บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 อดทน

หลังเลิกงานทาสพีรญาไม่ได้อาศัยรถของลัดดาไปลงที่โรงพยาบาลตามที่นัดหมายเอาไว้ในตอนแรก เธอกลับไปยังห้องเช่าขนาดเล็กของตน มองดูมือตัวเองแล้วนั่งร้องไห้ด้วยความอัดอั้น

ความเข้มแข็งของเธอนั้นจู่ๆ มันก็หายไปเมื่อได้รับการปฏิบัติจากอดีตคนรักที่คิดว่าตัดใจจากเข้าได้แล้ว

แม้จะเศร้าและเหนื่อยล้าแค่ไหนหญิงสาวก็ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา เธอซักเสื้อผ้าของสองวันที่ผ่านมาตากที่ริมระเบียงแล้วอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อไปนอนเฝ้าไข้ลูกชายที่โรงพยาบาล

หญิงสาวทำตัวให้เข้มแข็งแล้วยิ้มให้กับตัวเองที่หน้ากระจก รวบรวมกำลังใจทั้งหมดที่มีแล้วฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อยากให้อธิปรับรู้พลังลบของตนจึงเร่งสร้างพลังบวกให้แก่ตัวเอง

เมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาลก็รีบตรงไปที่ห้องพักฟื้นของอธิป พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าศานต์นั่งกอดอกอยู่ข้างในด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“คุณมาที่นี่ทำไม” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่กังวล แล้วรีบไปดูลูกบุญธรรมที่นอนเล่นของเล่นอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เลิกงานนานแล้วคุณไปไหนมา กล้าทิ้งลูกอยู่คนเดียวตั้งสองชั่วโมงไม่คิดเหรอว่าเด็กจะอยู่ยังไง” เขากัดฟันถามเธอเสียงลอดไรฟัน ไม่ได้ตวาดถามเพราะเกรงว่าเด็กน้อยจะตกใจ

“ฉันกลับไปเก็บของที่ห้องค่ะ”

หญิงสาวนำข้าวของไปเก็บในตู้เสื้อผ้า โล่งใจที่อธิปไม่ได้ตื่นกลัวคนแปลกหน้าอย่างศานต์

“ตกลงคุณมาทำไมคะ มีธุระอะไรทำไมไม่โทรมาหาฉัน” เธอถามเขาอย่างใคร่รู้

“ไม่ใช่ธุระของคุณ” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินผ่านหน้าเธอไปยิ่งสร้างความงุนงงให้แก่หญิงสาวกับอาการผีเข้าผีออกนี้

ศานต์ออกมาจากห้องพักฟื้นของเด็กชายด้วยความโล่งใจ ตอนที่รู้จากนทีว่าหญิงสาวไม่ให้ลัดดาไปส่งเขาก็ร้อนใจมากแล้วขับรถมุ่งหน้ามาดักรอเธอที่โรงพยาบาล

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าก็ยิ่งร้อนใจว่าเธอนัดหมายกับใครถึงไม่มาดูแลลูกชายของตนจนต้องมาดูเองให้เห็นกับตา

ความรู้สึกทั้งหวงและห่วงปนกับความโกรธที่คิดว่าเธอกำลังมีความรักครั้งใหม่ทำให้เขาหัวร้อนจนขาดสติ เป็นข้อเสียที่แก้ไม่หายเสียทีกับเรื่องความใจร้อนแบบนี้ของตน

พีรญาเก็บข้าวของให้เข้าที่แล้วเดินมาหยอกล้อกับลูกชายตัวน้อย

“วันนี้น้องอาร์มดื้อกับพี่พยาบาลหรือเปล่าครับ”

“ไม่ดื้อ” เด็กน้อยพูดประโยคสั้นๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำแล้วยิ้มอย่างร่าเริง

เธอปรับเตียงให้ยกขึ้นสูงให้เด็กน้อยลุกนั่ง เดินไปดูถาดอาหารเย็นเตรียมตัวจะป้อนอาหารแต่พบว่าอาหารพร่องลงมากแล้ว พลางคิดว่าพยาบาลพิเศษคงป้อนให้เด็กน้อยก่อนจะกลับไปเพราะเห็นว่าศานต์เข้ามาแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นญาติ

“กินข้าวเก่งจังเลย พี่พยาบาลป้อนแล้วใช่ไหม”

“ลุงป้อน”

“ลุงเหรอ...” เธอไม่อยากเชื่อว่าศานต์จะช่วยดูแลลูกชายของตน คิดว่าเด็กน้อยคงตอบไปอย่างนั้นตามประสา

คนอย่างศานต์ที่โกรธและแค้นเธอมากนะหรือจะช่วยดูแลลูกชายที่เข้าใจผิดว่าเป็นลูกแท้ๆ ของเธอกับชู้รัก มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

************************

วันต่อมาจู่ๆ ศานต์ก็เปลี่ยนใจอีกแล้ว เขายกเลิกไม่ให้เธอทำสวนต่ออ้างว่าเพราะเธอจะทำให้ดอกไม้สวยๆ ต้องแปดเปื้อนแล้วยกเลิกงานในเอกสารทั้งหมดจนพีรญาเริ่มชินกับการเปลี่ยนใจไปมาของเขา

“วันนี้จะให้ฉันทำอะไรคะ”

“ผมอยากกินแกงมัสมั่นเนื้อ”

“ให้ฉันไปบอกแม่ครัวให้หรือให้ไปจ่ายตลาดคะ”

“คุณต้องไปจ่ายตลาดและเป็นคนทำอาหารให้ผมกิน โดยไม่มีแม่ครัวหรือใครเข้าไปช่วย” เขาพูดแล้วยกยิ้มที่มุมปาก รู้ว่าเธอทำกับข้าวไม่เป็นแค่ทอดไข่ก็ยังอมน้ำมัน แล้วเมนูยากๆ อย่างมัสมั่นเธอก็คงไม่รอด

หญิงสาวกำลังจะอ้าปากแย้ง แต่ก็ไม่อยากมีปัญหาหรือต่อล้อต่อเถียงกับเขา

“ค่ะ” เธอรับปากแล้วเดินออกจากห้องทำงานของเขาไปอย่างคนที่ไม่มีทางเลือกมากนัก อย่างน้อยการทำอาหารก็ยังดีกว่าให้เธอทำสวนเพราะตอนนี้มือเธอยังคงเจ็บอยู่

พีรญาค้นหาข้อมูลวิธีการทำผ่านอินเทอร์เน็ตแล้วจดใส่กระดาษ จากนั้นก็ให้คนพาเธอไปจ่ายตลาดเลือกซื้อวัตถุดิบตามสูตรที่หามาได้

พอกลับมาถึงก็รีบเข้าครัวเพื่อทำอาหารตามที่ศานต์สั่ง โดยที่คนรับใช้ในบ้านไม่อนุญาตให้เข้าไปในครัวตอนนี้

พีรญาทำทุกขั้นตอนตามสูตรอย่างตั้งใจ เธอใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าที่มัสมั่นจะพร้อมรับประทาน พอชิมรสชาติแล้วก็รู้สึกภูมิใจในฝีมือตัวเองที่ครั้งแรกก็ทำออกมารสชาติดี แม้จะไม่อร่อยเท่าภัตตาคารหรูแต่ก็พอกินได้

หญิงสาวจัดมัสมั่นใส่ถ้วยพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ วางใส่ถาดแล้วนำไปวางไว้ที่โต๊ะอาหารเพื่อให้เขาได้กินอาหารที่เธอลงมือทำ

ศานต์เดินมานั่งที่โต๊ะ มองดูอาหารที่เธอทำแล้วก็ลองตักชิมดูก่อนจะวางช้อนลงเสียงดัง

“ห่วย กินแทบไม่ได้ แบบนี้เรียกว่าอาหารเหรอ ไปเอาอย่างอื่นมาให้ฉันกิน” เขาตวาดเสียงดังลั่น

พีรญาได้แต่อดทนต่อความเกรี้ยวกราดนี้ เธอคิดว่ารสชาตินี้น่าจะกินได้ แม่ไม่อร่อยเลิศแต่ก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่ามันก็อร่อยในระดับหนึ่ง

“เอ่อ คุณศานต์สั่งให้คุณแพนเข้าครัวคนเดียวห้ามใครเข้าไปยุ่ง แม่ครัวเลยไม่ได้เข้าไปทำอาหารกลางวันอย่างอื่นเอาไว้เลยค่ะ”

ลัดดาที่ยืนรอรับใช้ในห้องอาหารพร้อมกับสาวใช้กับพ่อบ้านอีกคนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและระมัดระวังไม่ให้ไปสะกิดต่อมไม่พอใจของเขาให้รุนแรงขึ้น

“จะให้ผมบอกให้แม่ครัวทำอะไรง่ายๆ ให้กินก่อนไหมครับ” นทีรีบถามเพราะเกรงว่าภรรยาจะโดนหางเลขไปด้วย

“ไม่ต้อง ฉันจะฝืนใจกินก็แล้วกัน” เขาพูดด้วยความหงุดหงิด แล้วมองพีรญาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ทำให้หญิงสาวต้องออกไปจากตรงนั้นเพราะเกรงว่าเธออาจทำให้เขาไม่เจริญอาหาร

เธอไปที่ด้านหลังของเรือนพักคนรับใช้ แล้วนั่งลงถอนหายใจกับสิ่งที่ตนเองเจอมา

“อดทนเอาไว้แพน อดทนเอาไว้” เธอบอกตัวเองแล้วยิ้มรับปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่

ทางด้านของศานต์ เขาไล่คนรับใช้ที่อยู่ในห้องอาหารออกไปเหลือเพียงนทีที่ยืนอยู่ด้วยกัน แล้วกินมัสมั่นฝีมือพีรญาอย่างไม่วางช้อน

“ตักข้าวเพิ่มให้ฉัน” เขาบอกลูกน้องคนสนิท

นทีอมยิ้มที่เจ้านายเจริญอาหาร แต่ไม่ได้พูดเย้าแหย่ออกไปให้อีกฝ่ายเสียอารมณ์

“ถ้าไม่ติดว่าหิวและเสียดายของล่ะก็ ฉันไม่มีวันแตะอาหารที่ห่วยแบบนี้แน่” เขาแกล้งบ่นออกมาให้คนฟังเข้าใจว่าเขาฝืนใจในการกินอาหารฝีมืออดีตคนรักมากแค่ไหน

แต่นทีที่รับใช้เคียงข้างมาหลายปีมีหรือจะไม่รู้ทันว่าเขาชอบมัสมั่นเนื้อถ้วยนั้นมากแค่ไหน ศานต์ไม่ใช่คนที่จะตักข้าวเพิ่ม

‘เสียดายเพราะอาหารอร่อย หรือเพราะคุณแพนเป็นคนทำกันแน่’ นทีคิดแล้วยืนอมยิ้มอย่างเงียบๆ

************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel