บทที่ 5 ทัวร์คาสิโน
ทายาทเพียงคนเดียวของคาสิโนพาแขกกิตติมศักดิ์ทัวร์รอบทั้งตึก ตั้งแต่โซนสันทนาการ ห้องอาหารสุดหรู ไนต์คลับ บาร์ ห้องวีไอพีให้แขกได้นั่งพักผ่อน รวมถึงห้องพักระดับห้าดาวให้แก่ลูกค้ากระเป๋าหนักที่เดินทางมาเสี่ยงโชคแบบยาว ๆ โดยมีสาวสวยหลากหลายสไตล์คอยดูแลเอาใจ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยกฎของอิงฟ้า จึงทำให้ไม่มีการค้าบริการอื่นอีกแล้ว พนักงานทั้งหมดไม่มีใครถูกบังคับให้มาทำงาน ทุกคนเต็มใจสมัครเข้ามาเอง แต่หากใครอยากหาลำไพ่พิเศษเพิ่มเติม ก็ตกลงกับลูกค้าเอง โดยทางคาสิโนจะไม่รับผิดชอบดูแลใด ๆ ทั้งสิ้น
ท่อนขายาวใต้กางเกงสแล็กของหนุ่มลูกครึ่งก้าวเข้ามายังโซนคาสิโนพร้อมหมาน้อยคู่ใจในอ้อมแขน ผายมืออวดโต๊ะพนันหลากหลายรูปแบบที่อัดแน่นเต็มโถงชั้นสี่ มีทั้งเครื่องสล็อต เกือบร้อยเครื่อง โต๊ะรูเล็ตต์ โต๊ะโป๊กเกอร์ และอีกมากมาย ซึ่งในเวลานี้มีลูกค้าเพียงบางตา
ก่อนจะพาไปดูโซนวีไอพีซึ่งมีฉากกั้นแยกจากโซนปกติ แถมยังต้องเข้าผ่านเส้นทางพิเศษ เพื่อรับรองแขกมีชื่อเสียง ผู้มีอิทธิพล หรือนักการเมืองใหญ่ที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนอีกด้วย
“เป็นไงบ้าง” แอซตันหันมาถาม
“ดีกว่าที่คิด พ่อมึงวางระบบทุกอย่างมาโอเคแล้ว”
“อืม กูไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก แต่คิดว่ายังมีปัญญาหยุมหยิมอยู่บ้าง”
“หึ ก็ไม่แปลกใจ วัน ๆ เอาแต่ตามเฝ้าพี่สาวกูขนาดนั้น” มาร์ตินแค่นหัวเราะ ไม่ได้สนใจสายตาขุ่นเคืองจากแอซตันเลย
“เฮอะ! ขอโทษนะ กูก็ทำงานแล้วโว้ย! ไม่ได้เอาแต่ลอยไปลอยมาเหมือนเมื่อก่อน” อดีตเพลย์บอยรีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“แต่ก็เห็นตามติดพี่สาวกูเป็นเงาอยู่ดี”
“นั่นเขาเรียกว่าใส่ใจเถอะ! มึงน่าจะดีใจที่กูดูแลมีอาดีไม่เปลี่ยนแปลง”
“หึ ก็ดีแล้ว”
“เฮ้อ ~ กวนตีนกูแต่เช้า”
“แค่แหย่เล่นนิดเดียวเองน่าพี่ชาย” มาร์ตินแสยะยิ้มซุกซน ขำเบา ๆ ที่เห็นหนุ่มหน้าหล่ออุ้มชิวาวาทำหน้าบูดบึ้ง
“ช่างเถอะ มีอะไรอยากจะรู้อีกไหมล่ะ”
“กูขอดูบัญชีที่นี่ได้ไหม อยากรู้ว่ารายได้มาจากอะไรเท่าไร”
“ตามมา เดี๋ยวพาไปเจอกับผู้จัดการคาสิโน”
ว่าจบชายหนุ่มเรือนผมน้ำตาลอ่อนก็หมุนกายเดินกลับออกจากส่วนวีไอพีกลับไปยังโซนธรรมดา โดยมีน้องชายของแฟนและไอซ์ตามหลังมาติด ๆ
เขาหันไปเรียกพนักงานสาวคนหนึ่ง ไม่นานเธอก็พยักหน้าแล้วเดินหายไปอีกทาง ไม่นานพนักงานคนเดิมก็กลับมาพร้อมหญิงวัยกลางคนท่าทางเป็นมิตรคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะคุณแอซตัน” เธอคนนั้นฉีกยิ้มกว้างเอ่ยทักลูกชายเจ้าของคาสิโนอย่างประจบประแจง ก่อนจะหันมามองหนุ่มสาวหน้าตาดีสองคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแอซตันด้วยความสงสัย
“นี่เจ๊มด ตอนนี้เป็นผู้จัดการคาสิโน ดูภาพรวมและปัญหาของที่นี่” ชายหนุ่มใช้มือที่ไม่ได้อุ้มเจ้าบราวนี่ ผายมาทางหญิงวัยกลางคนเพื่อแนะนำตัว
ผู้จัดการระบายยิ้มให้อีกสองคนเป็นมิตร
“ส่วนนี่ มาร์ตินนะเจ๊ เขาจะมารับช่วงต่อที่นี่แทนผมเมื่อพ่อผมวางมือ”
“หืม! คุณแอซตันไม่ได้จะเข้ามาดูแลที่นี่ต่อจากคุณเควินเหรอคะ”
ดวงตาของมดเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะหันมองว่าที่เจ้านายในอนาคตอย่างไม่เชื่อสายตา เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กหนุ่มท่าทางแสบซ่า ไม่น่ามีความสามารถบริหารกิจการวุ่นวายนี้ได้
“อืม”
“ทำไมล่ะคะ! เกิดอะไรขึ้น ละ...แล้วถ้าที่นี่ถูกเปลี่ยนมือ เจ๊จะโดนไล่ออกด้วยไหมเนี่ย” มดยิงรัวคำถาม ท่าทางตระหนกของเธอแสดงออกชัดว่าตกใจกับข่าวใหญ่นี้แค่ไหน
“เงียบน่า! นั่นมันเรื่องในอนาคต ถ้าเจ๊อยากอยู่ต่อก็ดูแลเจ้านายใหม่ดี ๆ แล้วกัน”
“คะ...ค่ะ ๆ แล้วนี่เรียกมดมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
พอรู้ว่าอยู่ต่อหน้าอนาคตเจ้านายเจ๊มดก็ยิ่งนอบน้อมต่อเด็กหนุ่มอายุน้อยเข้าไปอีก
“ผมแค่อยากจะดูรายการบัญชีเงินเข้าเงินออกภายในสามปีย้อนหลังของที่นี่ครับ” มาร์ตินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูเป็นงานเป็นการ แทบไม่เหลือเค้าโครงหนุ่มกะล่อนไม่เอาไหน
“เอ่อ...เรื่องนั้น” ผู้จัดการอึกอักลำบากใจ ก่อนจะเหลือบมองแอซตันเพื่อขอความเห็น เนื่องจากข้อมูลการเงินเป็นเรื่องสำคัญ
“ผมคุยกับพ่อแล้ว พ่อไม่ได้ว่าอะไร ยังไงฝากเจ๊มดดูแลมาร์ตินต่อด้วยแล้วกัน”
“ทราบแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบจากแอซตันเธอก็คลายกังวล รับช่วงต่อดูแลแขกคนสำคัญโดยการพาไปยังห้องรับรองด้านหลัง
แอซตันพูดคุยกับน้องชายของแฟนอีกสองสามประโยค ก่อนจะขอตัวกลับขึ้นไปพักผ่อนต่อ พร้อมย้ำว่าหากมีปัญหาอะไรก็โทรหาเขาได้ตลอด
ทั้งคู่เดินตามหลังผู้จัดการไปนั่งรอภายในห้องรับรอง ซึ่งมีโซฟาหนังอย่างดีตั้งเอาไว้กลางห้อง พร้อมโต๊ะเตี้ยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วน แถมยังมีแจกันและดอกไม้ประดับตกแต่งภายในห้อง เพื่อให้แขกรู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
ผู้จัดการสาวขอตัวไปนำเอกสารมาให้เด็กหนุ่มทำให้ตอนนี้เหลือเพียงมาร์ตินและไอซ์เท่านั้นภายในห้องสี่เหลี่ยม
“เป็นไงบ้าง” จู่ ๆ มาร์ตินที่ยืนล้วงกระเป๋ากลางห้องรับรองก็หันไปถามสาวข้างกายที่นิ่งเงียบราวรูปปั้นตั้งแต่เข้ามาที่คาสิโน
“คุณมาร์ตินหมายถึงเรื่องอะไรคะ” เธอตอบกลับอย่างเย็นชาเช่นเดิม
“ก็เรื่องคาสิโนนี่ไง เธอคงพอรู้แล้วว่าอีกหน่อยฉันจะเข้ามาบริหารที่นี่ด้วย และเธอก็ต้องช่วยฉันดูแลมัน”
“...”
“สรุปว่า?”
“ไม่ทราบค่ะ”
เด็กหนุ่มใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตนเองด้วยความมันเขี้ยวกับท่าทีเฉยชาของเธอ ทั้งที่เขาอธิบายเสียยืดยาวแต่ไอซ์ก็ไม่ออกความเห็นใดเลย
“ไม่ทราบ?” เขาทวนคำเสียงเย็น พลางใช้นัยน์ตาวาววับจับจ้องใบหน้าสวย
“ค่ะ บอกตามตรงฉันไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ คงไม่สามารถออกความเห็นอะไรได้”
“หึหึ”
ไอซ์ขนลุกวาบอย่างไร้สาเหตุกับเสียงหัวเราะของเจ้านายคนใหม่ หันมองเด็กหนุ่มผมส้มนิ่ง ๆ เริ่มรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้
พรึ่บ
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงก็ก้าวเข้าใกล้ ส่งผลให้หญิงสาวขยับหนีอัตโนมัติ แต่ท่อนขายาวของเขาก็ก้าวตามติด จนกระทั่งแผ่นหลังบางชนเข้ากับกำแพงห้องรับรอง
ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เรือนกายแข็งแกร่งของเจ้านายโรคจิตก็บดบังทัศนวิสัยของเธอเสียแล้ว ลดระยะห่างของทั้งคู่เหลือเพียงไม่กี่เซ็นต์ มันใกล้จนไอซ์สัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากร่างอีกฝ่าย
ใจดวงน้อยบีบรัดกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ใบหน้าสวยก็ยังคงนิ่งเรียบ ช้อนมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ
สองสายตาสบประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความใกล้ชิดส่งผลให้มาร์ตินสามารถได้กลิ่นกายเย้ายวนที่ลอยออกมาจากร่างคุณพี่จอมพยศ ความดื้อรั้นของเธอกระตุ้นเร้าสัญชาตญาณสัตว์นักล่าในกายให้ตื่นตัวเต็มที่
มุมปากหยักยกขึ้น พร้อมปลายนิ้วสากลากไล้ไปตามกรอบหน้าสวยอย่างหยอกล้อ แต่ก็ถูกมือเล็กปัดทิ้งรวดเร็ว
“อย่าทำให้ผมผิดหวังสิครับ...” เขากระซิบเสียงแหบพร่า จ้องลึกเข้ามาในดวงตาไร้อารมณ์ของหญิงสาวราวกับจะสะกดจิตเธอ
“...”
“ตอนนี้พี่มาทำงานให้ผมแล้ว...ผมไม่ต้องการได้ยินคำว่า ‘ไม่’ ออกจากพี่”
“...” ไอซ์เผลอกัดกลีบปากด้วยเองแน่นด้วยความเดือดดาลกับสายตาหยาบโลน จาบจ้วงที่เด็กบ้าใช้มองเธอ สูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อสะกดข่มโทสะ
“จำไว้ หน้าที่บอดี้การ์ดของพี่ ไม่ใช่การดูแลปกป้องผม แต่มันคือการทำตามคำสั่งผมเท่านั้น...ถ้าผมบอกให้มา พี่ก็ต้องมา...ถ้าผมสั่งให้พี่พูด พี่ก็ต้องพูด”
“...”
“และเมื่อไรที่พี่ขัดคำสั่ง...หรือตอบว่าไม่”
“...”
ไอซ์เผลอกลั้นลมหายใจ ร่างกายเกร็งเครียด เมื่อมาร์ตินเว้นช่วงประโยคไปพร้อมโน้มใบหน้าหล่อลงมาใกล้ยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงพร่าข้างใบหูด้วยประโยคที่ทำให้ท้องไส้เธอบิดมวนอย่างไร้สาเหตุ
“ผมก็มีสิทธิ์จะลงโทษพี่ทันที...เข้าใจไหมครับ”
“...”
ฝ่ามือเล็กจิกเข้าหากันจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บ คลื่นโทสะซัดสาดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า ยิ่งไอ้เด็กหื่นจงใจเป่าลมหายใจร้อนรดใบหูเธอด้วยแล้ว ระดับความอดทนของสาวน้ำแข็งดิ่งฮวบ ตวัดสายตาแข็งกร้าวมองเจ้านายอย่างต่อต้าน
“ไม่ค่ะ!” เธอตอบกลับเสียงลอดไรฟัน แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจในคำสั่งเอาแต่ใจ
“หึหึ ชอบจริง ๆ ผู้หญิงพยศเก่งแบบนี้ ดูเหมือนว่าพี่อยากให้ผมลงโทษสินะ”
หัวใจของมาร์ตินเต้นโครมคราม อารมณ์ลึกล้ำตื่นตัวสุดขีด อยากจะปราบพยศพี่สาวคนสวยให้หมอบราบแทบขาดใจ
นัยน์ตาที่เคยซุกซนเจ้าเล่ห์เปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ดูน่าสยอง แถมเด็กหนุ่มยังท้าทายความอดทนเธอต่อด้วยการเริ่มใช้ปลายนิ้วลากไล้ไปตามกรอบหน้าสวยจัดของเธอ ก่อนจะบีบแน่นที่ปลายคางบังคับให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คิดว่าจะใช้กำลังกับฉันแล้วฉันจะกลัว?” บอดี้การ์ดสาวกรีดยิ้มร้าย พลางเลิกคิ้วกวนอารมณ์ ไม่ได้รู้สึกกลัวเกรงเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเลย
ในหัวเตรียมแผนการตอบโต้กลับหลายรูปแบบ หากมาร์ตินใช้กำลังทำร้ายเธอจริง ๆ
พรึ่บ!
ดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนตัวสูงกลับบดจูบใส่กลีบปากเธอรุนแรงแทนการทุบตีอย่างที่ไอซ์เข้าใจ
“อื้อออ!” เธอดิ้นพล่าน พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักร่างสูงให้ออกห่าง แต่ร่างของมาร์ตินแทบไม่ขยับออก แถมยังเคลื่อนเข้าหา บดเบียดเรือนกายร้อนผ่าวเสียดสีกับร่างกายเธออีก
เรียวลิ้นร้ายแทรกลึกในจังหวะที่ไอซ์พยายามจะส่งเสียงร้อง การกระทำนั้นกลายเป็นเปิดทางให้เด็กมากประสบการณ์ส่งลิ้นเข้ามาสำรวจในโพรงปากเล็กได้ถนัด
เขาตวัดหยอกล้อกับลิ้นเล็ก พร้อมขบกัดกลีบปากเธอหนัก ๆ ระบายแรงปรารถนาพลุ่งพล่านในกาย
มือเล็กจิกกำไหล่หนา ทั้งจิก ทั้งข่วน ทั้งออกแรงผลัก แต่หนุ่มหน้าด้านก็ไม่สะทกสะท้าน ตั้งหน้าตั้งตาปล้นชิงลมหายใจเธออย่างหิวกระหาย
ปลายลิ้นซุกซนกวาดต้อนน้ำหวานในโพรงปากชุ่มชื้นดูดดื่ม ช่วงชิงอากาศบริสุทธิ์จากสาวอ่อนประสบการณ์ และยิ่งไอซ์พยายามดิ้นขัดขืน อากาศก็ยิ่งหมดเร็วขึ้น ในจังหวะที่ไอซ์เกือบจะหน้ามืดเพราะขาดอากาศ เขาก็ผละริมฝีปากออก
เพียะ
ฝ่ามือเล็กพุ่งเข้าหาแก้มสากเต็มแรงทันทีที่เป็นอิสระ พร้อมยกขาถีบเจ้านายหนุ่มที่กำลังมึนเบลอจากแรงตบให้เซถอยหลัง
ดวงตาเจ้าเล่ห์กลายเป็นดุดัน เขาจ้องเขม็งมองบอดี้การ์ดคนสวย พร้อมยกฝ่ามือลูบแก้มแดง ๆ จากการตบ รสชาติฝาดคาวคละคลุ้งในโพรงปาก จนมาร์ตินใช้ลิ้นดุนดันหารอยแผล ก่อนจะแสยะยิ้มน่ากลัว เพราะยัยตัวแสบตบเขาเสียเลือดกบปาก
“พี่แม่ง! ทำผมโคตรมีอารมณ์เลยว่ะ ชอบจัง ดื้อ ๆ แบบนี้”
“...”
ไอซ์ยืนนิ่งที่ตำแหน่งเดิมไม่ได้รู้สึกวิตกสักนิดกับสายตาเอาเรื่องนั้น เตรียมจะล้วงควักมีดพกออกจากที่ซ่อน สั่งสอนเด็กบ้ากลับไปบ้าง
แต่ในขณะที่มาร์ตินกำลังจะก้าวมาจัดการบอดี้การ์ดสาวต่อ ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดขัดจังหวะเข้ามาเสียก่อน
“มาแล้วค่ะ ~ ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานนะคะ มดไปเตรียมน้ำเย็น ๆ ชื่นใจมาให้คุณ ๆ ทั้งสองด้วยค่ะ”
น้ำเสียงสดใสพร้อมร่างของผู้จัดการสาวและถาดเครื่องดื่มเหมือนระฆังบอกเวลาหมดยก ทั้งสองที่เตรียมจะพุ่งเข้าหากันจึงต้องชะงัก
มาร์ตินใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มสะกดข่มแรงปรารถนาอันตรายให้กลับมาสงบ พลางส่งสายตาคาดโทษไปยังบอดี้การ์ดตัวดี ก่อนจะผละห่างจากร่างเย้ายวน แล้วทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่สนใจสายตาเลิ่กลั่กงุนงงของเจ๊มด ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มเรียกสติผู้จัดการสาว
“เอาแฟ้มมา เสร็จแล้วก็เชิญออกไปได้”
“คะ...ค่ะ ๆ ได้ค่ะ”
เจ๊มดกระวีกระวาดรีบนำแฟ้มบัญชีและเครื่องดื่มวางบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ก่อนจะรีบหมุนกายกลับออกไปเร็วจี๋ หนาวสันหลังแปลก ๆ กับรังสีอันตรายที่แผ่ออกจากตัวเด็กผมส้ม
ปึก
บานประตูห้องรับรองปิดลง พร้อมเสียงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกของผู้จัดการสาว
“เฮ้อออออออ ~ อกอีแป้นจะแตก หวังว่าเด็กนั่นจะไม่มาคุมคาสิโนจริง ๆ หรอกนะ ไม่งั้นฉันต้องหัวใจวายตายเข้าสักวันแน่ ๆ เด็กอะไร น่ากลัวเป็นบ้า”