานจากหน้าตามากกว่าฝีมือ พลอยทำให้เกิดความรู้สึกกังวล หน้าตาของเธอเองใช่ว่าจะสวยสะดุดตาใคร ผิวพรรณไม่ได้ขาวผ่องเหมือนเพื่อนสาว โชคดีที่รูปร่างสูงเพรียวไม่อ้วนกลม