ตอนที่ 3 ความช่วยเหลือ
อธิปรู้สึกตัวในช่วงเช้ามืดด้วยอาการที่ยังอ่อนเพลียอยู่ เด็กชายตัวน้อยยิ้มให้แก่มารดาบุญธรรมแววตานั้นดีใจที่ตนเองตื่นมาแล้วเจอมารดาอยู่ใกล้ๆ
“แม่แพน” เด็กชายเรียกมารดาเสียงเบาด้วยความดีใจ
พีรญาขยับเข้าไปจุมพิตที่หน้าผากแล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน ดีใจที่ลูกชายฟื้นแล้ว
“น้องอาร์มเก่งมากเลยครับ”
“หม่ำๆ” เขาถามหาขวดนมของตนทันที
“หม่ำยังไม่ได้ครับ เดี๋ยวแม่ป้อนนะ” เธอบอกเขาโดยใช้เหตุผล และเหมือนกับว่าเด็กชายจะเข้าใจจึงไม่ได้งอแงให้มารดาบุญธรรมของตนต้องลำบาก
หญิงสาวชงนมผงแล้วใช้ช้อนค่อยๆ ป้อนอย่างระมัดระวังตามที่พยาบาลสอนเอาไว้ว่าหากอธิปฟื้นให้เธอค่อยๆ ป้อนแบบนี้ก่อน
พีรญาดีใจที่เขาฟื้นแล้วแต่ว่าระหว่างที่เธอออกไปทำงานเด็กชายอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วงอแงหา แต่เชื่อว่าพยาบาลพิเศษจะรับมือได้
ถ้าหมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอคงต้องพาอีกฝ่ายไปทำงานด้วยแล้วคงต้องรบกวนฝากลูกไว้กับลัดดาตามที่พูดคุยกันในรถเมื่อวานนี้
สาวใช้ที่เป็นมิตรรับปากว่าจะช่วยเลี้ยงดูให้ในช่วงที่เธอทำงานให้แก่ศานต์จึงทำให้พีรญาโล่งใจไปอีกเปลาะ
พอป้อนนมและพูดคุยไปด้วยสักพักเด็กน้อยก็หลับไปอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย
หญิงสาวจึงใช้โอกาสนั้นรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปเพื่อเตรียมตัวทำงานให้แก่เขา
รถของลัดดามาจอดรับเธอตามเวลาที่นัดหมายแล้วพาไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมกันและชักชวนให้ไปกินมื้อเช้าด้วยกันก่อน
พีรญารับคำเชิญอย่างไม่ลังเล เธอนั่งกินอาหารเช้ากับลัดดาและสาวใช้อีกสองคน
“ไม่ต้องรีบกินหรอกค่ะ คุณศานต์ยังไม่ตื่น”
“กินเยอะๆ นะคะ งานวันนี้น่าจะหนักกว่าเมื่อวาน ไม่รู้จะให้คุณไปทำงานนั้นทำไมทั้งๆ ที่มีคนสวนอยู่แท้ๆ” สาวใช้อีกคนบ่นด้วยความเห็นใจ
นอกจากลัดดาแล้วก็มีไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอเป็นอดีตคนรักของศานต์ เพราะสาวใช้ที่นี่เข้าๆ ออกๆ กันบ่อยเพราะทนต่อกฎระเบียบของที่นี่ไม่ไหว
“เขาจ้างฉันแพงคงต้องใช้งานให้คุ้มมั้ง” หญิงสาวตอบอย่างไม่ได้คิดอะไร ใครจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
“พูดมากจริงพวกนี้ รีบกินรีบไปทำงานได้แล้ว” ลัดดาบอกทั้งสองให้สงบปากสงบคำ
สักพักนทีก็เดินเข้ามาที่หลังครัว แล้วยื่นกระดาษคำสั่งของศานต์ให้แก่พีรญา
“นายฝากมาให้คุณแพนครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแล้วหันไปมองภรรยาที่รับหน้าที่ช่วยเหลือพีรญาอยู่อย่างรู้กัน
“ขอบคุณค่ะ” พีรญารับเอาไว้แล้วอ่านลายมือที่คุ้นตานั้น พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกท้อแท้
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหมคะ”
“ไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ดา” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่ซาบซึ้ง ขอเติมข้าวต้มอีกถ้วยเพื่อเพิ่มพลังงานในเช้านี้
หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปที่โรงเรือน จัดการงานที่เหลือต่อจากเมื่อวานจนแล้วเสร็จในขั้นตอนการกำจัดวัชพืช แล้วกวาดเศษหญ้าที่ถอนไปใส่ในถังหมักจนเสร็จในตอนเกือบเที่ยง
เธอมองดูต้นกล้าที่คนสวนทยอยนำมาวางให้เธอเตรียมปลูกภายในเวลาที่กำหนด
“ลุงอยากช่วยนะ แต่ว่าคุณศานต์ไม่ให้ช่วย” เขาบอกเธอด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอกเขาแล้วมองดูต้นกล้าหลายสิบต้นในถุงเพาะปลูกด้วยสายตาที่ท้อแท้ งานยังไม่เสร็จดีเขาก็สั่งต้นกล้ามากดดันเธอแล้ว
หญิงสาวมองดูมือของตัวเองที่เริ่มแตกมากกว่าเมื่อวานนี้ ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนนั้นหญิงสาวต้องอดทนทำงานต่อไปโดยไม่ปริปากบ่นเพราะยังทนได้อยู่
ค่าใช้จ่ายที่เขาแลกกับค่าแรงของเธอนั้นเฉลี่ยวันละพันกว่าบาท งานหนักแค่นี้อย่างไรก็คุ้มมากแล้ว
เธอคิดในแง่ดีเพื่อปลอบใจตัวเอง รู้ว่าเขากลั่นแกล้งให้เธอเผชิญความลำบาก แต่ว่าก็ไม่อยากถือโทษเพราะสิ่งที่ได้รับกลับมาคือการช่วยเหลือชีวิตของอธิป
ศานต์ยืนมองเธอลงมาจากระเบียงชั้นสอง เห็นลัดดายกอาหารกลางวันไปให้แล้วมองเธอรับเอาไว้ด้วยสีหน้าที่ยินดี
“เธอทำถึงไหนแล้ว” เขาถามนทีที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“เพิ่งถอนหญ้าเสร็จครับ เหลือทำความสะอาดโรงเรือน พรวนดิน แล้วก็ลงต้นกล้าดอกไม้พวกนั้น”
“แล้วเรื่องที่สั่งไว้ล่ะ” เขาถามต่อแล้วมองอดีตคนรักที่ซูบผอมด้วยแววตาที่อ่อนแสงลง
“คุณแพนวางแผนว่าหากหมอให้ลูกชายเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วจะพามาทำงานที่นี่แล้วฝากให้ภรรยาของผมช่วยเลี้ยงครับ” เขาบอกเจ้านายของตน
“ให้เธอทำตามนั้น หาห้องที่เรือนคนใช้ให้เธอกับลูกพัก หากเธออยากค้างที่นี่ก็แล้วแต่เธอ แล้วอย่าลืมว่าทุกอย่างอย่าให้เธอรู้ว่ามาจากฉัน ฉันไม่อยากให้เธอได้ใจ” เขาบอกกับนทีด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“ครับ” นทีรับคำสั่ง
เขารู้ว่าเจ้านายนั้นยังไม่ลืมพีรญา ยังรักเธอและไม่เคยลืม แต่เพราะศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายที่ถูกเธอทิ้งไปทำให้เขาไม่อยากแสดงความรู้สึกออกมาให้ใครมองว่าตนอ่อนแอ และอาจจะรอคำขอโทษจากพีรญาอยู่ก็ได้
************************
พีรญายืนอยู่ต่อหน้าศานต์ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงาน ฝ่ามือที่แตกเป็นรอยแดงนั้นประสานไว้ตรงหน้าปิดบังร่องรอยจากการทำงานหนักของตน
“เหลืออีกสามวัน งานจะเสร็จทันหรือเปล่า”
“ทันค่ะ” เธอตอบเขาตามจริงเพราะตอนนี้งานก็เสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
“ส่วนเรื่องที่คุณสั่งเพิ่มว่าวันนี้ให้ฉันเข้ามาช่วยเรียงเอกสารให้คุณก่อนกลับ ฉัน...”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่อยากเห็นสภาพแบบนี้ มันรกหูรกตาเวลามีคนอย่างเธออยู่ในห้องของฉัน”
เขาพูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราวกับว่ารังเกียจเธอนักหนา แต่เท่านี้เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร หญิงสาวผ่านเรื่องราวร้ายๆ มามากมาย คำพูดของเขามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ฉันไม่อยากเสวนากับเธอบ่อย นี่เป็นเอกสารหน้าที่งานของเธอในสองเดือนนี้ เอาไปอ่านซะ” เขายื่นเอกสารให้แก่เธอ
หญิงสาวเดินเข้าไปยืนตรงข้ามกับเขาโดยมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่คั่นกลางระหว่างทั้งคู่ แล้วยื่นมือไปรับเอกสารจากเขา
ศานต์มองเห็นรอยแตกแดงที่มือเธอ วินาทีนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องทำเป็นไม่สนใจแล้วเยาะเย้ยกับร่องรอยเหล่านั้น
“ถ้าเธอไม่อยากลำบาก ก็ขอร้องฉันสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันทนได้” เธอปฏิเสธ ความเมตตาจากเขาแค่เรื่องเงินรักษาลูกบุญธรรมก็พอแล้ว
“กำแหง เย่อหยิ่ง จองหอง” เขาสรรหาคำมาต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
หญิงสาวถือเอกสารหน้าที่งานของตนเองเอาไว้ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป
“รีบไปให้พ้นหน้าฉัน ออกไป!” เขาตวาดเธอเสียงดังด้วยความโกรธ
เธอได้ยินคำที่รอคอยนั้นแล้วรีบออกจากห้องไป ศานต์ปัดเอกสารบนโต๊ะลงพื้นด้วยความโมโหที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกผิดหรืออยากญาติดีกับตนเลยสักนิด
************************
