บท 2 - 1
2
“เฮ้อ… เหนื่อย” ช่วงสายของวัน ขณะที่จุ๊บจิ๊บกำลังเพ่งสายตามองไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก เพื่อนั่งอ่านข้อมูลและเตรียมเอกสารการสมัครงานอยู่นั้น เขาก็ได้พูดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับหยุดทำทุกอย่าง เมื่อเริ่มรู้สึกปวดตาขึ้นมา
หลังในตอนนี้จุ๊บจิ๊บกำลังนั่งเตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ในการสมัครงานในหลาย ๆ ที่อยู่ เนื่องจากเขาตั้งใจว่าเมื่อตัวเองอยู่ในบ้านหลังนี้จนครบหกเดือนตามสัญญาแล้ว เขาก็จะเริ่มทำงานต่อเลย เพราะเงินจำนวนเจ็ดหลักที่จุ๊บจิ๊บจะได้ครบหลังจากที่จบงานนี้ มันคงไม่ได้มากพอที่จะทำให้เขาใช้จ่ายได้ตลอดทั้งชีวิตหรอก
“โทรมาพอดีเลยแฮะ” ระหว่างที่กำลังนั่งพัก เสียงของจุ๊บจิ๊บก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเครื่องมือสื่อสารของเขาดังขึ้น ซึ่งก็เป็นแม่ผัวของเขานั่นแหละที่โทรมาหา
“สวัสดีครับ คุณแม่” จุ๊บจิ๊บพูดกับปลายสายก่อน โดยเขาก็ได้เรียกคุณนายเอื้องด้วยสรรพนามที่เธออยากได้ยิน
[เป็นยังไงบ้าง นอนอยู่ที่นั่นคืนแรก เธอเจออะไรหรือเปล่า?]
“ผีน่ะเหรอครับ”
[ไม่ใช่ผี] คุณนายเอื้องตอบกลับมาทันที ทำเอาจุ๊บจิ๊บถึงกับขมวดคิ้วแล้วก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เมื่อคุณนายเอื้องเอ่ยประโยคถัดมา [ฉันหมายถึงลูกชายของฉัน เธอเจอบ้างหรือเปล่า?]
“แล้วลูกชายของคุณนายเอื้องไม่ใช่ผีเหรอครับ ในเมื่อเขาตายไปแล้ว” จุ๊บจิ๊บถามออกไปอย่างที่คิด ก่อนที่ในหลังจากนั้นทั้งจุ๊บจิ๊บและตัวของคุณนายเอื้องเองจะต่างเงียบไปพร้อม ๆ กัน
[….]
“ผม…ผมขอโทษครับ” จุ๊บจิ๊บพูดเสียงแผ่ว หลังต่อมความรู้สึกผิดของเขาเริ่มทำงานขึ้นมา เพราะการที่เขาพูดแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากการไปสะกิดแผลใจของเธอเลย และการสูญเสียลูกชายของตัวเองมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก หากจะต้องทำใจยอมรับมัน
[ไม่เป็นไร เพราะมันก็จริงของเธอนั่นแหละ เจนเขาตายไปแล้ว…] คุณนายเอื้องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
“….”
[แล้วสรุปเธอเจอเขาบ้างไหม?] คุณนายเอื้องกลับเข้าประเด็นอีกครั้ง
“ถ้าเห็นเป็นตัวเป็น ๆ เลย ผมไม่เห็นหรอกครับ แต่ผมก็รู้สึกนะว่าเขายังอยู่จริง ๆ” จุ๊บจิ๊บว่า โดยในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็เริ่มไล่เรียงเหตุการณ์ว่าตั้งแต่ที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้ และประกาศตัวว่าเป็นเมียของคุณเจน เขาเจออะไรแปลก ๆ บ้าง
[แล้ว…เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?]
“ไม่นะครับ คุณเจนไม่ได้มาทำอะไรผม แต่เขาก็แค่พยายามแสดงตัว เพื่อบอกให้ผมรู้ว่าเขายังอยู่ที่นี่” จุ๊บจิ๊บพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
[ดีแล้วล่ะ ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเธอก็ดีแล้ว]
“ทำไมเหรอครับ ปกติแล้วคุณเจนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้เหรอ” จุ๊บจิ๊บถามต่ออย่างนึกสงสัย
[ก็พอตัวนะ เพราะดูเหมือนเขาจะไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับบ้านเขาเท่าไร แล้วเวลาที่ฉันจ้างแม่บ้านให้เข้าไปทำความสะอาดให้ก็มักจะเจอดีกันทุกราย จนสุดท้ายเวลาที่แม่บ้านจะเข้าไปทำความสะอาดที แม่บ้านก็ต้องพากันเข้าไปพร้อมกันเป็นสิบคน]
“….”
[ฉันโทรมาถามเธอก็แค่เท่านี้แหละ ถ้าเธอยังอยู่ได้ก็โอเคแล้ว]
“ครับ ไว้ถ้ามีอะไร ผมจะโทรกลับไปถามนะครับ” เมื่อวางสายจากคุณนายเอื้องแล้ว จุ๊บจิ๊บก็นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาที แล้วค่อยลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำและหาอะไรกินอีกยก หลังความหิวของเขาเริ่มทำงานอีกครั้ง
“ข้างหลังบ้านคุณเจนก็ลมพัดเย็นสบายอยู่นะเนี่ย” ขณะที่กำลังทิ้งตัวลงกับพื้นพร้อมกับจานมะม่วงน้ำปลาหวาน จุ๊บจิ๊บก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อเขาได้เดินไปเปิดประตูด้านหลังบ้านดู ซึ่งด้านหลังบ้านของคุณเจนนั้นมันก็ค่อนข้างเป็นสถานที่ปลอดโปร่ง มีลมพัดเย็นสบาย ทำเอาจุ๊บจิ๊บอดใจไม่ไหวต้องขอนอนกินมะม่วงที่พื้นพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
สถานะตอนนี้จุ๊บจิ๊บกลายเป็นคนว่างงานโดยสมบูรณ์แบบ
หลังเลื่อนดูโซเชียลของตัวเอง แล้วเห็นเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ที่เรียนในรุ่นเดียวกันโพสต์หรือบ่นเรื่องงานประจำ จุ๊บจิ๊บก็แอบชะงักไปเล็กน้อย เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ทำงานเหมือนอย่างเพื่อน ๆ เลย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีงานจนถึงตอนนี้ มันก็อาจเป็นเพราะว่าจุ๊บจิ๊บใฝ่สูงเกินไป อยากทำงานในบริษัทใหญ่และไม่อยากรับเงินเดือนแค่หมื่นสองแหละมั้ง
“นี่แหละน้า… เป็นคนเรื่องมาก มันก็เลยไม่มีงานมาจนถึงตอนนี้ ทำใจเถอะนะจุ๊บจิ๊บ” หลังปิดหน้าจอโทรศัพท์และวางมันไว้บนหน้าท้องแล้ว เสียงของจุ๊บจิ๊บก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเคี้ยวมะม่วงไปด้วย โดยหลังจากนั้นเพียงไม่นานนัก จุ๊บจิ๊บก็ได้ปิดตาลงอย่างช้า ๆ เพราะเขาตั้งใจว่าจะขอนอนกลางวันสักงีบแล้วค่อยลุกขึ้นไปปรับแก้เรซูเม่ของตัวเองต่อ
ในตอนนี้จุ๊บจิ๊บน่าจะกำลังฝันอยู่ เขาคิดอย่างนั้น
ระหว่างที่กำลังนอนกลางวันอยู่หลังบ้าน ณ ที่เดิม จุ๊บจิ๊บก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ หลังเขากำลังรู้สึกว่าตัวเองถูกลูบหัวคล้ายกับกล่อม เพื่อให้จุ๊บจิ๊บรู้สึกหลับสบายยิ่งกว่าเดิม ซึ่งคนที่คอยลูบหัวให้เขาอยู่นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็นคุณเจนสามีของจุ๊บจิ๊บนั่นแหละ
“พี่เจน…” เมื่อได้สบตากับอีกคนแล้ว จุ๊บจิ๊บก็พูดขึ้นทันที
“เป็นไง ชอบไหม?” คุณเจนถามกลับมาทั้งรอยยิ้ม และในขณะเดียวกันนั้นอีกฝ่ายก็ยังคอยลูบหัวให้จุ๊บจิ๊บอยู่อย่างนั้น
“ชอบครับ”
“งั้นเดี๋ยวเจนจะคอยลูบหัวให้นะ จุ๊บจิ๊บหลับเถอะ”
“อื้อ!” เมื่อขานรับเรียบร้อยแล้ว จุ๊บจิ๊บก็หลับตาลงอีกครั้ง เพื่อปล่อยให้สามีลูบหัวของตัวเองต่อ
จุ๊บจิ๊บหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากเสียงโทรศัพท์อีกแล้ว…
“ฮัลโหล ว่ายังไงออย” หลังเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โทรมาหา จุ๊บจิ๊บจึงกดรับสายแล้วถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
[ทำไมเสียงมึงเป็นงั้นวะ นี่มึงนอนกลางวันเหรอ?] ปลายสายถามกลับมา
“อือ ตอนนี้กูกำลังนอนกลางวันอยู่ มึงมีอะไร”
[อ๋อ พอดีกูจะชวนไปกินแจ่วฮ้อนตอนเย็นนี้อะ มึงไปไหม เพราะเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะมึง]
“ที่ร้านเดิมเหรอ”
[ใช่ ไปไหม? เดี๋ยวกูเลี้ยงเบียร์ก็ได้]
“มึงสัญญาแล้วนะ งั้นกูไปก็ได้ แล้วเราจะเจอกันตอนกี่โมงอะ” จุ๊บจิ๊บถามต่อ
[เจอกันสักหกโมงก็ได้ กูเลิกงานพอดี]
“เค ๆ งั้นเจอกันร้านเดิม” หลังกดวางสายจากเพื่อนไปแล้ว จุ๊บจิ๊บถึง
ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นด้วยเสียงโอดครวญ เพราะการนอนพื้นแข็ง ๆ แบบที่ไม่มีอะไรมาปูรอง มันทำให้เขารู้สึกปวดหลัง
“เอ๊ะ! แล้วเมื่อกี้เราฝันนี่นา” ในเวลาต่อมา จุ๊บจิ๊บก็ได้พึมพำต่อด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย เมื่อเขาเพิ่งจะนึกได้ว่าระหว่างที่ตัวเองกำลังหลับอยู่นั้น จุ๊บจิ๊บมีการฝันถึงคุณเจนด้วย
แล้วเพราะอย่างนั้น… นั่นจึงทำให้ในเวลาต่อมาจุ๊บจิ๊บก็ได้ใช้มือของตัวเองสัมผัสตรงบริเวณที่ถูกคุณเจนลูบทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัว เพราะฝันกลางวันของเขานี้มันช่างเหมือนจริงเหลือเกิน
“เราคิดไปเองหรือเขามาเข้าฝันจริง ๆ วะ” จุ๊บจิ๊บเอ่ยต่อเสียงแผ่วพร้อมหยิบจานมะม่วงและลุกขึ้น เพื่อเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ซึ่งพอเขาเดินกลับเข้ามาด้านในแล้ว จุ๊บจิ๊บก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ หลังโพสต์อิตที่คุณเจนเขียนเอาไว้ให้ในตอนแรกและจุ๊บจิ๊บก็ได้ติดมันเอาไว้บนโน้ตบุ๊ก ในตอนนี้มันเหลือเพียงแค่กระดาษโพสต์อิตเปล่า ๆ เท่านั้น ไม่มีรอยน้ำหมึกหลงเหลืออยู่เลย
ราวกับว่าโพสต์อิตใบนี้ มันไม่เคยถูกเขียนมาก่อน
“หายไปหมดเลยเหรอ ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย” เมื่อพยายามเพ่งสายตามองหาร่องรอยน้ำหมึกที่น่าจะติดอยู่บนกระดาษแล้ว จุ๊บจิ๊บก็ต้องพึมพำต่ออีกครั้งด้วยความพิศวง
