
บทย่อ
‘พีรญา’ ทิ้งเขาไปเมื่อสามปีที่แล้วและกลับมาขอความช่วยเหลือให้แก่ลูกชาย ‘ศานต์’ จึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือโดยแลกกับสัญญาทาสเพื่อเอาคืนผู้หญิงที่นอกใจตนอย่างสาสม
ตอนที่ 1 ข้อแลกเปลี่ยน
ริมฝีปากหยักแสยะยิ้มออกมาด้วยความสมเพชเมื่ออดีตคนรักที่ทอดทิ้งเขาไปกำลังมาขอความช่วยเหลือจากเขา
ศานต์ ตันติวิลามาศ ในวัยสามสิบแปดเคาะนิ้วลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่อย่างเป็นจังหวะ ก่อนที่จะกลั้วเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจปนเวทนา
ทำเอาอดีตคนรักอย่าง พีรญา รู้สึกอับอายที่บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เธอไม่เคยคิดจะมาหาหากไม่จนตรอกแล้วจริงๆ
“เงินแค่สามแสนพ่อของเด็กไม่มีปัญญาจ่ายค่าผ่าตัดลูกชายเขาเหรอ” น้ำเสียงนั้นเย้ยหยันเธอ แต่หญิงสาวก็ต้องอดทนเอาไว้
“เขาเสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวของเขาก็ไม่ยอมรับน้องอาร์ม ถ้าฉันไม่ถึงที่สุดจริงก็คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากคุณ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว
ท้องไส้ปั่นป่วนเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายโกรธแค้นตนมากแค่ไหนกับเรื่องเมื่อหลายปีก่อน
ในตอนนั้นแม้จะอ้าปากอธิบายเขาก็ไม่ยอมฟัง เขาเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกเขามากกว่าคำพูดของเธอ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรหากคนรักขาดความเชื่อใจกันและด่าทอผลักไส
การที่เธอออกไปจากชีวิตเขาในตอนนั้นมันดีกับทุกฝ่ายแล้วจริงๆ
“สามแสน แล้วอะไรล่ะคือข้อแลกเปลี่ยน” เขาถามเธอแล้วมองเรือนร่างที่หญิงสาวหวงนักหนา ไม่ยอมให้เขาชิงสุกก่อนห่ามแต่กลับตั้งท้องกับคนอื่น
“ฉันไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลยสักชิ้น เป็นไปได้ไหมที่คุณจะเมตตาให้ฉันยืมโดยไม่มีอะไรค้ำประกัน” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงเรื่อยๆ
เกรงว่าตนเองจะพูดอะไรออกไปให้เขาไม่พอใจแล้วไม่ยอมช่วยเหลือเธอ เพราะเท่าที่ดูตอนนี้ก็มีความหวังริบหรี่เหลือเกิน
ใบหน้าที่เศร้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ร่างกายที่ซูบผอมเพราะทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมารักษาลูกชายทำให้เธอดูไม่เหมือนคนที่เคยสวยงามก่อนหน้านี้
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนกับเธอเลยสักนิด
“เธอมาเป็นทาสฉันเป็นเวลาสองเดือน”
“สองเดือน แค่สองเดือนใช่ไหม”
“ใช่ การช่วยเหลือจากฉันแลกกับอิสรภาพของเธอทั้งสองเดือน แล้วฉันจะช่วยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด”
ข้อเสนอของเขาเป็นทางออกสุดท้ายของเธอ แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งจากเขาพีรญาก็ต้องรับมันเอาไว้
“ค่ะ ฉันยินดีรับข้อเสนอของคุณ” เธอรับปากอย่างไม่มีทางเลือกอื่นที่จะหาเงินมารักษาเด็กชายวัยสองขวบในการผ่าตัด
ศานต์หัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ จนเธอขนลุกซู่ไปทั่วร่าง
ริมฝีปากที่หัวเราะนั้น พูดด้วยเสียงที่น่าเกรงขามและดุดัน “ดี งั้นนับตั้งแต่วันนี้ไปเธอคือทาสของฉัน”
พีรญากลืนน้ำลายแทบไม่ลง เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ
ชะตาชีวิตของเธอหลังจากนี้อีกหกเดือนต้องเผชิญกับอารมณ์ที่แปรปรวนของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
************************
ณ โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงด้านหมอเฉพาะทางด้านการผ่าตัดหัวใจ
พีรญามาให้กำลังใจหลานรักที่ตนรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เด็กชายอธิปกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดเพราะการช่วยเหลือจากศานต์ที่จ่ายค่าเข้ารับการผ่าตัดให้ก่อนแล้ว
“สู้ๆ นะครับน้องอาร์ม แม่จะอยู่ตอนที่หนูตื่น” เธอลูบผมเด็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เด็กน้อยค่อยๆ หลับไปเพราะความอ่อนเพลียและฤทธิ์ยา จากนั้นเธอก็มองดูอธิปถูกพาเข้าห้องผ่าตัดไปเพื่อดมยาสลบและเข้ารับการผ่าตัดตามขั้นตอนโดยที่หญิงสาวกลับไปรอที่ห้องพักฟื้นด้วยความกังวลใจ
อธิปเป็นลูกของน้องสาวของเธอที่ตั้งท้องกับแฟนหนุ่ม ในตอนนั้นศานต์ถูก ธนิดา ผู้หญิงที่พยายามแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของเธอและเขามาพูดเป่าหูว่าคนที่ตั้งท้องเป็นเธอ
พร้อมกับหลักฐานรูปถ่ายตอนที่พาน้องสาวไปฝากครรภ์แต่ถ่ายติดรูปเธอกับแฟนของน้องสาวเพียงสองคน
หญิงสาวพยายามอธิบายแต่เพราะเขาโกรธมากจนพลั้งผลักเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ประกอบกับหูเบาเชื่อคนอื่นโดยไม่ฟังเหตุผลทำให้หญิงสาวไม่ได้อธิบายและออกมาจากชีวิตเขาตั้งแต่ตอนนั้น
ยอมถูกศานต์ตราหน้าว่านอกใจ ดีกว่าคบกับเขาไปแล้วต้องทนอยู่กับคนที่ไม่เคยเชื่อใจเธอและหูเบาฟังคนนอก อนาคตหากอยู่ร่วมกันไปก็คงไม่มีความสุข
สู้ถอยออกมาในช่วงที่น้องสาวต้องการกำลังใจเพราะครอบครัวของแฟนหนุ่มไม่ยอมรับเธอและลูกในท้องจะดีกว่า
อีกอย่างฐานะที่แตกต่างกันนั้นเป็นปัญหาตั้งแต่แรกแล้ว การที่เธอตัดสินใจถอยออกไปจึงไม่ใช่เพียงเพราะน้อยใจหรืออารมณ์ชั่ววูบ
ต่อมาน้องสาวเธอคลอดลูกไม่นานก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมแฟนหนุ่ม เธอจึงรับเลี้ยงอธิปมาตั้งแต่ตอนนั้นและรักอีกฝ่ายเหมือนลูกแท้ๆ
พออธิปป่วยบ่อยและถูกวินิจฉัยว่าหัวใจเต้นผิดปกติและต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อรักษา เธอก็หาเงินทุกวิถีทางเพื่อมารักษาเด็กชายตัวน้อย
จนกระทั่งมาจบที่อดีตคนรักที่ยังแค้นเธออยู่ แต่นั่นก็ยังโชคดีกว่าการที่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือเธอ
หญิงสาวรอจนกระทั่งการผ่าตัดผ่านไปด้วยดี มองดูหลานชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและสงสารที่อีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะการผ่าตัดตั้งแต่อายุยังน้อย
ในตอนนั้นประตูห้องพักฟื้นก็ถูกเปิด คนที่เข้ามาคือศานต์ที่เข้ามาพร้อมกับมองเด็กชายตัวน้อยด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก
“ผมโทรมาทำไมไม่รับ” เขาถามเสียงกร้าว
“ฉันขอโทษค่ะ พอดีปิดเสียงเอาไว้ เอ่อ รบกวนอย่างส่งเสียงดังนะคะ ฉันไม่อยากให้น้องอาร์มตื่น” เธอบอกเขาเสียงเบาในตอนท้าย
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังเด็กชายที่นอนพักฟื้น เสื้อคนไข้ถูกเปิดออกให้เห็นผ้าปิดแผลที่ผ่าตัดอยู่ แล้วเบือนหน้าไปมองที่อดีตคนรักอีกครั้ง
“เวลางานคือแปดโมงเช้าถึงบ่ายสาม พรุ่งนี้เริ่มงานวันแรกอย่าสายล่ะ”
เรื่องเพียงแค่นี้เขาถึงขั้นลงทุนมาบอกเธอด้วยตัวเอง คงตั้งใจมาดูว่าเธอโกหกเรื่องพ่อเด็กที่เสียชีวิตไปแล้วว่าจริงหรือไม่
“ค่ะ ฉันไม่ไปสายแน่”
เธอรับปากเขาแล้วหันไปมองหลานชายเพื่อซึมซับเอากำลังใจให้แก่ตัวเอง
ศานต์เดินกลับออกไปด้วยใบหน้าที่เย็นชา เด็กคนนั้นเหมือนหญิงสาวราวกับพิมพ์เดียวกัน แม้จะอยากเกลียดก็เกลียดไม่ลง เพราะหัวใจเขายังไม่เคยลืมเธอเลยแม้แต่สักวินาที
แต่เพราะรักมากก็ยิ่งแค้นมาก เขาจะทำให้เธอเจ็บปวดและสำนึกว่าการทิ้งเขาไปเธอได้ทำพลาดครั้งใหญ่หลวงแล้ว
“แล้วคุณจะรู้ว่าการที่ทิ้งผมให้อยู่กับความเจ็บปวดมาสามปี สุดท้ายแล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง” เขาพูดกัดฟันด้วยความโกรธ พร้อมกับรีบสาวเท้าไปให้พ้นจากสถานที่แห่งนี้
************************
