บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 กวางน้อยในถ้ำเสือ

อลิชาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ ท่าทีเก้กังของเธอทำให้ติณณ์รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ร่วมเตียงนอนกับผู้ชาย เขายกยิ้ม...นอนมองเธอด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาได้

“มานี่สิ” มือหนาตบลงบนเตียงเบาๆเพื่อเรียกให้หญิงสาวเข้าไปใกล้ๆ

“เพนท์เฮาส์ของพี่ติณณ์มีห้องอีกตั้งเยอะ”

“ถ้านอนแยกห้องแล้วพี่จะกอดเธอได้ยังไง?”

“อ๊ะ!” อลิชาร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆติณณ์ก็เข้าไปกระชากให้เธอล้มลงมาบนเตียง “อื้อ! พี่ติณณ์...” เธอร้องเขิน เพราะเขากอดรัดเธอแน่นแล้วกดจมูกหอมซอกคอขาวไปฟอดใหญ่

“ตัวเธอหอมจัง”

“ก็ลิชาเพิ่งอาบน้ำมานี่”

“ถึงไม่อาบเธอก็หอม...”

“สิบห้าปีที่เราไม่เจอกัน พี่ติณณ์คงได้ฝึกทักษะหว่านล้อมผู้หญิงมาเยอะสินะ?”

“ฝึกมาใช้กับเธอไง”

“หืม? นี่จะไม่ปฏิเสธสักหน่อยเลยเหรอ? หรือพี่ติณณ์เป็นคนเจ้าชู้...จริงสิ...เวลาดูหนังมาเฟีย เราก็เห็นอยู่บ่อยๆว่ามาเฟียมีผู้หญิงเยอะแค่ไหน”

“ผู้หญิงก็พอมีบ้าง แต่พี่ไม่เคยจริงจังกับใคร และไม่มีใครสำคัญเท่าเธอ”

“นิสัยไม่ดี! ที่ผ่านมาลิชาไม่เคยมีใครเลย! ลิชารอแค่พี่ แล้วทำไมพี่ถึงมีคนอื่นล่ะ?!”

“พี่แค่มีเซ็กส์ แต่ไม่ได้มีรัก ที่บอกเธอทุกอย่างเพราะอยากแสดงความจริงใจ...หรือเธออยากให้พี่แต่งเรื่องขึ้นมาโกหก?”

“ไม่เอาค่ะ ลิชาไม่อยากฟังคำโกหก...ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ไม่ว่ามันจะร้ายแรงมากแค่ไหน พี่ติณณ์บอกลิชาได้ทุกเรื่อง อย่าปิดบังหรือโกหกกันนะคะ?”

“เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง...พี่ถึงรู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่เลือกเธอ”

“ลิชารักพี่ติณณ์...”

“พี่ก็...”

“อื้อ!” เป็นอีกครั้งที่เขาจูบเธอ และเป็นอีกครั้งที่เขาหลอกให้เธอคิดว่าเขากำลังบอกรัก ทว่ามันไม่มีคำคำนั้นหลุดออกมาแต่อย่างใด อลิชารับจูบของติณณ์ไว้ด้วยความรัก เธอเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าเขารักเธอ...และเธอได้ตกหลุมพรางของเขาเข้าเต็มเปา

ร่างบางตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อพบว่าเวลานี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกและรักเดียว รอยยิ้มแห่งความสุขก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าในทันที เธอค่อยๆขยับตัวช้าๆเพื่อที่จะได้มองหน้าเขาได้อย่างถนัดตา มือบางเอื้อมไปแตะบนแก้มตอบของคนนอนหลับ เพียงเท่านั้นเขาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา

“มอร์นิ่งค่ะพี่ติณณ์...” อลิชาเอ่ยเสียงแผ่วเบา

“มอร์นิ่งคิสส์ด้วยสิ”

“งื้อ! ไม่เอาค่ะ มันชักจะบ่อยเกินไปแล้ว”

“นับด้วยหรือไง?”

“ก็...อื้อ!” ติณณ์ไม่รอที่จะฟังคำตอบ เขาโอบร่างบางเข้ามาแนบชิด ประกบปากจูบเธออย่างหนักหน่วง เขาทำราวกับว่าต้องการให้อลิชาเสพติดสัมผัสจากเขาจนไม่อาจถอนตัวได้

จุ๊บ!

รสจูบของเขาช่างเร่าร้อน ทำเอาร่างบางอ่อนปวกเปียกอย่างไร้เรี่ยวแรง ใครเลยจะไปขัดขืนสัมผัสที่น่าเสน่หาเช่นนี้ได้ ยามเขาสอดลิ้นเข้ามาดูดดึง ยามที่เขาครอบครองไปทั่วทั้งโพรงปาก อลิชาก็ยิ่งต้องการ...ยิ่งต้องการเขาเป็นเท่าทวี

“ฮึก! พะ...พอก่อนค่ะพี่ติณณ์” คนถูกกระทำนิ่วหน้าถอนจูบออกมากอบโกยอากาศเข้าหายใจ

“จะทำยังไงดี?” ติณณ์ขบฟันกรามแน่น “พี่ไม่อยากไปทำงานก็เพราะเธอ”

“ทำงาน...จริงสิ!” ในตอนนั้นดีไซเนอร์สาวก็เด้งตัวขึ้นสูง “วันนี้ลิชามีงานเช้า! นี่กี่โมงแล้วคะ?!”

“ตอนนี้...” ติณณ์หันไปคว้ามือถือขึ้นมาดูเวลาที่หน้าจอ “จะเก้าโมงแล้ว”

“ตายๆ ลิชาสายแล้ว!”

Girls : 10.30 AM

อลิชาวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาที่ชั้นสองของออฟฟิศ เธอตรงเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาจัดการแต่งหน้าแต่งตา ขณะเดียวกันนั้นพริบพราวและจีน่า สองสาวเพื่อนซี้ก็เปิดประตูห้องเข้ามายืนจ้องหน้าราวกับว่ามีเรื่องที่ต้องการสอบสวน

“มาแต่งหน้าที่ออฟฟิศ” พริบพราวว่า

“ใส่ชุดเดิมกับที่ใส่เมื่อวาน แถมวันนี้ยังมาทำงานสาย ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน” จีน่าตาม

“อะไรของพวกแก? เมื่อวานเราไม่เจอกันสักหน่อย รู้ได้ยังไงว่าฉันใส่ชุดเดิม?” คนถูกเพ่งเล็งเอ่ยถาม ขณะที่มือก็ยังไม่หยุดปัดอายชาโดว์ที่เปลือกตา

“แกลงไอจีไปเมื่อวาน...ชุดเดียวกันเป๊ะ”

“และพี่ผิงก็เล่าให้ฉันกับจีน่าฟังแล้วว่าเมื่อมันเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

“เรื่อง?”

“ก็ที่แกให้พี่ผิงตามหารักแรกที่ชื่อพี่ติณณ์ไง...แกไปเจอเขามาแล้วใช่ไหม? แล้วแกก็ไปค้างกับเขามาใช่ไหม? เล่ามาให้หมดเลยนะ ไม่ต้องมาทำเป็นมีลับลมคมใน แกคิดว่าแกจะมีเรื่องปิดบังพวกเราสองคนได้เหรอ?”

“ฉันไม่ได้คิดจะปิดบัง! แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาไง พวกแกไปหาชุดมาให้ฉันก่อน...เดี๋ยวถ้าโฮปมาถึง แล้วเราทำอะไรไม่ทัน” อลิชาเอ่ยถึงโฮป ซูเปอร์สตาร์หนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่นัดเข้ามาวัดตัวเพื่อตัดสูทในวันนี้

“แกจะไปสนใจอะไรกับโฮป? เขาถนัดเรื่องมาสาย นัดไว้สิบเอ็ดโมง กว่าจะมาก็บ่ายโน่นแหละ”

“ฉันเห็นด้วยกับพริบพราว เพราะงั้น...แกเล่าเรื่องคุณมาเฟียที่ชื่อติณณ์มาสักที”

“...” อลิชาจนมุม ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ใช่...เมื่อคืนฉันไปค้างกับพี่ติณณ์มาจริงๆ แต่มันไม่ใช่อย่างที่พวกแกคิดแน่...”

“เอาตั้งแต่ต้น!”

“ก็...อย่างที่ฉันบอก พี่ติณณ์คือคนที่ฉันรอมาตลอด ฉันได้เจอเขาแล้ว นี่ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่ฉันเกิดเลยหรือไง?!”

“ได้ก็ดี...วันนี้ฉันว่าง มีเวลาฟังแกทั้งวัน”

“ฉันกับพี่ติณณ์...เราสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทกันมา ตั้งแต่ที่จำความได้ ฉันก็มีเขาในชีวิตแล้ว...แต่เราต้องมาห่างกันเพราะเขาย้ายไปเรียนที่อังกฤษ” แล้วอลิชาก็ต้องจำใจเล่าทุกอย่างให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง ตั้งแต่ที่สองครอบครัวร่วมทำธุรกิจและสนิทสนมกันจนถึงขั้นคิดจะจับลูกชายและลูกสาวแต่งงาน ยาวไปถึงเรื่องที่ติณณ์ในวัยสิบห้าไม่ยินดีที่จะแต่งงานเป็นสามีเธอ ไม่ลืมที่จะเล่าว่าเขาเคยใจร้ายและผลักไสเธอ ต่อด้วยการจากไปของพ่อและแม่ติณณ์ จนกระทั่งการกลับมาของเขาหลังจากที่หายหน้าไปสิบสามปีเต็ม รวมถึงเรื่องที่พ่อของเธอไม่ยินดีกับการปรากฏตัวของมาเฟียหนุ่ม พูดให้เข้าใจง่ายๆว่าอลิชาเล่าทุกอย่างโดยละเอียดอย่างไม่มีหมกเม็ด

“แล้วเขาก็เพิ่งบอกว่าอยากกลับมาทวงฉันคืน...เขาอยากแต่งงานกับฉันล่ะ” อลิชายิ้มเขิน เมื่อนึกถึงคำหวานหยาดเยิ้มที่ติณณ์พร่ำบอกกับเธอ

“ฉันว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่นแปลกๆ” ซึ่งเมื่อพริบพราวได้ฟังเรื่องทั้งหมด เธอก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลของติณณ์

“ฉันก็คิดแบบนั้น พี่ติณณ์เขาไม่ได้เจอหน้าแกมาสิบห้าปี...อยู่ๆก็กลับมาบอกว่าอยากแต่งงานกับแก ไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ?” และไม่บ่อยนักที่จีน่าจะเห็นด้วยกับพริบพราว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel