บทที่ 6 ธุรกิจครอบครัว
ท่อนขากำยำใต้กางเกงสแล็กยกขึ้นไขว้ ขณะชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเปิดไล่อ่านดูรายการบัญชีรายรับรายจ่ายตลอดสามปีย้อนหลังมานี้ แม้จำนวนเงินจะมหาศาลแค่ไหน มาร์ตินไม่สนใจจุดนั้น แต่เขาจดจ่ออยู่กับแนวโน้มที่รายได้ลดลงมาเรื่อย ๆ ผิดกับรายจ่ายที่ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น
ใบหน้าขี้เล่นซุกซนกลายเป็นสุขุมจริงจังจนบอดี้การ์ดสาวยังรู้สึกแปลกใจ แต่ถึงเขาจะให้ความสนใจเหล่าเอกสารนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ลดความระแวงเขาลงแม้แต่น้อย
ไอซ์ยืนเอามือไพล่หลังรออยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยเหลือบมองมาทางเธอ
“มานั่งนี่สิ พี่ช่วยผมดูเอกสารพวกนี้หน่อย”
“...”
“พี่ไอซ์...” เสียงของเขาเข้มขึ้นอย่างกดดัน เมื่อบอดี้การ์ดสาวเอาหูทวนลมไม่ขานรับทำตามคำสั่ง ทั้งที่เมื่อครู่เขาเพิ่งเตือนเธอไปแท้ ๆ เริ่มทำระดับอารมณ์ไม่มั่นคงในตัวเขาแกว่งอีกรอบ
“...”
หญิงสาวเม้มปากเข้าหากัน ไม่พอใจสุด ๆ ที่ต้องมาทำงานกับเด็กโรคจิตที่จ้องจะลวนลามเธอทุกวินาทีแบบนี้ แต่เมื่อสบประสานเข้ากับดวงตาดุดันไม่มีแววล้อเล่นอีก ไอซ์ก็กลอกสายตาเหนื่อยหน่าย ก้าวไปทางโซฟารับแขก ก่อนจะทิ้งกายลงบนเก้าอี้ตัวที่ห่างไกลมาร์ตินมากที่สุด
ชายหนุ่มเฝ้ามองทุกปฏิกิริยาของรุ่นพี่หน้าสวย ยิ่งเห็นท่าทางพยศ ต่อต้านไม่เลิก ฝ่ามือก็คันยิบ ๆ อยากจะลงโทษให้เธอเลิกดื้อกับเขาเสียที
แรงปรารถนาภายในพลุ่งพล่านไปหมดเพียงแค่ได้มองหน้านิ่ง ๆ ของเธอ อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากเธอมาอยู่ใต้ร่างเขาขณะกระแทกกระทั้น ใบหน้าสวย ๆ จะแสดงออกอย่างไร
“...”
“...”
“จะให้ฉันดูเอกสารอะไรก็ส่งมาค่ะ แล้วช่วยเลิกทำหน้าโรคจิตใส่ฉันด้วย” ไอซ์เอ่ยเสียงเย็น ตวัดสายตามองกลับเจ้านายเด็กอย่างไม่กลัวเกรง เรียกรอยยิ้มร้ายให้ผุดขึ้นบนหน้าของมาร์ตินทันที
“หึหึ บางทีผมอาจโรคจิตได้มากกว่าที่พี่คิดก็ได้นะ”
“...” ไอซ์เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรกลับไปอีก ไม่อย่างนั้นเด็กบ้าคงได้หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอต่อแน่
มาร์ตินหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอ ก่อนจะเลื่อนแฟ้มรายการบัญชีของสามปีก่อนมาให้บอดี้การ์ดสาว เธอยอมรับมันมาเปิดอ่านโดยดี
สงครามประสาทระหว่างทั้งคู่ยุติลงชั่วคราว ต่างตั้งหน้าตั้งตาดูเอกสารอย่างจริงจัง
ดวงตาคู่สวยอ่อนล้า จนต้องปิดพักสายตาครู่หนึ่ง ตอนนี้เธอได้ดูบัญชีทั้งสามปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวนตัวเลขทำเธอเวียนหัวไปหมด หลังจากห่างหายจากการเรียนมาหลายปี
บอดี้การ์ดสาวเหลือบมองสีหน้าเคร่งขรึมของมาร์ติน แอบประหลาดใจไม่น้อยที่เด็กกะล่อนคนนี้มีมุมจริงจังกับเขาด้วย แต่ถึงแบบนั้นการต้องมาอยู่ห้องเดียวกับหนุ่มที่เธอไม่ชอบหน้าก็อดที่จะสร้างความอึดอัดให้ไม่ได้
“อย่ามองผมแบบนี้สิครับ...” เขาอมยิ้มเอ่ยเย้าแหย่โดยที่ดวงตายังไม่ได้ละไปจากตัวอักษรบนเอกสารเลย
“...”
“มันทำผมตื่นเต้นรู้ไหม”
“...”
ไอซ์พ่นลมหายใจหนัก ๆ เหนื่อยหน่ายกับคำพูดแทะโลมลามกของเด็กหื่น กลอกสายตาระอา
“ขอฉันออกไปเดินข้างนอกหน่อยนะคะ”
“ทำไม? เบื่อแล้ว?”
“คุณมาร์ตินอยากให้ฉันศึกษาระบบภายในคาสิโนไม่ใช่เหรอคะ เลยอยากออกไปเดินดูอะไรหน่อย”
“...”
ดวงตาคมหรี่ลงอย่างจับผิด แต่ไอซ์ก็ยังคงมีสีหน้าราบเรียบ สุดท้ายชายหนุ่มก็ปิดแฟ้มหนาแล้วหยัดกายขึ้นเต็มความสูง
“ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ ค่อยมาวางแผนเรื่องนี้อีกที”
“...”
หญิงสาวงุนงงกับท่าทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร หยัดกายเดินตามเจ้านายหนุ่มออกไป
มาร์ตินแวะพูดคุยกับเจ๊มดให้ส่งเอกสารบางอย่างไปให้เขาในอีเมล ก่อนจะร่ำลาผู้จัดการสาวแล้วเดินนำกลับออกไปยังลานจอด
ปึก
ประตูรถสปอร์ตสีส้มแปร๊ดปิดลง ก่อนมันจะทะยานออกจากลานจอดมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่หญิงสาวไม่คุ้นชินอีกครั้ง
ความหวาดระแวงก่อตัวขึ้นกลางอกบอดี้การ์ดสาว เธอไม่ลดเกราะป้องกันลงแม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งรถขับออกห่างจากตัวเมืองมากเท่าไร ใบหน้าสวยก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น
แม้ความสงสัยจะวิ่งวุ่นเต็มหัว แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงราบเรียบต่างจากความรู้สึกภายในสิ้นเชิง
รถราบนท้องถนนเริ่มบางตาลงเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาอยู่ยังเขตชานเมือง แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงตรงก็ตาม แต่บรรยากาศก็แตกต่างจากความวุ่นวายในตัวเมืองราวกับอยู่คนละโลก
เด็กหนุ่มยังขับรถต่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ไอซ์ไม่อาจคาดเดาได้ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่ประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศในรถค่อนข้างน่าอึดอัด แต่คนขับก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจ หรือจะหันมาอธิบายสิ่งใดให้ร่างน้อยรับทราบ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มาร์ตินก็หักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าสู่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ยิ่งขับลึกเข้าไป ถนนคอนกรีตก็กลายเป็นดินลูกรังขรุขระ
หัวใจดวงเล็กบีบรัดหนักหน่วง เหลือบมองหาความผิดปกติบนใบหน้าหล่อร้ายนั้น แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มปริศนา ส่งผลให้ไอซ์เริ่มใจคอไม่ดีนัก จินตนาการไปต่าง ๆ นานา ว่าเด็กโรคจิตจะกลั่นแกล้งเธอไม้ไหนอีก
หัวคิ้วบางขมวดเข้าหากัน มองตึกอาคารเก่า ๆ ที่ถูกทิ้งร้างด้านนอก หลังจากขับไปสักพัก มาร์ตินก็เลี้ยวอีกครั้งก่อนจะผ่านซุ้มประตูโค้งที่ทำท่าจะพังมิพังแหล่ จากการคาดเดาเธอคิดว่านี่คงเป็นโครงการคอนโดฯ ที่ถูกปล่อยทิ้งด้วยพิษเศรษฐกิจของหลายสิบปีก่อน ดูจากขนาดที่ใหญ่โต ตอนก่อสร้างคงใช้เงินทุนมหาศาลแน่ ๆ
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาร์ตินดังขึ้น เรียกสายตาจากหญิงสาวข้างกายให้หันไปมอง ปลายนิ้วหนากดรับโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากท้องถนนขรุขระเบื้องหน้าเลย
“ว่า…”
“ใกล้จะถึงแล้ว”
“เออ ๆ รู้แล้ว ๆ เลิกบ่นเถอะ แค่นี้นะ”
เขากดตัดสายทิ้งไป กดจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าเร็วจี๋
ท้องน้อยแบนราบปั่นป่วน หวาดเสียวกับความเร็วของรถที่ขัดแย้งกับสภาพถนน ฝ่ามือทั้งสองข้างจิกกำแน่น พยายามสงบสติอารมณ์ ในที่สุดมาร์ตินก็ขับฝ่าโครงการร้างแห่งนั้นไป ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยวอีกแห่ง
ดวงตานิ่งเรียบทอดมองออกไปด้านนอก ก่อนจะพบกับตึกสามชั้นเก่า ๆ สภาพทรุดโทรมไม่ต่างจากโครงการเมื่อครู่ แต่สิ่งที่ต่างออกไปและทำให้เธองุนงง ก็คือสถานที่แห่งนี้มีคนอยู่ แถมยังเยอะมากอีกด้วย
ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แต่งกายคล้ายคลึงกันไปหมดกระจายตัวกันอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ รอบอาคารร้าง พวกเขาเหลือบมองมาทางรถสปอร์ตสีส้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งรถของมาร์ตินจอดเทียบรถหรูอีกสามคันที่จอดเอาไว้ก่อนแล้ว
ดวงตาคู่สวยหรี่ลง มองความย้อนแย้งเบื้องหน้า สถานที่ทิ้งร้างแบบนี้ไม่สมควรมีรถราคาหลายสิบล้านจอดแน่ ๆ รวมถึงกลุ่มชายฉกรรจ์เฝ้าไม่ห่างเช่นนี้ คาดเดาได้ไม่ยาก ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในธุรกิจมืดของครอบครัว อาเจนเตโร่ อย่างการค้าอาวุธเถื่อน
เด็กหนุ่มชำเลืองมองบอดี้การ์ดสาวเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอแต่งกายเรียบร้อยดีเขาก็ผลักประตูออกไป ซึ่งไอซ์ก็ต้องตามเขาไปอย่างไม่มีทางเลือกเช่นเดิม
สายตาว่องไวกวาดสำรวจภายในอาคารสามชั้นสภาพใกล้พัง แล้วไอซ์ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามีกลุ่มคนทั้งคุ้นหน้าและไม่คุ้นอยู่ภายในอีกหลายสิบคน แถมสภาพด้านในก็แตกต่างจากด้านนอกราวฟ้ากับเหว
ด้านในของตึกสภาพย่ำแย่สะอาดสะอ้านจนหญิงสาวแปลกใจ ทุกอย่างถูกปรับปรุงใหม่ ไม่เห็นแม้แต่รอยร้าว
กล่องลังไม้ขนาดใหญ่สูงเกือบเท่าตัวคนหลายร้อยกล่องถูกวางกองเรียงกันเป็นตั้งสูง โดยมีลูกน้องหนุ่มนั่งอยู่หลังแฮนด์ลิฟต์เคลื่อนย้ายกล่องพาเลทไม้ไปจัดเรียงด้านข้าง
ไอซ์มองภาพเบื้องหน้าด้วยความสนใจ ก่อนเธอจะสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเอวบางถูกมือปริศนาโอบกระชับ
“...”
พอก้มมองตาม มันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเด็กหน้าด้านหน้าทนคนเดิม!
“ช่วยปล่อยด้วยค่ะ…” เธอเอ่ยเตือนเสียงเย็น
“ไม่! พี่ไม่เห็นเหรอว่าไอ้พวกนั้นมันหันมองพี่ตาแทบหลุด! เฮอะ!...มองห่าอะไรกันวะ!”
สิ้นเสียงตะคอกของหนุ่มหัวส้ม เหล่าลูกน้องหนุ่มก็รีบก้มหน้าหลบสายตาน่ากลัว ไม่กล้ามองสาวสวยคนนั้นอีกเลย นั่นจึงทำให้ไอซ์เพิ่งรู้ตัวว่าเธอโดนพวกเขาจับจ้อง
หญิงสาวถอนหายใจยาว กลอกสายตา ก่อนจะปัดมือปลาหมึกให้พ้นกาย ซึ่งมาร์ตินก็หน้าด้าน ไม่ยอมแพ้ โอบรั้งร่างน้อยอีกครั้ง ราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ พร้อมหันไปส่งสายตาดุดันใส่ลูกน้องหน้าตายทุกคนที่กล้ามองบอดี้การ์ดคนสวยของเขา
สุดท้ายกลายเป็นไอซ์ที่เหนื่อยหน่ายกับการต้องเล่นสงครามประสาทกับเด็กหนุ่ม เธอปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้เขาโอบเอวน้อยพาเดินขึ้นยังด้านบนของตัวอาคารเก่า
และทันทีที่ทั้งคู่พ้นสายตา กลุ่มชายฉกรรจ์ก็รีบกระซิบกระซาบไม่ต่างจากกลุ่มสาว ๆ ขาเม้าท์
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ใครวะ โคตรสวยเลย!”
“เธอชื่อไอซ์โว้ย ทำงานให้คุณไคโรเหมือนกู” หนึ่งในกลุ่มชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลางยืดอกภูมิใจ
“โห! เจ้านายมึงคัดลูกน้องสวยขนาดนี้มาทำงานเลยเหรอเนี่ย!”
“เธอเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนูกูโว้ย”
“แล้วทำไมมากับคุณมาร์ตินได้ล่ะ”
“เอ่อ...นั่นก็เพราะ”
ชายคนเดิมครุ่นคิดท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นจากเพื่อนคนอื่น ๆ ก่อนสุดท้ายเขาจะส่งยิ้มแห้งกลับไป
“เรื่องนั้นกูก็ไม่รู้ว่ะ”
“โห่!”
“ทำพูดเหมือนรู้ดี!”
“ไหน ๆ ใครทำงานกับคุณไคโรอีกบ้าง เล่าเรื่องสาวสวยคนนั้นให้กูฟังหน่อยสิ”
แล้วกลุ่มลูกน้องหนุ่มก็ร้องหาแหล่งข่าวอื่นต่อ ไม่นานชื่อเสียงความสวยของไอซ์ก็กระจายเป็นวงกว้าง หากมาร์ตินมาทราบภายหลัง คงหัวเสียน่าดูที่พลาดพาเธอมาเหยียบแหล่งกบดานนี้!