ตอนที่ 5.
“ดิฉันเรียนนวดมาแล้วค่ะ มั่นใจว่ามีความสามารถทำงานเป็นเทอราปิสได้ค่ะ” คำตอบเน้นหนักราวกับจะยืนยันให้น่าเชื่อถือ ดวงตากลมจ้องตาอีกฝ่ายไม่หลบ
“มั่นใจขนาดนั้นเชี้ยว...” เจ้าของสปาลากเสียง ริมฝีปากแย้มนิดๆ
น้ำเสียงแกมเยาะกับสายตาคู่นั้น ทำให้คนฟังอารมณ์พุ่งปรี๊ด หนอยแน่... นายเรมิน อย่ามาดูถูกกันนะยะ! มุกรินกำหมัดแน่น หูอื้อตาลาย ไม่เคยมีใครกล้ามาสบประมาทคุณหนูเพิร์ลต่อหน้าแบบนี้สักคน แล้วเขาเป็นใครถึงกล้าทำแบบนี้
“ถ้าคุณอยากทดสอบฝีมือ ดิฉันพร้อมเสมอค่ะ ตอนนี้ก็ยังได้”
มุกรินขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว ใบหน้างามเชิดขึ้น ดวงตาเป็นประกายกล้า ไหล่ตั้งตรงพร้อมต่อกรกับอีกฝ่ายเต็มที่
“อืม... เอางั้นเลยเหรอ”
เจ้าของสปาอมยิ้ม มือหนาลูบคางไปมาพยายามกลั้นหัวเราะ มองท่าทางของหญิงสาวตัวเล็กอย่างเอ็นดู เขาคงต้องลองฤทธิ์แม่พริกขี้หนูเม็ดนี้ดูสักหน่อย ว่าจะมีพิษสงร้ายกาจอย่างที่เจ้าตัวอวดอ้างหรือเปล่า
“คุณน้ำช่วยจัดห้องให้หน่อยนะ ผมจะทดสอบฝีมือคนสมัครงาน”
เขาหันไปสั่งเลขาสาว ก่อนจะหันกลับมามองหน้าคนมาสมัครงาน ดวงตาคมเข้มทอดมองนิ่ง ทำเอาคนถูกจ้องลมออกหู เชิดหน้าสู้ไม่ยอมหลบตาอีกฝ่าย
“ถ้าคุณทดสอบไม่ผ่าน คุณต้องเปลี่ยนตำแหน่งเป็นรีเซฟชั่นแทน โอเคมั้ย” เจ้าของสปามองหน้าหญิงสาว ยิ้มๆ ก่อนยื่นข้อเสนอใหม่
มุกรินยิ้มสู้ “ฉันต้องได้ทำงานเป็นเทอราปิสคอยดูสิ! ” หญิงสาวยืนยันความต้องการเดิมอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมรับข้อเสนอที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้
ศึกระหว่างเจ้าของสปาหนุ่ม กับคุณหนูมุกรินจอมวีนจึงเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น
ทว่า... ศึกครั้งนี้ใครจะแน่กว่าใคร...
ระหว่างที่รอเรียกตัวไปทดสอบ มุกรินมองหน้าเพื่อนสนิท หน้าตาไม่สู้ดี เหงื่อเม็ดเล็กๆไหลซึมเต็มหน้าผาก จนต้องหยิบกระดาษซับมันมาซับยิกๆ
“ฉันจะทำได้ไหมดาว นี่เป็นครั้งแรกนะที่ฉันต้องนวดคนอื่น นอกจากพวกเรากันเอง”
มุกรินรู้สึกกังวลขึ้นมา ทั้งที่เมื่อครู่แสดงท่าทางมั่นอกมั่นใจนักหนา พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ใจเจ้ากรรมกับฝ่อเหี่ยวขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่ฮึกเหิมเหมือนกับที่อวดอ้างต่อเจ้าของสปาหนุ่มสักนิด
“ซีเรียสไปได้ จะนวดใครก็เหมือนๆกันนั่นแหละ อย่าตื่นเต้นจนนวดผิดๆถูกๆล่ะ เสียชื่ออาจารย์หมด” ดาวฤกษ์ปลอบใจเพื่อน
“ฉันยังปอดๆอยู่ดี ไม่รู้วิชาที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาเป็นเดือนๆนี่ จะใช้ได้ผลหรือเปล่า”
น้ำเสียงคนพูดยังไม่คลายกังวล จนคนฟังชักจะรำคาญ ตลอดเดือนกว่าที่ผ่านมามุกรินฝึกฝนการนวดมาอย่างหนัก ฝีไม้ลายมือในการนวดของเพื่อนสาวเข้าขั้น แม้ไม่เก่งกาจเท่าคนที่มีประสบการณ์มานานปี แต่ใช่จะแย่จนทำให้ขาดความมั่นใจ
“อะ...ลองนวดแขนฉันดูหน่อย” ดาวฤกษ์ยื่นแขนให้เพื่อนทดสอบฝีมือ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้อีกฝ่าย
มุกรินประคองแขนไว้ด้วยมือซ้าย นิ้วมือขวาออกแรงกดๆ คลึงๆตามแนวเส้นจนทั่วแขนตามที่ได้เรียนมา ครู่หนึ่งเจ้าของแขนพยักหน้าให้ คนนวดจึงปล่อยมือ
“เป็นไงมั่ง ใช้ได้หรือเปล่า” ดวงตากลมโตมองหน้าเพื่อน แววตาหวั่นๆ น้ำเสียงอ่อนเบา
“อือ...แรงดี นวดโดนทุกเส้น” ดาวฤกษ์พยักหน้าหงึกๆ “เวลาทดสอบ ทำให้ได้อย่างนี้นะ อย่าให้เสียชื่อล่ะ”
มุกรินสีหน้าดีขึ้น มือบางกำแน่น เอาเถอะเป็นไงเป็นกัน... ลองดูสิว่า เธอจะทำได้หรือเปล่า อุตส่าห์ลงทุนไปเรียนนวดมาจนนิ้วแทบหัก จะตกม้าตายตอนจบให้มันรู้ไป หญิงสาวฮึดสู้
ภายในห้อง
เรมินนอนคว่ำหน้ากับหมอนนุ่มบนเบาะนอน ในขณะที่มุกรินกำลังนั่งคุกเข่าใช้มือนวดหลังให้เขาอยู่อย่างอดทน นิ้วโป้งทำหน้าที่กดไล่ไปตามเส้นสายบริเวณแผ่นหลัง
“อื้อ...ตรงนั้นแหละเน้นๆหน่อย มีแรงรึเปล่า” พอนวดมาถึงจุดที่ปวดเมื่อย เรมินก็จะส่งเสียงร้องให้หญิงสาวลงน้ำหนักแรงๆ
เทอราปิสมือใหม่ขบฟันแน่น เอาความโมโหเป็นแรงขับให้ตัวเองมีแรงฮึดสู้ สายตาวาวๆมองคนทดสอบที่นอนหลับตาพริ้ม ครางอืออาท่าทางสบายอารมณ์ อย่างหมั่นไส้
“ลุกขึ้นนั่งได้แล้วค่ะ ฉันจะนวดไหล่ให้”
เมื่อนวดทั่วบริเวณแล้วมุกรินจึงรามือจากแผ่นหลังกว้าง
“ยังไม่หายเมื่อยเลย”
เรมินไม่ยอมลุกง่ายๆ เขาบิดตัวไปมาราวกับเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเต็มประดา กว่าจะยอมลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิก็ร่วมห้านาที มุกรินมองเจ้าของสปาด้วยสายตาขุ่นเขียว หากไม่เพราะเธอจำเป็นต้องมาทำงานที่นี่ เธอคงไม่อดทนถึงขนาดนี้ และอาจระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่จัดการเขาจนเขียวไปทั้งตัว ไม่ปล่อยให้นอนพร่ำบงการให้ทำนู่นทำนี่แบบนี้หรอก
“ยังเมื่อยตรงไหนอยู่คะ ฉันจะจัดการให้” มุกรินกัดฟันพูดเสียงเรียบ บังคับไม่ให้มือเลื่อนไปบีบคอคนชอบออกคำสั่ง
“ตรงเอวกับตรงหลัง” เรมินขยับตัวไปมา มือชี้ดะไปเรื่อย “และก็...อืม...ลืมไปแล้ว นวดๆไปเหอะ”
มุกรินเริ่มหมดความอดทน หญิงสาวยิ้มเหี้ยมจ้องมองแผ่นหลังหนากำยำ ของคนที่นั่งหลับตาพริ้ม ก่อนจะงัดไม้ตายที่เก็บไว้ออกมาใช้
กร๊อบ! กร๊อบ! อ๊าก!
สองเสียงแรกเป็นเสียงกระดูกลั่น เสียงสุดท้ายคือเสียงร้องของเจ้าของกระดูก มือเรียวหากแข็งแรงจับมืออีกฝ่ายประสานกันไว้ที่ท้ายทอย ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงไปด้านซ้ายโดยที่เจ้าของไม่ทันรู้ตัว เสียงกระดูกบริเวณหลังดังเป็นจังหวะ แล้วเปลี่ยนมาเหวี่ยงไปทางด้านขวา เสียงเดิมดังมาอีกหน ยังไม่จบแค่นั้นท่าไม้ตายสุดท้ายคือใช้เข่าดันบันเอวแล้วยกร่างหนานั้นลอยหวือขึ้น ราวกับเป็นกระสอบนุ่น คนที่โดนนวดด้วยท่าพิสดารร้องลั่น
“พอแล้ว ปล่อยฉันลงได้แล้ว! ” เจ้าของสปาหนุ่มหน้ายับย่น คิ้วเข้มขมวดชนกัน ส่งเสียงโวยวายดังลั่น
มุกรินยิ้มขำ ผลักร่างหนานั้นให้อยู่ในท่าเดิม ก่อนจะขยับกายถอยห่างออกมา
“เป็นไงคะ ฉันนวดดีไหมคะ” เสียงใสๆเอ่ยถาม แกมเยาะ
เจ้าของสปาหนุ่มหันมาจ้องหน้าเทอราปิสมือใหม่ เขาจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งนาน ดวงตาดำนิ่งสนิท ใบหน้าเรียบเฉยนั้น ทำเอาคนถูกจ้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ตายล่ะหวา...นี่เธอลืมตัวทำอะไรไปเนี่ย...
มุกรินเหงื่อแตกพลั่ก... ยกมือขึ้นเช็ดหน้าผากป้อยๆ ใบหน้าเริ่มซีด นึกเสียใจที่ทำรุนแรงกับเขา ท่าทางของชายหนุ่มนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ถูก หญิงสาวมองใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างหวั่นใจ กลั้นใจรอว่าอีกฝ่ายจะพูดยังไง
“โอเค...ผมรับคุณเป็นเทอราปิส” เรมินบอกพนักงานใหม่ด้วยน้ำเสียงเรียบห้วน
“จริงเหรอคะ”
มุกรินอ้าปากค้างมองคนบอกอย่างไม่เชื่อหู น้ำเสียงที่ถามสั่นนิดๆ นิ้วเรียวชี้ตัวเองประกอบคำพูด
“ผมรับคุณเข้าทำงาน คุณผ่านการทดสอบ”
เขาบอกแล้วลุกขึ้นยืนหันหลังให้หญิงสาว ริมฝีปากบางแย้มนิดๆ ดวงตาคมตวัดมองใบหน้าอ่อนใสอย่างเอ็นดู เมื่อครู่เขาแค่ทดสอบความอดทนของเธอเท่านั้น เทอราปิสต้องรับมือกับลูกค้าได้ทุกรูปแบบ มีความอดทนสูง และที่สำคัญฝีมือในการนวดต้องเข้าขั้น หญิงสาวมีคุณสมบัติครบถ้วน หากจะขาดคงขาดความใจเย็น เมื่อกี้เกือบจะหักคอเขาตายอยู่แล้วเชียว เรมินอมยิ้ม ไม่ถือสาความระห่ำเกินตัว ของเทอราปิสคนใหม่ เขาเดินออกมาจากห้อง ทิ้งให้มุกรินนั่งอึ้งอยู่ในห้อง
เมื่อมุกรินเดินออกมานอกห้อง ก็พบดาวฤกษ์กับเลขาของเจ้าของสปายืนรออยู่ มุกรินทดสอบฝีมือกับเจ้าของสปาหนุ่มอย่างทุลักทุเล เรมินนอนสบายให้หญิงสาวนวดเขาทั้งตัวร่วมชั่วโมง ขณะที่ดาวฤกษ์ซึ่งทดสอบฝีมืออยู่อีกห้องกับเทรนเนอร์ของสปา ใช้เวลาทดสอบฝีมือแค่ยี่สิบนาที
“เป็นไงบ้างเพลิน ผ่านไหม” ดาวฤกษ์ปราดเข้ามาจับแขนเพื่อนสาว
มุกรินพยักหน้าเนือยๆ “ฮื่อ...ผ่าน” ตอบเพียงสั้นๆแค่นั้น
“ฉันก็ผ่าน เทรนเนอร์ใจดี๊...ใจดี” ดาวฤกษ์ลากเสียงท่าทางอารมณ์ดีหนัก
เลขาสาวมองพนักงานใหม่ทั้งสองคนด้วยแววตาเอ็นดู สายตาจับจ้องหญิงสาวร่างบางหน้าตาอ่อนใสเป็นพิเศษ เจ้านายหนุ่มสุดหล่อลงทุนทดสอบฝีมือพนักงานใหม่ด้วยตัวเอง อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ รึว่า...สมภารอยากกินไก่วัดขึ้นมาเสียก็ไม่รู้ เจ้าหล่อนคิดอย่างขำๆ เตรียมนำเรื่องนี้เข้าสู่แวดวงสนทนาเชิงวิจารณ์ ที่เรียกว่าการนินทา ในมื้อเที่ยงนี้
“นี่เป็นรายละเอียดการทำงาน และกฎข้อบังคับของสปา อีกสองวันเจอกันค่ะ”
เลขาหน้าแฉล้ม เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมส่งเอกสารการทำงานตลอดจนกฎระเบียบของสปาให้หญิงสาวทั้งสองคน
