บทย่อ
พราะการเสียชีวิตของบิดา ทำให้ครอบครัวที่เคยอบอุ่นของ ‘ไอซ์’ แตกสลาย มารดาเสียสติจากภาพกระทบกระเทือนจิตใจ ส่งผลให้ไอซ์ต้องถูกป้ารับไปดูแลต่ออย่างไม่เต็มใจ ความสงสัยเกี่ยวกับการตายของบิดายังค้างคาจิตใจหญิงสาวเสมอ จนได้โอกาสกลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีกครั้ง ไอซ์จึงแอบสืบคดีเก่าของบิดาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดจะสามารถเอาผิดน้องชายพ่อที่ยักยอกเงินบริษัทไปได้ ไอซ์จึงได้จับตามองตลอด เพื่อรอคอยโอกาส แต่เส้นทางการแก้แค้นของเธอก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เมื่อจู่ๆ เธอก็ถูก ‘มาร์ติน’ คุณชายรองของบ้านดึงตัวไปทำงานด้วย ซึ่งเธอรู้ดีถึงแผนการร้ายในใจเด็กเปรตนั่น! แต่พอจะลาออก เขาก็ดันรู้ความลับของเธอเข้า และใช้เรื่องนี้กดดันให้เธอต้องอยู่ข้างเขาต่อ งานนี้ไอซ์จะเอาตัวรอดจากคุณชายโรคจิตได้ไหม แล้วแผนการล้างแค้นจะสำเร็จหรือเปล่า ติดตามความเข้มข้นได้ในเรื่อง แผนขย้ำใจยัยบอดี้การ์ด sds “หึหึ งั้นเปลี่ยนคำถามใหม่ดีกว่า...” “...” “พี่เข้ามาทำอะไรที่คฤหาสน์ผมตั้งแต่เช้ากันครับ” ครั้งนี้เธอหมดความอดทนที่จะเล่นสงครามประสาทกับเด็กบ้าแล้ว รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากบอดี้การ์ดคนสวยอย่างคนไม่มีอะไรจะเสีย “คำถามนี้ฉันอยากตอบค่ะ” “ว่ามาสิครับ” “ฉันมาลาออก!” “...” “และถ้าถามถึงเหตุผล! ก็เพราะว่าฉันทนอยู่กับไอ้เด็กโรคจิตแบบนายไม่ไหวอีกแล้ว บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าฉันน่ะโคตรเกลียดขี้หน้านายเลย! แค่อยู่ใกล้ก็ทำเอาประสาทจะกิน! ดังนั้นถ้าอยากจะเล่นสนุก ปั่นประสาทใคร! ก็ไปหาคนใหม่ซะ! เพราะฉันไม่เอาแล้ว” ไอซ์เรียกได้ว่าสติแตก เธอตะคอกร่ายราวความอึดอัดในใจที่สะสมมาตลอดใส่อีกฝ่ายแบบไม่ไว้หน้า ตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เธอจะลาออก แล้วทุ่มเทชีวิตกับการตามสืบและแก้แค้นครอบครัวชัยพล แต่แทนที่คำพูดของเธอจะทำมาร์ตินโมโห จนกลับหัวเราะลั่นอย่างถูกใจ จนกลายเป็นเธอที่งงเสียเอง “ฮ่าๆๆๆๆ เพราะแบบนี้ไง ผมถึงโคตรอยากได้พี่เลย! ชอบจริงๆ ผู้หญิงสวยๆ ดุๆ แล้วพยศเก่งๆ เนี่ย เห็นหน้าพี่ทีไร ผมล่ะอยากกดให้จมเตียง” “โรคจิต!” “ขอบคุณครับ~ ปกติผมก็ไม่ค่อยแสดงมุมนี้ออกมาให้ใครเห็นนักหรอก ถือว่าพี่เป็นคนพิเศษเลยนะ” นอกจากไม่โกรธมาร์ตินยังยืนอกรับอย่างภาคภูมิใจ “...” ไอซ์หมดคำจะด่าไอ้เด็กหน้าด้านตรงหน้าแล้วจริงๆ ทางออกที่ดีที่สุดคือเงียบแล้วอยู่ให้ห่างไอ้เด็กบ้าคนนี้! ท่อนขาบางหมุนกายเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่หนุ่มผมส้มก็ร้องรั้งเอาไว้ก่อน “เฮ้~ ผมว่าเรายังคุยกันไม่จบนะครับ” “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว ฉันจะไปพบนายท่านแล้วขอลาออก เสร็จแล้วก็จะออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด!” ไอซ์หันมาแว้ดกลับอย่างหมดความอดทน ไม่เข้าใจว่าตัวเองเคยไปทำอะไรให้เขานักหนา ถึงได้ตามจองเวรไม่เลิกลา “ผมไม่ให้ออก” “นายมีสิทธิ์อะไร...” ไอซ์ถามเสียงเย็น ทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธจนหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ปกติจะเรียกอีกฝ่ายอย่างเคารพนอบน้อมแม้จะเกลียดเขามากก็ตาม แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอีกแล้ว “อื้มมม~ สิทธิ์เหรอ...” เขาเคาะคางพลางทำท่าครุ่นคิด “ตอนนี้ไม่มี” “...” คนตัวสูงระบายยิ้มกว้างราวเด็กแสนใสซื่อ ก่อนรอยยิ้มนั้นมันจะดูน่าขนลุกขึ้นเรื่อยๆ และพูดต่อให้จบประโยค “แต่ผมมีความลับของพี่อยู่ไง” “นะ...นาย!” มาถึงคิวของไอ้ต้าวหมาเด็กไทป์ร็อกไวเลอร์ของเราแล้ว~ เรื่องนี้จะเป็นแนวสืบสวน ปนอีโรติกแบบจัดเต็ม มีความขายขำ ปนดราม่าเล็กน้อยตามสไตล์ไรต์เช่นเดิมค่ะ เนื้อหาในเรื่องนี้จะต่อเนื่องจากเรื่องปฏิบัติการสอยนางฟ้า (มีอาxแอซตัน) ใครจะไม่ได้อ่านอย่าลืมแวะไปสอยนะคะ เพราะมีคู่พี่ไอซ์และมาร์ตินโผล่มาด้วย และครั้งนี้จะเป็นยังไง เมื่อไอ้หมาเด็กจิตป่วนคลั่งรักพี่บอดี้การ์ดคนสวยไม่ไหวแล้ว เลยต้องทำทุกทางแบบไม่สนจะโดนพี่ไอซ์สาปส่ง เรื่องนี้จะเป็นแนว SM ฉ่ำ โซ่ แส้ กุญแจมืออย่าให้ขาด เราจะไปช่วยพี่ไอซ์สืบคดีการตายของพ่อ และร่วมเอาใจช่วยให้ทั้งสองลงเอยกันด้วยดี โดยหวังว่าพระเอกของเราจะไม่ถูกนางเอกเอามีดกระฉวกใส่ซะก่อน ฝากไอ้ต้าวมาร์ติน และพี่น้ำแข็งคนสวยในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ อย่าลืมกดหัวใจ กดเข้าชั้น กดติดตามนามปากกา เดย์ไลลา เอาไว้ด้วยนะคะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป ช่วยคอมเมนต์เป็นกำลังให้ไรต์ด้วยนะคะ สามารถแวะเมาท์มอยกับไรท์ได้ในทวิตเตอร์ หรือ เพจเฟซบุ๊ก จะได้ไม่พลาดข่าวสารอัปเดตนะคะ ทวิตเตอร์ : เดย์ไลลา เพจเฟซบุ๊ก : เดย์ไลลา ลิขสิทธิ์เป็นเพียงของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติพุทธศักราช 2568 ห้ามดัดแปลงบทความ คัดลอก และนำไปใช้บางส่วนและนำไปเผยแพร่ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ 2537
บทที่ 1 คำสั่งใหม่
คฤหาสน์ครอบครัวมาร์ติน
ชายหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีส้มเดินขึ้นไปตามบันไดมุ่งหน้าสู่ชั้นสามของตัวบ้าน เขาย่างก้าวสบาย ๆ ก่อนจะหยุดลงที่หน้าห้องทำงานของบิดา
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา” เสียงทุ้มจากภายในห้องเอ่ยขึ้น
ร่างสูงบิดกลอนประตูเข้าไปในห้องทำงานทันทีที่ได้รับอนุญาต
อดีตมาเฟียเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมองมาทางลูกชาย คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยที่เห็นลูกชายมาหาในเวลานี้
“มีอะไรติน”
“ตอนนี้พี่มีอาไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดแล้ว ผมเลยอยากจะขอดึงตัวพี่ไอซ์มาทำงานด้วย” เด็กหนุ่มเอ่ยเข้าประเด็นทันที
“หืม ไอซ์งั้นเหรอ แกก็มีปกป้องอยู่แล้วหนิ แถมยังมีลูกน้องอีกหลายคนยังไม่พออีกเหรอ”
“ผมอยากได้พี่ไอซ์ พ่อก็น่าจะรู้ว่าพี่เขามีความสามารถรอบด้าน”
ไคโร นิ่งเงียบไปครุ่นคิดตามคำพูดของลูกชาย ไอซ์ถือว่าเป็นบอดี้การ์ดหญิงไม่กี่คน ที่มีทั้งทักษะการต่อสู้และฉลาดปราดเปรื่อง แต่ไคโรก็สัมผัสได้ว่าหญิงสาวไม่ชอบลูกชายเขานัก จึงค่อนข้างจะลำบากใจที่จะบังคับให้อีกฝ่ายต้องทำงานกับคนที่เธอไม่ชอบ
“เดี๋ยวพ่อลองถามไอซ์ให้แล้วกัน” ไคโรตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ไม่ต้องถามครับ พ่อก็แค่บอกเธอให้มาทำงานกับผมก็พอ”
ผู้เป็นบิดามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ช้อนสายตามองหน้าลูกชายคนรองของบ้านถามต่อเสียงเข้ม
“แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องรู้หรอกครับ”
มุมปากหยักของเด็กหนุ่ม ยกขึ้นส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเจ้าเล่ห์ เขายกฝ่ามือเสยเรือนผมสีส้มแสดที่มักทิ่มหน้าทิ่มตาบิดาอย่างลวก ๆ
“ยังไงฝากพ่อจัดการให้ด้วยนะครับ”
เมื่อพูดจบมาร์ตินก็หมุนกายเดินออกจากห้องทำงานไป ไม่ได้สนใจเสียงถอนหายใจ ด้วยความเหนื่อยหน่ายของบิดา มุมปากได้รูปแสยะยิ้มร้าย นัยน์ตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ กับแผนการร้ายครั้งใหม่
วันต่อมา
หลังจากที่มีอาลูกสาวสุดที่รักของบ้านสามารถคบหากับแอซตันอย่างเป็นทางการ แฟนหนุ่มสุดหล่อก็คอยตามดูแลไปรับไปส่ง ทำให้หน้าที่ของบอดี้การ์ดอย่างไอซ์เหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป ทำให้ตอนนี้เธอถูกย้ายไปช่วยงานในส่วนอื่น เช่นการดูแลความปลอดภัยรอบบริเวณคฤหาสน์ จัดเตรียมดูแลความสะดวกให้เหล่าเจ้านาย
หญิงสาวใบหน้าสวยจัดแต่กลับไร้อารมณ์ เรือนผมสีดำยาวจรดเอวถูกมัดรวบเอาไว้ด้านหลังเพื่อความคล่องตัว เธอแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูปคู่กับกางเกงสแล็กสีดำดูทะมัดทะแมง กอดอกยืนพิงกำแพงรั้วของคฤหาสน์หลบแดดแรงจ้าในช่วงบ่ายอันร้อนระอุของหน้าร้อน
เม็ดเหงื่อเกาะพราวกรอบหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสนใจนัก ตวัดสายตายืนเฝ้าประจำจุดแข็งขัน
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าเร่งรีบเรียกความสนใจจากบอดี้การ์ดสาวให้หันมองตาม ก่อนจะพบแม่บ้านสูงวัยก้าวขายาว ๆ ตรงเข้ามาหา
“น้องไอซ์” ป้านวลหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของคฤหาสน์เอ่ยเรียกท่าทางหอบเหนื่อย ก่อนจะเว้นช่วงพักหายใจหลังจากการเดินรอบคฤหาสน์กว้างเพื่อตามหาตัวหญิงสาวคนตรงหน้า
“มีอะไรเหรอคะ” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นายท่าน เรียกน้องไอซ์ไปพบที่ห้องทำงาน”
“...” ไอซ์ไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไปแต่คิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“ค่ะ ทราบแล้ว”
ป้านวลสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มองฝ่าแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุกลับไปยังคฤหาสน์ เธอก็ต้องถอนหายใจยาว ๆ แค่คิดว่าต้องเดินตากแดดกลับไปอีก คนแก่แบบเธอก็เหนื่อยเสียแล้ว
หลังจากถ่ายทอดคำสั่งเรียบร้อย หญิงอายุมากก็เดินก้มหน้าก้มตาก้าวขายาว ๆ กลับไปยังบ้านหลังใหญ่ให้เร็วที่สุด โดยมีบอดี้การ์ดสาวหน้านิ่งเดินตามหลังมาห่าง ๆ
อากาศภายในตัวบ้านแตกต่างจากอุณหภูมิภายนอกสิ้นเชิง อาจเป็นเพราะด้านในถูกปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนราคาแพง แม้จะไม่ได้เปิดแอร์แต่ก็ทำให้ภายในคฤหาสน์เย็นสบาย
หลังมือบางยกขึ้นปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าออกลวก ๆ เธอหันไปส่งสายตาขอบคุณป้าแม่บ้าน ก่อนจะเดินปลีกตัวขึ้นไปยังห้องทำงานของเจ้านายตามคำสั่ง
เท้าเล็กย่างก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นมุ่งหน้าสู่ชั้นสาม และแล้วสาวน้ำแข็งก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นใครบางคนยืนพิงราวบันไดกอดอกรออยู่ที่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์ ราวกับรู้ว่าเธอจะมา
ดวงตาเย็นยะเยือกปะทะเข้ากับเรือนผมสีส้มแปร๊ด ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนีไม่อยากจะเสวนากับเด็กบ้าตรงหน้า รีบเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าตรงไปทางห้องทำงานของไคโร
แม้ไอซ์จะเดินผ่านมาร์ตินมาแล้ว แต่ก็กลับยังได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเด็กหนุ่มลอยมาตามลม ทำเธอรู้สึกขนลุกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก ราวกับตัวเองเป็นลูกกวางตัวน้อยที่กำลังถูกราชสีห์จับจ้อง
หญิงสาวข่มใจพยายามสลัดความไม่สบายใจกลางอกออกไป สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรียกขวัญกำลังใจ แล้วใช้หลังมือเคาะลงบนประตูห้องทำงานนายใหญ่ของบ้านเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก
“เชิญเข้ามา”
หลังจากได้รับอนุญาตไอซ์จึงบิดกลอนประตู และผลักมันเข้าไป ความเย็นจากแอร์ภายในห้องทำงานปะทะผิวหน้าส่งผลให้ขนในกายเธอลุกชันอย่างไร้สาเหตุ หัวใจกลางอกซ้ายบีบรัดหนักหน่วง คิดไม่ตกถึงสาเหตุที่ถูกเรียกเข้าพบในเวลานี้
เธอปิดงับบานประตูลงเบา ๆ หมุนกายกลับมายืนตัวตรงเผชิญหน้ากับไคโรหน้าโต๊ะทำงาน
“นายท่านเรียกพบฉันเหรอคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แม้ในใจจะหวั่นวิตกแปลก ๆ ก็ตาม
“อืม”
ไคโร ตอบกลับสั้น ๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจยาวราวหนักอกหนักใจในสิ่งที่กำลังจะพูด นั่นยิ่งทำให้ไอซ์ใจคอไม่ดีนัก พลันนึกถึงสายตาไม่น่าไว้วางใจของมาร์ตินก่อนหน้า
“อย่างที่รู้ตอนนี้มีอาไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดคอยตามดูแลแล้ว” ไคโรเปิดประโยคด้วยท่าทางสุขุม อดีตมาเฟียเอนกายพิงเบาะเก้าอี้ แต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึม
“...”
ไอซ์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็พอคาดเดาสิ่งที่ไคโรต้องการจะสื่อได้ ในเมื่อเธอไม่จำเป็นต่อคฤหาสน์นี้แล้วอีกฝ่ายจะไล่เธอออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ใจที่เคยกังวลก็คลายออกช้า ๆ แค่หางานใหม่ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย
“ค่ะฉันเข้าใจ” เธอพยักหน้ารับเบา ๆ เตรียมจะเอ่ยขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา แต่เสียงของไคโรก็ดังแทรกขึ้นก่อน ประโยคนั้นไม่ต่างจากสายฟ้าผ่าเข้าที่กลางใจเธอ
“ดังนั้น หลังจากนี้เธอไปทำงานกับมาร์ตินซะ!”
ดวงตาไร้อารมณ์เบิกกว้างไม่คาดคิดว่าจะถูกเปลี่ยนตัวเจ้านายกะทันหันแทนที่จะโดนไล่ออก แถมอีกฝ่ายก็ยังเป็นเด็กที่เธอไม่ชอบขี้หน้าอีกด้วย
“ทำไมคะ” ไอซ์ถามต่อแม้จะพยายามเก็บกลั้นสีหน้าแล้ว แต่น้ำเสียงก็แสดงออกชัดถึงความไม่พอใจ
“เจ้ามาร์ตินมาขอดึงตัวเธอไปน่ะ คงอยากได้คนมีฝีมือแบบเธอไปดูแลละมั้ง” ไคโรตอบกลับปลง ๆ พลางถอนหายใจยาวอีกครั้ง
“ฉันมีทางเลือกอื่นไหมคะ” หญิงสาวกัดฟันกรอด ถามกลับไปอีกครั้ง แม้ความหวังจะริบหรี่ก็ตาม
“เกรงว่าจะไม่มี ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้เธออีกเท่าตัว ยังไงหลังจากนี้ฝากเธอดูแลเขาด้วยแล้วกัน”
“...”
ประโยคของนายใหญ่ถือเป็นการปิดจบบทสนทนา ไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องได้ต่อรองสิ่งใดต่อ
แม้จะไม่มีคำพูดใดออกจากปากบอดี้การ์ดสาวอีก แต่ฝ่ามือที่แนบข้างลำตัวเธอกลับบีบกำแน่น ระบายความขุ่นเคืองในใจ ไม่อยากจะคิดถึงชีวิตตัวเองนับจากนี้ ว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน
ไอซ์เผลอขบกรามแน่น สายตาคู่สวยแข็งกร้าวขึ้น แต่สุดท้ายเธอก็ต้องรับคำสั่งผู้เป็นเจ้านายโดยดี
“ค่ะ”
“ขอบใจมากเรื่องที่ฉันจะพูดก็มีเท่านี้ เธอกลับไปพักเถอะ”
หญิงสาวหน้านิ่งค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องด้วยจิตใจร้อนรุ่ม ไม่สบายใจเอาเสียเลย
ดวงตาเย็นเฉียบตวัดมองไปตามทางเดินยาว คาดว่าจะพบเด็กโรคจิตรอคอยเยาะเย้ยเธออยู่ แต่ตำแหน่งที่เขาเคยยืนกลับมีเพียงความว่างเปล่า
ร่างบางพ่นลมหายใจหนัก ๆ ระบายความอึดอัดกลางอก ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะตัดสินใจกลับไปยังห้องพักด้านหลังคฤหาสน์เพื่อทำใจกับหน้าที่ใหม่ที่ไม่ต้องการนี้
บอดี้การ์ดสาวเดินออกจากคฤหาสน์ ตัดผ่านสวนสวยที่ถูกตกแต่งดูแลอย่างประณีต เพื่อกลับไปยังห้องพัก สายตาไร้อารมณ์มองเห็นจุดหมายอยู่ไม่ไกล แต่แล้วหางตาก็สังเกตเห็นร่างสูงของเจ้านายคนใหม่ที่ตนเกลียดขี้หน้า ยืนกอดอกหลบแสงแดดยามบ่ายรออยู่หน้าห้องพักเธอก่อนแล้ว
ฝ่ามือเล็กจิกกำจนเริ่มรู้สึกเจ็บ เลือกที่จะมองอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ เดินผ่านร่างสูงของเขาไป แต่มาร์ตินก็ไม่ปล่อยให้เธอเมิน เอ่ยทักร่างน้อยด้วยน้ำเสียงระรื่นกวนอารมณ์คนฟัง
“ไงครับ คุณพ่อคงบอกพี่แล้ว” คนตัวสูงแสยะยิ้มด้วยท่าทางเป็นต่อ
“...”
ไอซ์ยังคงไม่พูดอะไรกลับไป เหมือนเสียงของมาร์ตินเป็นแค่สายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่าน พลางล้วงกุญแจเพื่อไขเข้าห้องพัก ท่าทางพยศนั้นปลุกกระตุ้นความอยากเอาชนะในใจเด็กหนุ่มให้ลุกโชน
กึก
บอดี้การ์ดสาวตัวแข็งทื่อ มือที่กำลังไขประตูห้องหยุดชะงัก พลางตวัดสายตาเหี้ยมเกรียม มองเด็กหน้าด้านที่ขยับกายเข้ามายืนเบียดเธอจากด้านหลังอย่างจาบจ้วงน่าตบ
เนื้อสัมผัสเนื้อแนบชิด ถึงขนาดที่ไอซ์รู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งร้อนบางอย่างกำลังดุนดันสะโพกเธออยู่ ใบหน้าสวยแดงซ่าน ไม่ได้เพราะความเขินอายแต่เป็นความโกรธสุดขีด
“ช่วยขยับออกไปด้วยค่ะ” เธอขู่เสียงเย็น พร้อมสะกดข่มโทสะไม่ให้ตะบันหน้าหล่อเหลาของเขากลับไป
“อ้าวเห็นผมด้วยเหรอ ไอ้ผมก็นึกว่าตัวเองเป็นวิญญาณ เลยว่าจะแอบลวนลามพี่สักหน่อย” มาร์ตินตอบกลับหน้ากวนอารมณ์ แถมยังไม่ยอมขยับตัวหนีอีก
“...”
และยิ่งไอซ์ไม่พูดอะไรกลับ นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มด้านหลังเริ่มย่ามใจ บดเบียดเรือนกายแข็งแกร่ง แนบชิดมากขึ้น ทำเส้นความอดทนของหญิงสาวลดฮวบ
พรึ่บ
ความอดทนต่ำลงจนถึงขีดสุด เธอหมุนกายกลับใช้มือทั้งสองข้างออกแรงผลักแผงอกแกร่งเต็มแรงจนมาร์ตินเซถอยไปด้านหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มหน้าด้านสลดแม้แต่น้อย เขาหัวเราะขบขันในลำคอเหมือนชอบใจในการกระทำของเธอ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นสัญญาณยอมแพ้
“โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว”
“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” บอดี้การ์ดสาวเอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน พยายามควบคุมกำปั้นตัวเองไม่ให้พุ่งใส่หน้าอีกฝ่าย
“พี่ความจำสั้นกว่าที่ผมคิดไว้นะ ผมเคยบอกพี่แล้วไง”
“...”
“ว่า...ผม...อยาก...ได้...พี่” มาร์ตินเน้นย้ำทีละคำราวกับต้องการตอกย้ำให้หญิงสาวจำมันให้ขึ้นใจ ประโยคเถรตรงและสายตาจาบจ้วง กระตุ้นโทสะในกายบอดี้การ์ดสาวให้ยิ่งลุกโชน
“เกรงว่าคุณมาร์ตินต้องผิดหวังแล้วละค่ะ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้น!” เธอตอบเสียงเย็น ดวงตาสีดำสนิทดูเข้มขึ้นจ้องเขม็งมองเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างเกลียดชัง
“หึหึ แล้วเรามาคอยดูกันว่าพี่จะรอดมือผมได้นานแค่ไหน”
มาร์ตินทิ้งท้ายพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก ของตนเองขณะใช้สายตาวิบวับมองเรือนกายเย้ายวนน่ารังแกของสาวตรงหน้าด้วยความมันเขี้ยว ท่าทางไม่ต่างจากพวกโรคจิต เด็กหนุ่มแสยะยิ้มร้ายให้เธออีกครั้ง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบไล้ใบหน้าเนียนละเอียดของเธอ หัวเราะในลำคอแล้วผิวปากอารมณ์ดีหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้สาวน้ำแข็งเดือดปุด ๆ ด้วยความหงุดหงิด
ขนาดยังไม่ทันจะเริ่มทำงานกับเขา มาร์ตินก็ประกาศกร้าวเสียแล้วว่าคิดไม่ดีกับเธอจริง ๆ ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่นพยายามคิดหาหนทางรอดไปจากเงื้อมมือเด็กโรคจิตให้ได้
ไอซ์ยืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าห้องอีกครู่ใหญ่ก่อนจะผลักบานประตูกลับเข้าห้องพัก เธอถอนหายใจยาว แล้วสายตาก็เหลือบไปมองภาพถ่ายครอบครัวสมัยเธอยังเด็ก
เด็กสาววัยเจ็ดขวบในภาพฉีกยิ้มกว้างท่ามกลางอ้อมกอดของบิดามารดาที่นั่งยอง ๆ เคียงข้างลูกน้อย ทั้งสามหันมาส่งยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข เหมือนครอบครัวแสนอบอุ่นทั่ว ๆ ไป และนี่ถือเป็นภาพใบสุดท้ายที่เธอได้ถ่ายร่วมกับครอบครัวก่อนจะเกิดเหตุการณ์สลด ที่ทำให้ชีวิตของเด็กร่าเริงคนนั้น เปลี่ยนไปตลอดกาล
นัยน์ตานิ่งเรียบเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว เผลอบีบฝ่ามือเข้าหากันสะกดข่ม ความเคียดแค้นในใจที่กำลังลุกโชน แผดเผาให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งร่าง
ไอซ์จ้องมองภาพบนหลังตู้เสื้อผ้าใบเตี้ยอีกครั้ง พร้อมเอ่ยคำสัญญาด้วยเสียงน่าขนลุก
“หนูจะทวงความยุติธรรมให้พ่อเองค่ะ!”

